Posted in #นิทานตลก, นิทานก่อนนอน, นิทานสอนใจ

บทสวดหนู – นิทานญี่ปุ่นก่อนนอนแสนสนุก

“บทสวดหนู” (ねずみきょう – Nezumi-kyō) เป็นนิทานพื้นบ้านจากประเทศญี่ปุ่นที่เล่าต่อกันมาในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในหมู่บ้านชนบทที่มีวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างพุทธศาสนาและชินโต เรื่องราวของคุณยายผู้ศรัทธาในศาสนา แม้ไม่รู้บทสวดมนต์ ก็ยังตั้งใจภาวนาอย่างสม่ำเสมอ จนวันหนึ่งได้พบพระหลงทางที่จำบทสวดไม่ได้ จึงสวดมนต์ด้นสดโดยใช้เหตุการณ์ตรงหน้าเป็นแรงบันดาลใจ กลายเป็นบทสวดแปลก ๆ ที่ฟังดูขบขันแต่กลับมีพลังปกป้องคุณยายจากภัยร้ายอย่างเหลือเชื่อ

จุดเด่นของนิทานเรื่องนี้อยู่ที่การผสมผสานระหว่างอารมณ์ขันและความศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ใจ ตัวละครมีความน่ารักและมีมิติ โดยเฉพาะคุณยายที่แม้จะไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง แต่กลับมีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความตั้งมั่นและเมตตา บทสวดที่ดูไร้สาระในสายตาของบางคน กลับกลายเป็นเครื่องป้องกันภัยจากโจรผู้ไม่รู้จักธรรมะ เป็นการสะท้อนว่า “ศรัทธา” ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ความจริงใจและความตั้งใจในการปฏิบัติ

ในฉบับภาษาไทยที่เรียบเรียงใหม่นี้ ได้มีการเพิ่มเติมสีสันของภาษาและอารมณ์ขันให้เหมาะกับผู้อ่านไทย โดยยังคงเคารพโครงเรื่องและเจตนารมณ์ของนิทานต้นฉบับอย่างเคร่งครัด การใช้ภาษาสวดมนต์แบบด้นสดที่มีจังหวะและเสียงที่ฟังแล้วขบขัน ช่วยให้เด็ก ๆ และผู้ใหญ่สามารถเข้าถึงเรื่องราวได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้ผู้อ่านได้หัวเราะและไตร่ตรองไปพร้อมกัน นิทานเรื่องนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการอ่านในครอบครัว หรือใช้เป็นสื่อเสริมสร้างคุณธรรมในห้องเรียน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีคุณยายคนหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ บนภูเขาตามลำพัง คุณยายเป็นคนที่เลื่อมใสในศาสนามาก ทุกเย็น คุณยายจะนั่งพนมมืออยู่ที่หน้าหิ้งพระ ทั้ง ๆ ที่คุณยายไม่รู้จักบทสวดมนต์เลยแม้สักนิด

วันหนึ่ง มีพระ (ในศาสนาชินโต) รูปหนึ่งหลงทางผ่านมาและกำลังลำบาก พระจึงเอ่ยปากขออาศัยที่บ้านของคุณยายหนึ่งคืน เพราะการเดินทางบนภูเขาในยามดึกคงเป็นเรื่องที่อันตรายมากเกินไป

คุณยายนิมนต์พระเข้ามาในบ้านด้วยความยินดี จากนั้น คุณยายก็ขอให้พระ ช่วยสอนถ้อยคำในบทสวดมนต์ให้คุณยายได้รู้

พระหลงทางรูปนั้นเป็นผู้บวชที่มีนิสัยเกียจคร้าน ไม่ใส่ใจการภาวนาหรือกิจของพระสงฆ์อย่างที่ควรปฏิบัติ พระหลงทางจึงจำบทสวดไม่ได้ ดังนั้น พระหลงทางจึงต้องทำทีไปนั่งที่หน้าหิ้งพระ แล้วหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ในขณะนั้น พระหลงทางมองเห็นหนูตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากรูที่ผนังบ้าน พระหลงทางจึงแสร้งสวดมนต์ออกมาด้วยสำเนียงการสวดแบบโบราณที่ยานคางแต่เข้มขลังว่า “นะ…..โม…..ตัส….สะ….หนู…มา…ทำ….ไม…น่ะ”

ทันใดนั้น หนูตัวที่สองก็โผล่ออกมาอีก พระจึงสวดมนต์ต่อไปว่า “ทุติ ยัมปิ นะ….โม…..ตัส…..สะ…. มา….อีก…..แล้ว……น่ะ”

ฉับพลัน หนูตัวที่สามก็โผล่ออกมาอีก พระหลงทางจึงสวดมนต์ต่อไปว่า “ตติ ยัมปิ นะ…..โม…..ตัส……สะ…. นั่นแน่….ยัง…..มา…..อีก…..น่ะ ”

