Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

สองพี่น้องคาวหวาน

นิทานก่อนนอนเรื่อง “สองพี่น้องคาวหวาน” เป็นนิทานเกี่ยวกับอาหารอีกเรื่องที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) เป็นคนแต่ง แต่นิทานเรื่องนี้ แต่งในช่วงปีท้าย ๆ ของการแต่งนิทานลงในนิตยสารขวัญเรือน การผูกเรื่องจึงมีความท้าทายมากกว่าตอนแต่งนิทานเกี่ยวกับอาหารเรื่องแรก ๆ (เพราะอยากแต่งนิทานเรื่องใหม่ให้สนุกขึ้นและไม่ซ้ำกับนิทานเกี่ยวกับอาหารเรื่องก่อน ๆ ) ซึ่งหลังจากพยายาม ผมก็ได้นิทานก่อนนอนเกี่ยวกับอาหารที่ผสมผสานนิทานแนวผจญภัย ซึ่งมีทั้งพ่อมดแม่มด และสัตว์อีกมากมาย เป็นตัวละครอยู่ในนิทานเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าเด็ก ๆ จะชอบนิทานเรื่องนี้ และนิทานก่อนนอนเรื่องนี้น่าจะทำให้เด็ก ๆ นอนหลับฝันดีครับ

นิทานเรื่อง สองพี่น้องคาวหวาน

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงคู่หนึ่งเป็นพี่น้องกัน  เด็กผู้ชายผู้เป็นพี่ชื่อว่า .ต้นข้าว  ส่วนเด็กหญิงผู้เป็นน้องชื่อว่าขนม พ่อกับแม่ของพวกเขามีฝีมือในการทำอาหารมาก  ยามว่าง…เด็ก ๆ จึงมักเข้าครัวแล้วขอให้คุณพ่อคุณแม่สอนทำอาหาร โดยต้นข้าวชอบเรียนทำอาหารคาว ส่วนขนมชอบฝึกทำอาหารหวาน 

            ในช่วงสัปดาห์ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่บ้าน  ต้นข้าวจะคอยทำอาหารให้น้องสาวกินเสมอ  ต้นข้าวเป็นเด็กที่มีฝีมือในการทำอาหาร   ทุกครั้งที่เขาทำครัว  กลิ่นหอมของอาหารจะดึงดูดให้สัตว์ต่าง ๆ มาแอบซุ่มสูดกลิ่นหอม ๆ อยู่นอกรั้วเต็มไปหมด

            วันหนึ่ง  หลังจากต้นข้าวเพิ่งทำอาหารเช้าเสร็จ จู่ ๆ ก็มีพ่อมดกับแม่มดตัวน้อยขี่ไม้กวาดบุกเข้ามาในครัว   พ่อมดและแม่มดพูดคุยกับต้นข้าวสักพัก  แล้วจัดการจับต้นข้าวผูกกับไม้กวาดวิเศษ  จากนั้น  พวกเขาก็พาต้นข้าวเหินฟ้ามุ่งหน้าไปยังเกาะเวทมนตร์ที่อยู่กลางทะเลทันที

            ในเสี้ยววินาทีที่พ่อมด แม่มด และต้นข้าวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า  ขนมซึ่งเพิ่งกลับมาจากตลาดก็มองเห็นพี่ชายถูกจับไปต่อหน้าต่อตา  ขนมตกใจมาก  เธออยากช่วยพี่ชายสุดที่รัก  ขนมจึงหยิบข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งอาหารต่าง ๆ ใส่ถุง  แล้วออกเดินทางเจ้าไปในป่า โดยตั้งใจจะช่วยพี่ชายกลับมาให้จงได้

            ขนมเดินทางและหลงอยู่ในป่านานหลายชั่วโมง  ตั้งแต่เช้า…ขนมยังไม่ได้กินอะไรเลย  ขนมทั้งเหนื่อยทั้งหิว  เธอจึงหาที่นั่งพัก  แล้วลงมือทำอาหารกินเติมพลังก่อนอกเดินทางต่อไป

