Posted in นิทานก่อนนอน, นิทานนำบุญ, นิทานสอนใจ

แผนลับปราบแผนร้าย : นิทานคุณธรรมเรื่องความร่วมมือและพลังแห่งศิลปะ

ในโลกของนิทาน พ่อมดมักเป็นตัวแทนของเล่ห์กลและอำนาจลึกลับที่สามารถพลิกให้สิ่งดีงามกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายได้ในพริบตา แต่ในขณะเดียวกัน พ่อมดก็เป็นภาพสะท้อนของ “ใจมนุษย์” ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ หากมีแสงแห่งปัญญาและความงามคอยส่องนำทาง

“แผนลับปราบแผนร้าย” เป็นนิทานแนวศิลปะที่งดงามและลึกซึ้ง ถ่ายทอดเรื่องราวของความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อแข่งขันเอาชนะกัน แต่มีไว้เพื่อเชื่อมใจผู้คนให้เข้าใจซึ่งกันและกัน ผ่านพลังแห่งภาพวาดและหัวใจที่อ่อนโยนของศิลปิน

นิทานเรื่องนี้จะพาผู้อ่านไปสัมผัสกับเวทมนตร์อีกแบบหนึ่ง เวทมนตร์ที่ไม่ได้เกิดจากคาถาในตำรา แต่เกิดจาก “ความงาม” ที่ปลุกความดีในใจของทุกคนให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

นานมาแล้ว มีพ่อมดเจ้าเล่ห์ตนหนึ่ง ปรารถนาที่จะปลูกฝังนิสัยชอบชิงดีชิงเด่นให้เกิดขึ้นในใจของมนุษย์  ด้วยเหตุนี้  พ่อมดจึงแปลงกายเป็นนักจัดการประกวด  แล้วเนรมิตสนามประลองฝีมือขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการแข่งขันชิงชัยต่าง ๆ

พ่อมดเจ้าเล่ห์ยืนบนเวทีประกวดศิลปะในนิทานเรื่อง แผนลับปราบแผนร้าย ท่ามกลางผู้ชมและผู้เข้าแข่งขัน
พ่อมดเจ้าเล่ห์ผู้ใช้กลอุบายจัดการแข่งขันศิลปะ เพื่อปลุกความริษยาในใจมนุษย์ จากนิทาน “แผนลับปราบแผนร้าย”

พ่อมดพยายามจัดการประกวดสำหรับทุกเพศทุกวัย เพื่อปลุกเร้าให้ผู้คนเกิดความรู้สึกที่อยากจะเอาชนะผู้อื่น   พ่อมดจัดการแข่งขันคิดเลขเร็วสำหรับเด็ก ๆ    จัดการประกวดความงามสำหรับหนุ่มสาว   จัดงานแข่งตำหมากสำหรับผู้สูงอายุ  พ่อมดคิดการประกวดได้สารพัดรูปแบบ 

ผู้ชนะซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า ต่างพอใจที่ตนมีความสามารถเหนือกว่าคู่แข่งขัน   ฝ่ายผู้แพ้ที่มีจำนวนมากกว่า ก็พาลนึกเคียดแค้นและรอโอกาสที่จะได้กลับมาแก้มือกับผู้ชนะอีกสักครั้ง   ไม่ช้าไม่นานนัก  คนที่ติดบ่วงแห่งเล่ห์กลของพ่อมดก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นจนน่าเป็นห่วง

วันหนึ่ง  พ่อมดเกิดนึกสนุกอยากจัดการแข่งขันประชันฝีมือทางศิลปะ   ดังนั้น  มันจึงวางแผนยุยงให้ผู้คนส่งนักวาดรูปฝีมือดีมาแข่งกันเพื่อค้นหาผู้ชนะ

ครูไม้เป็นศิลปินใจดีที่ชาวเมืองสีน้ำขอร้องให้เข้าร่วมการแข่งขัน  ส่วนครูอ้อยเป็นนักวาดรูปสาวแสนสวยที่เมืองคู่แข่งส่งเข้าร่วมชิงชัยในงานนี้   ทั้งครูไม้และครูอ้อยต่างไม่อยากเข้าแข่งขันเลยสักนิด  เพราะศิลปะไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อใช้ต่อสู้เอาชนะกัน  แต่ศิลปะมีไว้เพื่อกล่อมเกลาจิตใจให้ทุกคนรักกันต่างหาก   อย่างไรก็ดี  ครูไม้และครูอ้อยกลับตกลงเข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะทั้งคู่มีแผนลับบางอย่างที่ตั้งใจจะต้องทำให้ได้