เมื่อท่องบทสวดมนต์จบ 3 รอบ พระหลงทางต้องการไล่หนูเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐาน พระจึงตะคอกเสียงดังว่า “ไป ๆ อย่าหาทำ อย่าก่อกรรม จำขึ้นใจ สา……ธุ สา….ธุ สา…..ธุ”

พระหลงทางกำชับให้คุณยายสวดมนต์ตามนี้ คุณยายดีใจที่ได้รู้บทสวดมนต๋เสียที หลังจากพระลาจากไปแล้ว คุณยายจึงท่องบทสวดมนต์ทุกวันทั้งเช้าและเย็นเมื่อมาอยู่ที่หน้าหิ้งพระ

เย็นวันหนึ่ง มีโจร 3 คนแอบย่องเข้ามาที่บ้านของคุณยาย ซึ่งในขณะนั้น คุณยายกำลังท่องบทสวดมนต์อยู่ที่หน้าหิ้งพระอยู่พอดี

เมื่อโจรคนแรกชะโงกเข้าไปดูและเห็นยายนั่งหันหลังทำอะไรบางอย่างอยู่ จู่ ๆ คุณยายที่กำลังสวดมนต์ก็เปล่งเสียงออกมาเป็นทำนองสวดซึ่งฟังดูแปลกหูและน่ากลัวสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยว่า ” “นะ….โม….. ตัส….สะ…. หนู…มา…ทำ….ไม…น่ะ”

โจรทั้งแปลกใจทั้งตกใจ เขาไม่แน่ใจว่ายายที่หันหลังอยู่พูดว่าอะไร แต่ในขณะที่โจรคนที่สองชะโงกหน้าเข้ามา คุณยายก็เปล่งเสียงออกมาพอดีว่า “ทุติ ยัมปิ นะ….โม…..ตัส…..สะ…. มา….อีก…..แล้ว……น่ะ”

โจรทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ และเมื่อโจรคนที่สามชะโงกหน้าเข้ามา คุณยายก็เปล่งเสียงออกมาพอดีว่า “ตติ ยัมปิ นะ…..โม…..ตัส……สะ…. นั่นแน่…..ยัง…..มา…..อีก…..น่ะ ”

โจรทั้งสามคนตกใจและคิดปรุงแต่งไปว่า ยายแก่ที่อาศัยในบ้านบนภูเขาตามลำพังคนนี้ คงไม่ใช่คนแน่ ๆ เพราะดูเหมือนว่ายายจะมี “ตาที่สาม” อยู่ที่ด้านหลัง ทำให้เห็นว่าใครเข้ามาในบ้านบ้าง

ในขณะที่โจรทั้งสามกำลังตื่นกลัวกันอยู่นั้น คุณยายก็สวดมนต์ตามที่พระสอน โดยตะคอกเสียงดังว่า “ไป ๆ อย่าหาทำ อย่าก่อกรรม จำขึ้นใจ”

เมื่อโจรทั้งสามได้ฟัง พวกโจรก็ตกใจจนขาสั่น จากนั้น โจรทั้งสามก็พากันวิ่งหนีออกจากบ้านของคุณยายไปแบบไม่คิดชีวิต

ฝ่ายคุณยายซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เมื่อท่องบทสวดตามที่พระสอนแล้ว คุณยายก็ปิดท้ายการสวดมนต์อย่างอิ่มใจว่า “สา……ธุ สา….ธุ สา…..ธุ” และแล้ว เรื่องราวของคุณยายและบทสวดมนต์แปลก ๆ นี้ ก็จบลงด้วยดี

ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนี้

  • ศรัทธาที่บริสุทธิ์ แม้ไม่สมบูรณ์แบบ ก็สามารถปกป้องและนำพาสิ่งที่ดีงามมาสู่ชีวิตได้
  • ความกลัว มักเกิดจากการคิดและปรุงแต่งไปเกินความจริง

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น

……………………….

หมายเหตุ : ถ้าอ่านนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นเหล่านี้แล้วยังไม่จุใจ ลองไปอ่านนิทานนานาชาติตามลิงค์ด้านล่างนี้เพิ่มเติมได้นะครับ

https://bit.ly/3Jygo61

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

แก๊งจ๊ะเอ๋

นิทานก่อนนอนสั้น ๆ เรื่อง “แก๊งจ๊ะเอ๋” เป็นนิทานที่ใช้คำคล้องจอง มีท่วงทำนองในการเล่าเรื่อง เวลาอ่าน ถ้าอ่านออกเสียงจะสนุกกว่าการอ่านในใจ และถ้าคุณพ่อคุณแม่อ่าน โดยเว้นคำว่า “จ๊ะเอ๋” ที่ท้ายประโยค ให้เด็ก ๆ เป็นคนพูด ก็คงทำให้การเล่านิทานสนุกขึ้น ลองอ่านกันดูนะครับ

