Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

เด็กน้อยกับฝูงนกกระจอก

นิทานเรื่อง เด็กน้อยกับฝูงนกกระจอก

กาลครั้งหนึ่ง ยังมีเด็กน้อยคนหนึ่งเป็นคนที่มีฐานะยากจน, เรียนหนังสือไม่เก่ง, เล่นกีฬาไม่ดี แถมยังไม่มีความสามารถใด ๆ โดดเด่นเลยสักอย่าง เพื่อน ๆ จึงมักมองเขาอย่างดูถูกดูแคลน ทั้งยังเรียกเขาว่า ‘ไอ้กระจอก’ อีกด้วย

คำว่า ‘ไอ้กระจอก’ เป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังเลย เด็กน้อยรู้ดีว่าเขาห้ามปากคนอื่นให้หยุดพูดไม่ได้ แต่เขาห้ามใจตัวเองให้หยุดคิดเสียใจกับคำพูดเหล่านั้นได้ เด็กน้อยจึงวางเฉย แล้วปลีกตัวไปนั่งดูนกกระจอกซึ่งเป็นนกที่เขาชอบมากที่สุดที่ลานกว้างหลังโรงเรียน พร้อมกับนำข้าวไปโปรยให้นกกิน

ยิ่งนานวัน เด็กน้อยก็ยิ่งผูกพันกับนกกระจอกมากขึ้นเรื่อย ๆ  ส่วนนกกระจอกก็รู้สึกสนิทใจเสมือนเด็กน้อยเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกมัน  ทุกครั้งที่เด็กน้อยแวะไปหา พวกมันจึงมีความสุขมาก

วันหนึ่ง เด็กน้อยนึกสนุกอยากลองวาดรูปนกกระจอกทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีฝีมือในการวาดรูปเลยแม้สักนิด  เมื่อนกกระจอกเห็นเด็กน้อยนำกระดาษและสีชนิดต่าง ๆ มาลองวาดรูปของพวกมัน นกกระจอกจึงพยายามยืนนิ่ง ๆ เพื่อให้เด็กน้อยวาดรูปได้ง่ายที่สุด แต่ถึงกระนั้น ภาพที่เด็กน้อยวาดออกมาก็เป็นภาพที่ดูกระจอกเสียเหลือเกิน

ในห้องเรียน เมื่อเด็กคนอื่น ๆ เห็นรูปที่เด็กน้อยวาด พวกเขาก็พากันหัวเราะเยาะและดูแคลนว่าเด็กน้อยมีฝีมือกระจอกสมชื่อ

แม้จะโดนเพื่อน ๆ ดูถูก แต่เด็กน้อยก็ไม่ใส่ใจ เขาพยายามวาดรูปนกกระจอกต่อไปทุกวัน จนเวลาผ่านไปเกือบ 3 ปี เขาก็มีรูปนกกระจอกที่วาดเอาไว้มากถึง 1000 รูป 

รูปนกกระจอกรูปแรก ๆ ที่เด็กน้อยวาดอาจดูไม่เหมือนนกกระจอกสักเท่าไร แต่ยิ่งวาดไป ๆ รูปนกกระจอกที่เขาวาดก็ดูสวยขึ้น ๆ จนนกกระจอกทั้งหลายยังแอบหลงใหล

อย่างไรก็ตาม เพื่อน ๆ ที่ชอบดูถูกก็ยังคงหาเรื่องเด็กน้อยได้อีก โดยเด็กเหล่านั้นมักจะนินทาว่า “ไอ้กระจอกก็วาดได้แต่รูปนกกระจอกนั่นแหละ วาดอย่างอื่นก็ไม่เป็น เรียนอะไรก็ไม่เก่ง แถมบ้านยังยากจนด้วย ทำได้แค่นี้ไม่มีวันก้าวหน้าได้หรอก”

เมื่อเด็กน้อยได้ฟังคำพูดของเพื่อนเหล่านั้น เขาก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย  แต่เขาห้ามใจของตัวเองไม่ให้ทุกข์ร้อนกับคำพูดเหล่านั้นได้ เด็กน้อยจึงปล่อยให้คำพูดว่าร้ายลอยเข้าหูซ้ายแล้วผ่านออกไปทางหูขวา จากนั้น เขาก็ตั้งใจวาดรูปนกกระจอกอย่างมีความสุขต่อไป

ในขณะที่เด็กน้อยทำใจปล่อยวางจากคำพูดของเพื่อน ๆ ได้แล้ว แต่พวกนกกระจอกกลับคิดว่า การวาดรูปนกกระจอกได้งดงามขนาดนี้ (แม้จะวาดได้เพียงอย่างเดียว) ก็มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิตได้ นกกระจอกจึงปรึกษาหารือกัน แล้วตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