ครูไม้และครูอ้อยกำลังวาดภาพอย่างตั้งใจในนิทานเรื่อง แผนลับปราบแผนร้าย แสดงพลังแห่งศิลปะและความร่วมมือ
สองศิลปินใจดีเริ่มวาดภาพเพื่อใช้แผนลับปราบพ่อมดเจ้าเล่ห์ ด้วยพลังแห่งศิลปะและความเมตตา

เมื่อวันประกวดมาถึง  ครูไม้ซึ่งชอบวาดรูปสัตว์ก็ตวัดพู่กันวาดรูปช้างพ่นน้ำได้อย่างมีชีวิตชีวาที่สุด   ในขณะเดียวกัน  เมื่อครูอ้อยเห็นภาพช้างของลุงอุ้ยอ้าย  เธอจึงบรรจงวาดรูปดอกไม้สี หวาน ชูกิ่งก้านอาบสายฝนที่แสนสดชื่น   พ่อมดดีใจที่เห็นศิลปินสองคนหลงกลเข้ามาปะทะฝีมือกัน   ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ…คนที่เอาใจช่วยนักวาดภาพทั้งสองก็ย่อมต้องเกิดความรู้สึกที่อยากจะดีเด่นเหนืออีกฝ่ายหนึ่งแน่ ๆ    พ่อมดนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ  และเมื่อศิลปินทั้งสองวาดรูปเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พ่อมดก็ส่งข่าวป่าวร้องให้ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเข้าร่วมลงคะแนนตัดสินศึกศิลปะในครั้งนี้

แต่ก่อนที่ผู้คนจะลงคะแนน  ครูไม้กับครูอ้อยก็เริ่มดำเนินการตามแผนลับที่พวกตนแอบเตรียมเอาไว้  โดยทั้งคู่ช่วยกันนำภาพที่ตนเองวาดมาวางลงคู่กัน  ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ มันทำให้เกิดภาพใหม่ เป็นรูปช้างกำลังรดน้ำให้แก่ดอกไม้ มองดูสวยงามและกลมกลืนกันอย่างน่าอัศจรรย์

ครูไม้และครูอ้อยนำภาพของตนมาวางเคียงกัน กลายเป็นภาพช้างรดน้ำดอกไม้จากนิทานเรื่อง แผนลับปราบแผนร้าย

ผู้คนต่างส่งเสียงอื้ออึงเมื่อได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งดูสมบูรณ์แบบ และลงตัวกว่าภาพเดี่ยวของทั้งคู่เป็นไหน ๆ   ภาพดอกไม้ที่ได้รับพลังแห่งความสดชื่นจากเจ้าช้างน้อย  ทำให้ผู้คนได้สติและตระหนักว่า  การแข่งขันเพื่อช่วงชิงชัยชนะมีค่าเทียบไม่ได้กับการร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้เกิดขึ้น   เมื่อผู้คนคิดได้ดังนั้นแล้ว  แผนร้ายของพ่อมดที่อยากให้ผู้คนนิยมชมชอบการชิงดีชิงเด่นจึงล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่า

หลายคนอาจวิตกว่าพ่อมดคงคิดหาวิธีล่อหลอกให้ผู้คนหลงผิดอีกเป็นแน่  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ  เมื่อพ่อมดได้เห็นภาพของนักวาดภาพทั้งสองท่านแล้ว  ความคิดที่ชั่วร้ายต่าง ๆ ก็กลับสลายไปด้วยพลังแห่งความงามของภาพเขียนและความร่วมมือร่วมใจกันของนักวาดภาพทั้งสอง

ในที่สุด  พ่อมดก็กลับใจเป็นคนดี และขอฝากเนื้อฝากตัวเรียนรู้วิธีการวาดรูปสวย ๆ กับครูไม้และครูอ้อยนั่นเอง   ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานนัก  พ่อมดผู้หลงใหลในศิลปะก็กลายเป็นศิลปินชื่อดัง ที่คอยสร้างสรรค์ผลงานแสนสวย เพื่อกล่อมเกลาหัวใจของคนทั่วทั้งโลกให้อ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :

  • การร่วมมือกันย่อมมีค่ามากกว่าการแข่งขันเอาชนะกัน
  • ศิลปะมีพลังกล่อมเกลาจิตใจให้ละอายต่อความชั่ว
  • ความงามและความดีสามารถเปลี่ยนใจผู้ที่หลงผิดได้
  • การให้อภัยและการร่วมแรงร่วมใจนำความสุขมาสู่ทุกฝ่าย

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.