นิทานเรื่อง แก๊งจ๊ะเอ๋

ฉันเป็นพี่            นี่คือน้อง

เราทั้งสอง          ชอบเล่นจ๊ะเอ๋

ในวันว่าง           เราชอบไป

หลังพุ่มไม้          เพื่อซุ่มจ๊ะเอ๋

หมาเดินมา        ต้องสะดุ้ง

เมื่อเราพุ่ง          ออกไปจ๊ะเอ๋

แมวเดินผ่าน      ตอนเผลอ ๆ

เป็นต้องเจอ       พวกเราจ๊ะเอ๋

ไก่กุ๊ก ๆ             ไข่แทบไหล

เพราะตกใจ       เจอเราจ๊ะเอ๋

เด็ก, ผู้ใหญ่        แก่หรือท้อง

ทุกคนร้อง          เมื่อโดนจ๊ะเอ๋

หลายคนเตือน    หลายคนว่า

เรายังซ่า            ที่ได้จ๊ะเอ๋

พ่อกับแม่           สอนจนเบื่อ

เราไม่เชื่อ           ยังคงจ๊ะเอ๋

เย็นวันหนึ่ง         เรากลับบ้าน

แสนสำราญ       หลังเล่นจ๊ะเอ๋

ตอนเดินผ่าน      แนวพุ่มไม้

ไม่รู้ใคร              โผล่มาจ๊ะเอ๋

เราตกใจ            จนฉี่ราด

ใจแทบขาด        เมื่อโดนจ๊ะเอ๋

พอได้เจอ           กับตัวเอง

จึงกลัวเกรง        การเล่นจ๊ะเอ๋

หากพลาดพลั้ง   อันตราย

หัวใจวาย           เพราะโดนจ๊ะเอ๋

พ่อกับแม่           อยากสั่งสอน

ให้สังวรณ์          ยามเล่นจ้ะเอ๋

นับแต่นี้             ฉันกับน้อง

จะตรึกตรอง       ก่อนเล่นจ๊ะเอ๋

ไม่แกล้งใคร       อีกแล้วจ้า

ขอสัญญา          จ๊ะเอ๋ จ๊ะเอ๋

#นิทานนำบุญ

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

เรื่องเล่าจากเกาะทะลุ

นิทานก่อนนอนเรื่อง “เรื่องเล่าจากเกาะทะลุ” เป็นนิทานแนวนิทานสระ หรือนิทานตลก ๆ ก่อนนอนที่อาจใช้เป็นนิทานสอนอ่าน สำหรับให้เด็กได้ฝึกอ่านภาษาไทย แม้คำศัพท์ในนิทานเรื่องนี้อาจจะยากอยู่สักหน่อย แต่เมื่อเด็ก ๆ ได้ฟังนิทานหลาย ๆ ครั้งและเข้าใจความหมายของคำมากขึ้นแล้ว เมื่อต้องอ่านเอง ถ้อยคำที่มีลักษณะเป็นคำคล้องจองซึ่งลงท้ายด้วยสระอุทั้งหมด ก็น่าจะทำให้เด็ก ๆ คาดเดาคำที่อ่านได้ไม่ยากเกินไปนัก หวังว่านิทานก่อนนอนเรื่อง “เรื่องเล่าจากเกาะทะลุ” จะเป็นนิทานอีกเรื่องที่เด็ก ๆ ชื่นชอบนะครับ

นิทานเรื่อง เรื่องเล่าจากเกาะทะลุ

เรื่องจริง…ไม่ใช่เรื่องกุ

มีเด็กน้อยชื่อว่า ‘วสุ’

เป็นเด็กหน้าตาคิขุ

อาศัยอยู่ที่เกาะทะลุ

ในวันแดดร้อนระอุ

เด็กน้อยมักไปนอนอุตุ

หลบแดดที่เพิงผุผุ

ตรงชายหาดใกล้บ่อน้ำพุ

วันหนึ่ง มีฝูงวัตถุ

คลานมาหาเด็กชายวสุ

พวกมันคือเต่าตนุ

ตัวนิดเดียวแต่ดูอ้วนตุ๊

วสุถามเต่าตนุ

“มาจากไหนโปรดจงระบุ”

พวกเต่าบอกเด็กคิขุ

“ช่วยเราด้วย สาธุ…สาธุ…

พวกเราเจอยักษ์ยอดดุ

เขี้ยวแหลมแหลมแถมแก้มฉุฉุ

มันอยากกินเต่าตนุ

จึงไล่จับเราใส่กระชุ

โชคดีกระชุมันผุ

มีไม้ไผ่เป็นวัสดุ

พวกเราลูกเต่าตนุ

จึงมุดหนีตรงรูทะลุ”