            เมื่อขนมลงมือทำอาหารโดยนำตะแกรงมาตั้งไฟ แล้วย่าง “ขนมแก้มตุ่ย”  กลิ่นของขนมก็ลอยคลุ้งฟุ้งไปทั่ว  ทำให้สัตว์ต่างๆ  น้ำลายไหลและแอบซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้เต็มไปหมด

            ขนมเป็นเด็กใจดี  พอเธอเห็นว่ามีสัตว์มาแอบดูเธอทำขนม  แถมสัตว์ทั้งหลายยังมีทีท่าว่าอยากกินขนม  เด็กน้อยจึงจัดแจงแจกขนมแก้มตุ่ยให้สัตว์เหล่านั้นได้ลองชิม  ซึ่งหลังจากที่สัตว์ต่าง ๆ ได้ชิมขนมแก้มตุ่ยแล้ว   พวกมันก็ยิ้มแก้มตุ่ยกันโดยถ้วนหน้า

            ครั้นเมื่อสัตว์ทั้งหลายรู้ว่าขนมตั้งใจจะเดินทางไปช่วยพี่ชาย  ราชสีห์เจ้าป่าจึงบอกให้ขนมขึ้นขี่หลังของมัน  แล้วมันก็พาเด็กหญิงตัวน้อยเดินฝ่าป่าดงไปส่งยังชายหาดซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะเวทมนตร์มากที่สุด

            เมื่อขนมไปถึงชายหาด ขนมก็ขอบคุณราชสีห์ที่มาส่งและขอให้ราชสีห์นั่งรอสักพัก  เพราะเธออยากทำ “ขนมซู่ซ่า” ตอบแทนราชสีห์ผู้มีน้ำใจ

            เด็กหญิงผู้เชี่ยวชาญการทำขนมหวานใช้เวลาทำขนมซู่ซ่าไม่นานนัก  ครั้นเมื่อเธอทำขนมใกล้จะเสร็จ  กลิ่นหอมของขนมก็ดึงดูดสัตว์ที่อยู่แถว ๆ นั้น  เช่น ปู ปลา เต่า และนก ให้มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

            แน่นอนว่า…เมื่อเด็กหญิงผู้ใจดีเห็นสัตว์ต่าง ๆ ทำท่าอยากกินขนมที่เธอทำ  เธอก็อดใจแบ่งขนมซู่ซ่าให้สัตว์เหล่านั้นไม่ได้  และหลังจากที่สัตว์ต่าง ๆ ชิมขนมแสนอร่อยแล้ว  ฝูงนกก็อาสาพาขนมไปส่งยังเกาะเวทมนตร์เพื่อตอบแทนน้ำใจของเด็กน้อย

            ขนมดีใจมากที่ฝูงนกอาสาพาเธอไปที่เกาะ  เมื่อเธอพร้อม ฝูงนกก็บินเข้ามาเกาะที่เสื้อผ้าของขนม  แล้วขยับปีกพาขนมบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

            เมื่อฝูงนกพาขนมไปถึงเกาะ  นกทั้งหลายต่างก็ดูอ่อนเพลียจนน่าเป็นห่วง  ขนมรู้สึกผิดที่ทำให้ฝูงนกหมดเรี่ยวแรง  ขนมจึงลงมือทำ “ขนมปึ๋งปั๋ง” ให้นกทั้งฝูงได้กินเสริมพลัง

            ครั้นเมื่อเด็กน้อยทำขนมได้สักพัก  กลิ่นของขนมปึ๋งปั๋งก็โชยไปยังบ้านของพ่อมดและแม่มดตัวน้อย  พ่อมดกับแม่มดอยากชิมขนมปึ๋งปั๋งมาก  ทั้งคู่จึงขี่ไม้กวาดตามกลิ่นขนมมาที่ชายหาด

            เมื่อขนมเผชิญหน้ากับพ่อมดและแม่มด  ขนมก็จำได้ว่าทั้งคู่เป็นคนจับต้นข้าวพี่ชายของเธอไป  ขนมจึงอ้อนวอนให้พ่อมดกับแม่มดปล่อยตัวพี่ชายที่เธอรัก  ซึ่งหากทั้งคู่อยากกินขนมอะไร เธอก็ยินดีทำให้กินจนพุงกาง

