นิทานเรื่องนี้แต่งขึ้นโดยนักเขียนชื่อก้องโลก ออสการ์ ไวลด์ (Oscar Wilde) ผู้เปี่ยมด้วยสายตาเสียดสี และสำนวนที่ลึกซึ้งจนหลายคนเข้าใจผิดว่า “แค่เรื่องเด็ก”… แท้จริงแล้ว นิทานของเขา โดยเฉพาะ The Devoted Friend ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1888 คือบทเรียนแห่งชีวิต และคำถามที่สะเทือนใจคนอ่านทุกวัย
Wilde เริ่มเรื่องนี้ด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา เขาให้สัตว์สามตัวในสวน ได้แก่ นกกระเรียน เม่น และหนูน้ำ (Water-rat) สนทนาถกเถียงกันเรื่อง “คุณธรรม” และ “มิตรภาพที่แท้จริง” ก่อนจะเล่าเรื่องราวของชายชื่อ “ฮันส์” กับเจ้าของโรงสีที่พูดจาอ่อนหวาน แต่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ในหัวใจ
คุณจะเห็นว่า ทุกฉาก ทุกคำพูด ไม่ใช่เพียงการเล่าเรื่อง แต่คือการตั้งคำถามถึง ความสัมพันธ์ที่ไม่เท่ากัน ความดีที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ความอ่อนโยนที่กลายเป็นจุดอ่อน และมิตรภาพ…ที่ไม่มีความยุติธรรม
นิทานเรื่องนี้แต่งมาแล้วกว่า 135 ปี แต่ประเด็นยังคงสดใหม่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน อ่านจบแล้ว คุณอาจอดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่า เราเป็นเหมือนฮันส์ไหม หรือเราเป็นเจ้าของโรงสีที่อ้างคำว่าเพื่อนเพื่อใช้คนอื่นให้คุ้ม หรือแย่กว่านั้น…เราเคยเป็น “หนูน้ำ” ที่ตัดสินทุกอย่างจากความเชื่อของตัวเอง โดยไม่เข้าใจความจริงเลยสักนิด?
หวังว่าเรื่องเล่าก่อนนอนเรื่องนี้จะทำให้คุณ ๆ ได้แง่คิดดี ๆ นะครับ
ไปอ่านนิทานเรื่อง “ฮันส์กับเจ้าของโรงสี” ด้วยกันนะครับ
วันหนึ่ง ในช่วงเย็นที่สระน้ำใหญ่ นกกระเรียนผู้เงียบขรึมเดินเข้ามาที่ริมสระ เม่นขดตัวอยู่บนดินพลางมองโลกผ่านหนามของตน หนูน้ำ (Water-rat) ออกมาเดินข้ามท่อนซุงด้วยท่าทีทะนง เมื่อหนูน้ำเห็นนกกระเรียนและเม่น มันจึงนั่งลงอย่างลำพอง
“ฉันคิดว่าคนดีควรเสียสละอย่างเต็มใจเพื่อเพื่อน” หนูน้ำเอ่ยขึ้น “เพื่อนที่ดีไม่ควรถามว่าจะได้อะไรตอบแทนจากความดี นั่นคือมิตรภาพที่แท้จริง”
นกกระเรียนไม่ได้ตอบอะไรในทันที มันได้แต่มองหนูน้ำด้วยสายตาเรียบเฉย แล้วกล่าวว่า “เรื่องหนึ่งที่ฉันเคยฟัง อาจช่วยให้เธอเข้าใจ ‘ความดี’ และ ‘มิตรภาพ’ ได้ชัดเจนขึ้น”
หนูน้ำตกลงให้เล่าเรื่อง และเรื่องนั้นก็คือ “ฮันส์กับเจ้าของโรงสี”
……..