เต่าน้อยอ้อนวอนวสุ

ให้ช่วยปราบเจ้ายักษ์ยอดดุ

ไม่นาน…เด็กน้อยคิขุ

ก็ยอมช่วยเต่าตามแรงยุ

ขั้นแรกเจ้าหนูวสุ

เริ่มจากหาตำราในกรุ

เป็นสูตรยาอันเอกอุ

ตำรับของพระวิษณุ

จากนั้น เด็กน้อยคิขุ

ก็ปรุงยาตามสูตรระบุ

ผสม ‘จุนสีสตุ’

ในเตาไฟที่ร้อนคุคุ

เมื่อเสร็จ..เด็กชายวสุ

ก็บอกกับเหล่าเต่าตนุ

ขออึที่เหม็นตุตุ

ใส่เข้าไปเป็นอันล่วงลุ

พวกเต่าหัวเราะหุหุ

เมื่อทราบสูตรยาของวสุ

เด็กน้อยบอกเต่าตนุ

“อย่าเอ็ดไป จุ๊จุ๊จุ๊จุ๊”

จากนั้น เด็กชายวสุ

ก็ทำการห่อพัสดุ

ส่งให้เจ้ายักษ์หน้าฉุ

หลอกว่าเป็นขนมทองพลุ

 เจ้ายักษ์หลงกลวสุ

กินขนมจากพัสดุ

ด้วยความที่มันกินจุ

ฤทธิ์ของยาจึงเริ่มประทุ

สงสาร..เจ้ายักษ์ยอดดุ

ที่ขนพองท้องไส้ระอุ

ฟันฟางก็ค่อยค่อยผุ

หมดเรี่ยวแรงแทบสิ้นอายุ

เมื่อเห็นว่ายักษ์หน้าฉุ

สิ้นฤทธิ์ด้วยยาของวสุ

บรรดาพวกเต่าตนุ

จึงฉลองด้วยการยิงพลุ

นี่คือเรื่องของวสุ

กับการช่วยเหลือเต่าตนุ

จบแล้วนิทานสระอุ

ช่วยหัวเราะ “ฮุฮุฮุฮุ”

#นิทานนำบุญ

—————————

คำศัพท์น่ารู้ :

กระชุ    หมายถึง ภาชนะสานอย่างหนึ่งใช้บรรจุของ

กรุ       หมายถึง ห้องที่ทำไว้ใต้ดิน

คิขุ       หมายถึง น่ารัก (ใช้ในภาษาพูด)

จุนสีสตุ  หมายถึง สารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งเป็นส่วนผสมของทองแดงและกำมะถัน 

พระวิษณุ หมายถึง เทพเจ้าฮินดูผู้ปกปักรักษาโลก

เอกอุ     หมายถึง เป็นเลิศ

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานเรื่อง ยอดมนุษย์ตัวน้อย

นิทานเรื่อง “ยอดมนุษย์ตัวน้อย” เป็นนิทานที่น่าจะจัดอยู่ในหมวด “นิทานชวนยิ้ม” หรือ “นิทานตลก ๆ ก่อนนอน” เพราะเป็นนิทานที่มีความ “เพี้ยน” อยู่พอสมควร แม้จะไม่ทำให้เด็ก ๆ หัวเราะเอิ๊กอ๊าก แต่ก็น่าจะทำให้ยิ้มและอารมณ์ดีได้ หวังว่านิทานตลก ๆ ก่อนนอนเรื่องนี้ จะทำให้เด็ก ๆ นอนฝันดีนะครับ

นิทานเรื่อง ยอดมนุษย์ตัวน้อย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเป็นเด็กที่มีพลังพิเศษคล้าย ๆ กับเหล่ายอดมนุษย์ทั้งหลาย  แต่เด็กคนนี้กลับไม่ภูมิใจในพลังพิเศษที่เขามีอยู่เลย  เพราะพลังพิเศษของเขานั้น ไม่ใช่พลังในการเหาะเหินเดินอากาศ ไม่ใช่พละกำลังที่ล้นเหลือเกินมนุษย์ ไม่ใช่อำนาจในการปล่อยแสงต่อสู้กับเหล่าร้าย ไม่ใช่ความสามารถในการล่องหนหายตัว  แต่พลังที่เด็กน้อยมีอยู่กลับเป็นพลังในการ “ผายลม” ที่เขาสามารถปรับความรุนแรงและกลิ่นได้ตามใจปรารถนา  เด็กน้อยคิดว่าการมีพลังพิเศษเช่นนี้…สู้ไม่มีเสียยังดีกว่า  เด็กน้อยจึงไม่เคยเปิดเผยเรื่องของตัวเองให้ใครรู้และเก็บเรื่องพลังพิเศษที่เขามีอยู่เอาไว้โดยไม่เห็นคุณค่าของมันเลยแม้สักนิด