            พ่อมดกับแม่มดมองตากันแล้วอธิบายให้ขนมฟังว่า  ในความเป็นจริง  ทั้งคู่ไม่ได้จับตัวต้นข้าวมาแต่อย่างใด  เพียงแต่คืนนี้เป็นวันที่คุณพ่อกับคุณแม่แต่งงานกันครบ 100 ปี  พ่อมดกับแม่มดจึงอยากทำให้คุณพ่อคุณแม่แปลกใจด้วยการจัดงานเลี้ยงแบบลับ ๆ  ทั้งคู่จึงไปขอร้องให้ต้นข้าวมาปรุงอาหารให้  และที่ต้องใช้เชือกมัดต้นข้าวไว้กับไม้กวาดก็เพราะกลัวต้นข้าวจะตกลงมานั่นเอง

            ขนมเขินมากที่ตนเองเข้าใจผิด  อาหารมื้อพิเศษสำหรับคุณพ่อคุณแม่เป็นความคิดที่น่ารักเหลือเกิน ขนมขอโทษพ่อมดกับแม่มดที่มองพวกเขาเป็นคนร้าย  จากนั้น  ขนมก็อาสาทำของหวานเพื่อทำให้งานเลี้ยงน่าประทับใจยิ่งขึ้น

            แม้เวลาจะมีไม่มาก  แต่ขนมก็ทำขนมรูปหัวใจเพื่อฉลองวันพิเศษได้ทันเวลา   เมื่อคุณพ่อคุณแม่ของพ่อมดกับแม่มดน้อยกลับมาถึงบ้านและได้เห็นสิ่งที่ลูกจัดเตรียมไว้ให้  ทั้งคู่ก็ปลื้มใจจนน้ำตาแทบไหล  ครั้นเมื่อทุกคนได้ชิมอาหาร ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงความอร่อยที่ยอดเยี่ยมเสียจนหาอาหารมื้อใดมาเทียบเทียมได้ยาก

          หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง  พ่อมดกับแม่มดก็ขอโทษขนมที่ทำให้ตกอกตกใจ  และเมื่อพ่อมดกับแม่มดพาสองพี่น้องมาส่งที่บ้าน  ทั้งคู่ก็มอบไม้กวาดวิเศษให้พี่น้องทั้ง 2 แทนคำขอบคุณ

            ค่ำคืนนั้น  ต้นข้าวกับขนมมีความสุขมากที่ได้ใช้ความสามารถในการทำอาหารทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น  พรุ่งนี้…ทั้งคู่ตั้งใจจะตื่นแต่เช้า  แต่ไม่ใช่ตื่นมาเพื่อทำอาหารหรือไปจ่ายตลาดเท่านั้น  ทั้งคู่ยังมีแผนที่จะหัดขี่ไม้กวาดวิเศษให้คล่องแคล่วอีกด้วย

#นิทานนำบุญ

………………………

2 thoughts on “สองพี่น้องคาวหวาน

    1. จะติดเรื่องลิขสิทธิ์ครับ (ขอโทษด้วยนะครับ) เพราะปีที่แล้ว มีคนนำนิทานไปเล่าในสื่อออนไลน์หลายเรื่องมาก ๆ บางคนเปลี่ยนชื่อเรื่องและไม่ให้เครดิตใด ๆ แล้วก็มีคนก๊อปไปโพสต์ต่อ จนผมต้องแจ้งเจ้าของแพลตฟอร์มช่วยจัดการให้ (นิทานหลายเรื่อง เลยกลายเป็นนิทานที่ไม่รู้คนแต่งไปเลย) แต่ปีนี้ ผมคงให้ทนายดูแลให้ครับ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปฏิเสธคำขอนำเรื่องไปใช้ในสื่อออนไลน์นะครับ ถ้าทำช่องยูทูบ ลองใช้นิทานอีสป นิทานกริมส์ นิทานที่ไม่ปรากฏผู้แต่งหรือผู้แต่งเสียชีวิตไปเกิน 50 ปี แบบนี้จะปลอดภัยจากปัญหาลิขสิทธิ์ครับ

      Like

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.