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาเยือน โลกช่างงดงามเหลือเกิน ดอกไม้แย้มบานทั่วแปลงสวนเล็กของลิตเติลฮันส์ ชูสีชมพู แดง และขาวเหมือนผ้าปักอันละเอียด เสียงนกขับขานจากพุ่มไม้ และผีเสื้อบินวนจากดอกหนึ่งสู่อีกดอกหนึ่ง
เจ้าของโรงสีผู้มั่งคั่งมาที่บ้านของฮันส์พร้อมตะกร้าใบใหญ่
“ฮันส์เพื่อนรัก” เขากล่าว “ดูสิว่าดอกไม้ของนายสวยเพียงใดในฤดูนี้ ขอดอกไม้สักช่อได้ไหม? ฉันอยากนำไปตกแต่งโต๊ะให้ภรรยาของฉันมีความสุข”
“ได้สิครับคุณฮิวจ์” ฮันส์ตอบ “ผมดีใจที่ดอกไม้เล็ก ๆ ของผมจะได้ทำให้คุณนายมีรอยยิ้ม”
เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าของโรงสีได้มายืมสิ่งต่าง ๆ จากฮันส์เป็นระยะ ทั้งกระถาง ปุ๋ย พลั่ว พร้อมกับคำว่า “เพื่อนแท้ย่อมช่วยเหลือกันได้เสมอ”
บางครั้ง เจ้าของโรงสีจะมาเยี่ยมฮันส์ พร้อมกับข้อเสนอใหม่ ๆ
“ฉันจะมอบล้อเกวียนเก่าของฉันให้เธอ เผื่อเธอจะเอาไปสร้างรถไว้ขนผลผลิต แต่ในฐานะเพื่อนที่ดี เธอช่วยฉันก่อนนะ ช่วยเอากระถาง 50 ใบใส่รถเข็น แล้วลากไปส่งที่โรงสีของฉันก่อน”
ฮันส์รับปาก แม้เขาจะต้องใช้เวลาทั้งวันในการนำกระถางไปส่ง แต่เขาก็ยินดีทำให้
ฮันส์ทำงานหนักเพื่อช่วยเหลือเจ้าของโรงสีทุกวัน จนไม่ได้วางแปลงสวนใหม่อย่างที่หวัง แต่เขาก็ยิ้มอยู่เสมอ ด้วยความเชื่อว่า “ความดีคือสิ่งมีคุณค่า”
คืนหนึ่งฝนตกหนัก ลมพัดแรง และท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆสีเข้ม เจ้าของโรงสีนึกถึงล้อเกวียนที่เขาเคยให้ฮันส์ไว้เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เขาต้องใช้ล้อเกวียนเพื่อขนของไปตลาดในวันพรุ่งนี้ เขาจึงเดินไปบ้านของฮันส์ แล้วเคาะประตูด้วยความรีบร้อน
“ฮันส์!” เขาตะโกน “ฉันมีเรื่องด่วน พรุ่งนี้ฉันต้องใช้ล้อเกวียนของฉัน อยากให้นายเอามันข้ามภูเขาไปไว้ที่โรงสีของฉันคืนนี้เลย”
“คืนนี้หรือครับ?” ฮันส์ถาม ขณะที่เปิดประตูและเห็นสายฝนเทอย่างต่อเนื่อง “ขอโทษนะครับคุณฮิวจ์ ฝนตกหนักมาก และทางก็ลื่น มันอันตรายนะครับ”
“เหลวไหล” เจ้าของโรงสีตะโกนกลับ “นายลืมไปหรือว่านายตกลงจะคืนมันแก่ฉันเมื่อฉันต้องการเพื่อนแท้ย่อมไม่ลังเลเมื่ออีกฝ่ายขอความช่วยเหลือนะ”
ฮันส์ก้มหน้าเงียบ ไม่กล้าเถียง เขาสวมเสื้อกันฝนเก่า ๆ แล้วก้าวออกไปในความมืด พร้อมนำล้อเกวียนขึ้นรถลาก
กลางทาง มีลมกรรโชก ฮันส์เดินฝ่าความมืดอย่างมุ่งมั่น แต่ถนนเฉอะแฉะ น้ำท่วมขัง แล้วเขาก็ลื่นเสียหลัก
ล้อเกวียนหล่นจากรถลาก กระแทกหิน แล้วร่างของฮันส์ก็จมหายไปในกระแสน้ำเชี่ยว
ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครได้ยินเสียงร้อง และฝนยังก็ยังคงตกต่อไป
เช้าวันถัดมา เจ้าของโรงสีจิบกาแฟอย่างสบายใจ เขาเล่าเรื่องการเสียสละของฮันส์ให้ภรรยาฟังด้วยน้ำเสียงที่แฝงความภาคภูมิ
“เขาคือเพื่อนแท้ ยอมฝ่าฝนเพื่อนำล้อไปให้ฉัน แม้สุดท้ายเขาจะจมน้ำตาย…แต่ก็เป็นเพราะเขาทำหน้าที่ของคนดีอย่างสมบูรณ์”
ภรรยาไม่ได้กล่าวอะไร เธอแค่มองสามี ด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึกใด ๆ
……….
เมื่อนกกระเรียนเล่าเรื่องจบ หนูน้ำเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า:
“ฮันส์โง่เอง ไม่ใช่ความผิดของเพื่อนเขาหรอก ถ้าฮันส์ใช้สมองมากกว่านี้ เขาก็คงไม่มีต้องจมน้ำตาย ฉันไม่เห็นว่าจะได้บทเรียนอะไรจากเรื่องนี้เลย” หนูน้ำกล่าว แล้วเดินจากไป
นกกระเรียนไม่พูดอะไร เม่นพลิกตัวและกลับสู่ความเงียบ เหลือเพียงเสียงน้ำกระเซ็นเบา ๆ และดอกไม้แห้งหนึ่งดอกที่ร่วงลงจากท้องฟ้า
ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :
- ความดีที่ไม่มีขอบเขต อาจทำร้ายตัวเอง
- มิตรภาพที่แท้จริงต้องมีความเกื้อกูลกันทั้งสองฝ่าย
- การกระทำสำคัญกว่าคำพูดหวาน ๆ