อยู่มาวันหนึ่ง  ในขณะที่เด็กน้อยนั่งรถโรงเรียนไปทัศนศึกษาต่างจังหวัดร่วมกับเพื่อน ๆ   ระหว่างทางซึ่งเป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา  คุณลุงคนขับรถที่ขับรถมาไกลแสนไกลก็ค่อย ๆ ง่วงและเผลอหลับเป็นระยะ ๆ   ทุกครั้งที่คุณลุงหลับ  รถก็จะส่ายและเกือบพลาดตกเหวครั้งแล้วครั้งเล่า  คุณครูพยายามบอกให้คุณลุงจอดรถลงไปพัก  แต่คุณลุงคนขับกลับดื้อดึงและยืนยันว่ายังขับไหว เด็กน้อยเห็นว่าหากปล่อยให้คุณลุงขับรถต่อไปเช่นนี้คงไม่ดีแน่  เขาจึงตัดสินใจทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน  นั่นคือการใช้พลังพิเศษผายลมออกมาอย่างแผ่วเบา แต่บังคับกลิ่นให้เหม็นราวกับกลิ่นตดของช้างร้อยเชือกมารวมกัน

ทันทีที่คุณลุงคนขับได้กลิ่นตดมหาภัย  คุณลุงที่ง่วงเหงาหาวนอนก็รีบจอดรถแล้ววิ่งลงจากรถเพื่อหนีกลิ่นตดซึ่งเหม็นอย่างสุดทานทน  เด็กนักเรียน, คุณครู รวมทั้งยอดมนุษย์ตัวน้อยที่แอบใช้พลังเป็นครั้งแรกจึงพากันวิ่งลงรถตามไปด้วย  ท้ายที่สุด  คุณลุงคนขับก็ได้ยืดเส้นยืดสายจนหายง่วง  และเมื่อกลิ่นจางลง  ทุกคนก็กลับขึ้นรถแล้วออกเดินทางกันต่อ

หลังจากวันนั้น เด็กน้อยผู้มีพลังพิเศษก็เริ่มรู้สึกว่า พลังพิเศษของเขาเป็นพลังที่มีประโยชน์อยู่บ้างเหมือนกัน  แต่ถึงอย่างไร  มันก็เป็นพลังที่น่าอายมากกว่าน่าภูมิใจ…ดังเช่นพลังของยอดมนุษย์คนอื่น ๆ 

ในเวลาต่อมา  เด็กน้อยบังเอิญโชคร้ายเข้าไปฝากเงินในธนาคารแล้วมีโจรอ้วนผอมบุกเข้าปล้นธนาคารพอดิบพอดี  โจรทั้งสองคนใช้ปืนขู่เอาเงินจากเจ้าหน้าที่อย่างอุกอาจ  ส่วนประชาชนก็ได้แต่หมอบอยู่ที่พื้นเพราะกลัวจะโดนลูกหลง เด็กน้อยเห็นท่าไม่ดี เขาจึงตัดสินใจผายลมออกมา อย่างแผ่วเบา  แต่บังคับกลิ่นให้แรงกว่าคราวก่อนอีกร้อยเท่า  ทำให้โจรอ้วนผอมและผู้คนทั้งหมดสลบเหมือด ซึ่งเมื่อตำรวจมาถึง ตำรวจก็สามารถจับโจรได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ครั้นเมื่อเด็กน้อยใช้พลังช่วยผู้คนได้สำเร็จ เขาก็เริ่มได้ข้อคิดว่า ถึงพลังพิเศษของเขาจะดูแปลก ๆ อยู่สักหน่อย  แต่ถ้าเขานำมันมาใช้อย่างเหมาะสม  มันก็จะทำให้เกิดประโยชน์กับผู้คนทั้งหลายได้ไม่แพ้พลังพิเศษของยอดมนุษย์คนอื่น ๆ   เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว  ยอดมนุษย์ตัวน้อยจึงตัดสินใจหาทางใช้พลังของเขาให้เกิดประโยชน์ด้วยวิธีการต่าง ๆ

ยอดมนุษย์ตัวน้อยใช้ประโยชน์จากพลังพิเศษโดยแอบไปดูการซ้อมรบของกองทัพ แล้วผายลมเสียงดัง “ปั้ง ๆ ตู้ม ๆ “ ผสมโรงให้เสียงปืนและเสียงระเบิดดังกว่าปกติ เพื่อขู่ไม่ให้ประเทศข้างเคียงกล้าเข้ามาบุกรุก 

นอกจากนี้  เมื่อมีการชุมนุมประท้วงกันที่ไหน ยอดมนุษย์ตัวน้อยก็จะแฝงตัวไปร่วมการชุมนุมด้วย โดยเขาจะรอให้ผู้คนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก แล้วแอบผายลมแบบเหม็นสุดขีดจนผู้คนทั้งหลายต้องสลายการชุมนุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

เหนือสิ่งอื่นใด  ยอดมนุษย์ตัวน้อยยังฉลาดพอที่จะใช้ความสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของบ้านเมือง โดยการแอบดำน้ำเพื่อผายลมปุ๋งใหญ่หลาย ๆ ปุ๋ง  จนเกิดฟองอากาศผุดขึ้นมาที่ผิวน้ำเป็นระยะ ๆ ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดคิดว่ามีสัตว์โบราณอาศัยอยู่ใต้น้ำ  นักข่าวและนักท่องเที่ยวจึงแห่กันมารอดูสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งทำให้ชาวเมืองขายอาหาร, เครื่องดื่มและของที่ระลึกได้เป็นจำนวนมาก

ในที่สุด เด็กผู้ชายที่มีพลังพิเศษคนนี้ก็หาโอกาสใช้พลังให้เกิดประโยชน์ได้สำเร็จ  เด็กน้อยภูมิใจในตัวเองมาก เพราะถึงแม้ว่าพลังพิเศษของเขาจะแปลกกว่าใคร ๆ  แต่เมื่อเขารู้จักนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ พลังของเขาจึงมีค่าและมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพลังของยอดมนุษย์คนใด ๆ ในโลก 

#นิทานนำบุญ

…………….

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานชวนยิ้ม : กระต่ายน้อยผจญภัย

นิทานตลก ๆ ก่อนนอนเรื่อง “กระต่ายน้อยผจญภัย” เรื่องนี้ มีชื่อเดิมว่า “กระต่ายน้อยเพื่อนรัก” เป็นนิทานก่อนนอนเกี่ยวกับกระต่ายและเพื่อน ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ในฐานะผู้แต่งนิทานขอสารภาพว่า “ไม่รู้ว่าตัวเองแต่งนิทานเรื่องนี้ได้ยังไง” เพราะถ้าอ่านแบบผ่าน ๆ นิทานเรื่องนี้อาจดูธรรมดามาก แต่เมื่ออ่านนิทานตลก ๆ ก่อนนอนเรื่องนี้อย่างลงในรายละเอียดก็จะพบว่า นิทานธรรมดา ๆ เรื่องนี้มีเนื้อหาที่ “เพี้ยนอย่างมีเหตุผล” ซึ่งผมเชื่อว่าเด็ก ๆ หลายคนจะต้องยิ้มเมื่อได้ฟังหรืออ่านนิทานเรื่องนี้ และนี่เป็นนิทานอีกเรื่องที่ผมคิดว่า “น่ารักจังเลย” ครับ

นิทานเรื่อง กระต่ายน้อยผจญภัย

นานมาแล้ว มีกระต่ายน้อยตัวหนึ่งเป็นกระต่ายนิสัยดีที่มีเพื่อนฝูงรักใคร่มากมาย

วันหนึ่ง…ใกล้ ๆ กับช่วงปีใหม่  กระต่ายน้อยหิ้วตะกร้าใบใหญ่เดินเข้าไปในป่าเพื่อไปหาเพื่อน ๆ  แต่ระหว่างทาง มีหมาป่าตัวหนึ่งบังเอิญมาพบกระต่ายน้อยเข้า  หมาป่าจอมเกเรจึงตรงเข้าไปหาเรื่องกระต่ายน้อย พร้อมกับแย่งตะกร้ามาจากมือของเจ้ากระต่าย! 

ครั้นเมื่อกระต่ายน้อยร้องขอตะกร้าคืนจากหมาป่า  หมาป่าก็แกล้งทำเป็นตั้งเงื่อนไขว่า  ถ้ากระต่ายน้อยอยากได้ตะกร้าคืน กระต่ายน้อยจะต้อง“นอน”ลงกับพื้นแล้วเคลื่อนที่ไปยังริมทะเลสาบโดยห้ามขยับเขยื้อนตัวเป็นอันขาด?  เมื่อไปถึงแล้ว กระต่ายน้อยจะต้อง“เดิน”บนผิวน้ำไปยังเกาะที่อยู่กลางทะเลสาบ แล้ว“บิน”ขึ้นไปบนยอดเขาสูงชันที่อยู่บนเกาะเพื่อเก็บดอกไม้มาแลกกับตะกร้า

เมื่อกระต่ายน้อยได้ฟัง มันก็ทำตาแดง ๆ เหมือนจะร้องไห้ เพราะใคร ๆ ก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่า เงื่อนไขของเจ้าหมาป่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครทำได้   

อย่างไรก็ตาม กระต่ายน้อยก็ยังอยากได้ตะกร้าใบสำคัญกลับคืนมา มันจึงนอนลงกับพื้น (ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ) แล้วภาวนาขอให้ตัวของมันเคลื่อนที่ไปยังริมทะเลสาบได้เอง!

ทันใดนั้น…สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะจู่ ๆ กระต่ายน้อยที่นอนอยู่เฉย ๆ ก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปยังทะเลสาบโดยที่มันไม่ได้ขยับตัวเลยแม้สักนิด 

หมาป่าตกตะลึงต่อสิ่งที่ได้เห็น  เจ้ากระต่ายเองก็แปลกใจไม่ใช่น้อย แต่เมื่อมันชำเลืองไปดูที่ข้างตัว มันก็ต้องอมยิ้ม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลงานของเหล่ามดเพื่อนรักที่ช่วยกันแบกตัวของเจ้ากระต่ายให้เคลื่อนที่ไปยังทะเลสาบคล้ายกับเวลาที่มดช่วยกันแบกของนั่นเอง

เมื่อกระต่ายมาถึงทะเลสาบ มันก็ลุกขึ้นยืนและคิดว่ามันจะ “เดิน” ไปยังเกาะกลางน้ำได้อย่างไร ในขณะที่กระต่ายน้อยกำลังคิดอยู่นั้น มันก็มองเห็นอะไรบางอย่างคล้ายกับแผ่นหิน โผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำโดยทอดตัวเป็นแนวยาวไปยังเกาะกลางทะเลสาบ เมื่อกระต่ายน้อยมองดูชัด ๆ  มันจึงพบว่า แผ่นหินเหล่านั้นแท้จริงแล้วก็คือคุณเต่าเพื่อนของมันที่รวมพลังกันมาช่วยเหลือ 

เมื่อกระต่ายน้อยเห็นไมตรีจิตของคุณเต่าทั้งหลาย มันจึงส่งยิ้มให้แล้วเดินบนหลังเต่าข้ามน้ำไปยังเกาะที่อยู่กลางทะเลสาบอย่างไม่รอช้า

ฝ่ายหมาป่าที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ นั้น  เมื่อมันเห็นกระต่ายเดินบนน้ำได้  มันก็ตกใจถึงกับอ้าปากค้าง

ครั้นเมื่อกระต่ายน้อยเดินข้ามน้ำไปถึงเกาะกลางทะเลสาบ มันก็เงยหน้ามองภูเขาที่สูงชันพลางถอนหายใจและคิดว่ามันคงไม่มีทาง”บิน”ขึ้นไปเก็บดอกไม้ได้เป็นแน่ 

แต่ก่อนที่กระต่ายน้อยจะหมดหวัง  ฝูงนกตัวกระจิริดที่เป็นเพื่อนของกระต่ายน้อยก็ย่องออกมาจากพุ่มไม้ แล้วบอกให้กระต่ายน้อยทำท่ากระพือหู จากนั้น พวกมันก็ช่วยกันใช้ปากจิกที่ขนปุย ๆ ของกระต่ายน้อยแล้วกระพือปีกพาเพื่อนของพวกมันบินขึ้นไปเก็บดอกไม้ที่อยู่บนยอดเขา  

เมื่อหมาป่าที่มองอยู่ไกล ๆ เห็นกระต่ายน้อยบินได้อีก  หมาป่าก็งุนงงจนต้องหยิกตัวเองไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ครั้นเมื่อกระต่ายน้อยนำดอกไม้จากยอดเขามามอบให้  แทนที่จะหมาป่าจะทำตามสัญญา  มันกลับโมโหจนควันออกหู แล้วตั้งท่าจะจับกระต่ายน้อยกินเป็นอาหาร

แต่กระต่ายน้อยยังโชคดี  เพราะเมื่อหมาป่าตั้งท่าจะทำร้าย  คุณสิงโตและคุณช้างซึ่งเป็นเพื่อนของกระต่ายน้อยก็พากันวิ่งออกมาจากป่าลึกพร้อมกับร้องไล่หมาป่าให้ไปเสียให้พ้น ๆ  หมาป่าตกใจมากที่เห็นสิงโตและช้าง แถมยังมีเสียงฝีเท้าของสัตว์อื่น ๆ ที่ดังตามมาอีก  หมาป่าจึงรีบทิ้งตะกร้าแล้ววิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต   

ในเวลาต่อมา  รอบตัวของกระต่ายน้อยก็แวดล้อมไปด้วยเพื่อนสัตว์ต่าง ๆ เต็มไปหมด  สัตว์ทั้งหลายเห็นกระต่ายน้อยร้องไห้จึงช่วยกันปลอบด้วยความเป็นห่วง แต่กระต่ายน้อยบอกเพื่อน ๆ ว่า จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียขวัญ แต่มันซึ้งใจที่ได้รู้ว่าเพื่อน ๆ รักมันมากขนาดไหน 

เมื่อพูดจบ  กระต่ายน้อยก็ไปหยิบตะกร้า แล้วนำตุ๊กตาไหมพรมรูปเพื่อนสัตว์ต่าง ๆ ที่มันใช้เวลาถักอยู่นานหลายเดือน ส่งมอบให้แก่เพื่อน ๆ ทุกตัวเพื่อเป็นของขวัญในวันปีใหม่ 

เมื่อสัตว์ต่าง ๆ ได้รับตุ๊กตาจากกระต่ายน้อย  สัตว์ทุกตัวก็น้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้ง  เพราะตุ๊กตาทุกตัวถักขึ้นจากความรักที่กระต่ายน้อยมีต่อเพื่อน ๆ  (ด้วยเหตุนี้กระมัง กระต่ายน้อยจึงยอมให้หมาป่าเอาตะกร้าใบสำคัญนี้ไปไม่ได้)

สัตว์ทุกตัวดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับกระต่ายน้อย  ส่วนกระต่ายน้อยก็ดีใจที่มีเพื่อนดี ๆ เช่นนี้ หลังจากนั้น สัตว์ทั้งหมดก็พากันไปฉลองวันปีใหม่ที่บ้านของคุณสิงโต แล้วสัตว์ทุกตัวก็สัญญาว่า พวกมันจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน…ตลอดไป

#นิทานนำบุญ

………………

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานแม่ลูก : ทีมคุณแม่ ทีมคุณลูก

ช่วงที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งนิทานก่อนนอนให้กับนิตยสารขวัญเรือน  พอใกล้วันแม่ของทุกปี  ผมก็มักจะแต่งนิทานเกี่ยวกับแม่ เพื่อให้สอดคล้องกับนิตยสารขวัญเรือนฉบับวันแม่   นิทานในปีแรก ๆ มักเป็นเรื่องที่ซาบซึ้ง  แต่พอแต่งไปหลาย ๆ ปี ผมจึงลองหาแง่มุมอื่น ๆ มาแต่งบ้าง  ซึ่งนิทานเรื่อง “ทีมคุณแม่ ทีมคุณลูก” ก็เป็นนิทานเกี่ยวกับแม่ลูกที่มีเนื้อหาต่างไปจากนิทานแม่ลูกเรื่องอื่น ๆ ที่แต่ง  แต่เนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไร  คงต้องให้ลองอ่านกันดูครับ อิอิ Continue reading “นิทานแม่ลูก : ทีมคุณแม่ ทีมคุณลูก”

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานตลก : พระราชาปุ๋งปุ๋ง

นิทานตลก ๆ ก่อนนอนเรื่องแรก ๆ ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) หัดแต่ง น่าจะเป็นนิทานก่อนนอนเรื่อง “พระราชาปุ๋งปุ๋ง”  ซึ่งผมพยายามหาแง่มุมตลก ๆ ที่คิดว่าน่าจะเรียกรอยยิ้มจากเด็ก ๆ ได้ มาแต่งเป็นนิทาน  นิทานเรื่องนี้ อาจไม่ใช่นิทานตลก ๆ ก่อนนอนที่ตลกที่สุด  (ทั้งยังอาจมีแง่มุมที่ควรปรับปรุงให้เหมาะสมขึ้น) แต่ก็เป็นผลงานการแต่งนิทานตลก ๆ ก่อนนอนเรื่องแรก ๆ  ที่ผมตั้งใจทำเมื่อราว 20 ปีก่อน  หวังว่าจะทำให้เด็ก ๆ มีความสุขกับนิทานเรื่องนี้ได้บ้างนะครับ Continue reading “นิทานตลก : พระราชาปุ๋งปุ๋ง”

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานตลก ๆ ก่อนนอน : เจ้าหญิงแสนซน

เด็กซนเป็นเด็กฉลาด! แต่เด็กมีมารยาทเป็นเด็กที่ฉลาดกว่า เพราะการมีมารยาทสะท้อนให้เห็นถึงการอบรมเลี้ยงดูของครอบครัว และการมีสติของเด็ก ๆ ในการควบคุมตนเอง ให้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม  นิทานก่อนนอนเรื่อง เจ้าหญิงจอมซน เป็นนิทานสั้นพร้อมข้อคิด ผู้แต่งคือนำบุญ นามเป็นบุญ นักแต่งนิทานที่เคยลงผลงานในนิตยสารขวัญเรือน  หวังว่านิทานเรื่องเจ้าหญิงจอมซนจะเป็นนิทานก่อนนอนที่ถูกใจทุกคนนะครับ

Continue reading “นิทานตลก ๆ ก่อนนอน : เจ้าหญิงแสนซน”