วันต่อมา ในขณะที่เด็กน้อยกำลังวาดรูปนกกระจอกตัวหนึ่งอยู่ นกกระจอกตัวอื่น ๆ ก็พากันทำตามแผนด้วยการคาบภาพวาดของเด็กน้อยตัวละ 1 ภาพ แล้วบินไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง

เมื่อผู้คนเห็นนกกระจอกนับพันตัวบินเข้ามาเกาะตามที่ต่าง ๆ  ผู้คนก็พากันแปลกใจ  ครั้นเมื่อพวกเขาเห็นรูปที่นกกระจอกคาบมาด้วย ชาวเมืองรวมทั้งสื่อมวลชนก็รู้สึกทึ่งในความงดงามของภาพเหล่านั้น

เมื่อนกกระจอกเห็นว่ามีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก พวกนกจึงส่งสัญญาณให้กัน แล้วบินเรียงแถวกลับไปยังลานกว้างหลังโรงเรียนอย่างเป็นระเบียบ 

เมื่อผู้คนเห็นฝูงนกบินกันเป็นทิวแถว ทุกคนจึงพากันเดินตามฝูงนกด้วยความสงสัยใคร่รู้ และเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในโรงเรียน  ทุกคนก็ได้เห็นว่าภาพนกกระจอกที่งดงามทั้งหลายเกิดขึ้นจากฝีมือของเด็กน้อยที่กำลังวาดภาพนกกระจอกอย่างมีความสุขอยู่นั่นเอง

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้น  นักข่าวจึงรีบขอทำข่าวของเด็กน้อยนักวาดภาพนกกระจอกเพื่อนำไปออกอากาศ, ชาวเมืองที่ชื่นชอบภาพวาดของเด็กน้อยต่างก็แย่งกันขอซื้อภาพเอากลับไปเป็นที่ระลึก, ส่วนผู้คนที่ได้ชมข่าวและเห็นภาพนกกระจอกที่สวยงามราวกับมีชีวิตต่างก็ติดต่อขอให้เด็กน้อยวาดภาพนกกระจอกให้เป็นจำนวนนับพัน ๆ คน

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน  เด็กน้อยก็ขายภาพวาดของเขาได้จนหมดเกลี้ยง แถมเขายังต้องวาดภาพนกกระจอกส่งให้คนที่สั่งซื้ออีกนับพัน ๆ ภาพ (ซึ่งคงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะวาดได้ครบ) แผนการของนกกระจอกทำให้เด็กน้อยมีรายได้จากการขายภาพมากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งทำให้คนที่เคยดูถูกดูแคลนเขาถึงกับพูดไม่ออก

เด็กน้อยนำเงินที่ได้มอบให้คุณพ่อคุณแม่  ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็นำเงินไปใช้จ่ายและเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของลูกสุดที่รัก  นอกจากนี้ เด็กน้อยยังขอเงินส่วนหนึ่งไปทำสิ่งสำคัญ นั่นคือการนำเงินมาปรับปรุงลานกว้างหลังโรงเรียนให้เป็นลานเพลินใจของนกกระจอกทั้งหลายที่เป็นเพื่อนของเขา

นกกระจอกมีความสุขมากที่เห็นเด็กน้อยผู้ถนัดวาดรูปนกกระจอกเพียงอย่างเดียวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  ส่วนเด็กน้อยก็มีความสุขที่เขาได้วาดรูปนกกระจอกและมีโอกาสทำสิ่งดี ๆ ให้แก่นกกระจอกเพื่อนของเขาบ้าง

#นิทานนำบุญ

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นาตาชากับแมวน้อย 12 ตัว

นิทานเรื่อง “นาตาชากับแมวน้อย 12 ตัว” เป็นนิทานเรื่องสั้น ๆ ของแมวกับคน ซึ่งเป็นนิทานที่มีแมวน้อย มากถึง 12 ตัว นิทานเรื่องนี้จัดเป็นนิทานก่อนนอนเรื่องสั้น ๆ ที่จะช่วยปลูกฝังเรื่องความเมตตาให้แก่เด็ก ๆ รวมทั้งสอนใจเกี่ยวกับความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่เด็ก ๆ ควรมีในหัวใจ

นิทานก่อนนอนเรื่อง นาตาชากับแมวน้อย 12 ตัว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนใกล้เขตขั้วโลกอันหนาวเหน็บ  ยังมีเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ซึ่งพ่อกับแม่ของเธอทิ้งไว้ให้ก่อนที่ท่านทั้งสองจะด่วนขึ้นสวรรค์ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ  เด็กหญิงคนนี้มีชื่อว่า”นาตาชา” เธอไม่ญาติพี่น้องที่ไหนอีกเลย ดังนั้น เธอจึงต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีวิต 

คืนหนึ่งหลังจากเลิกงาน  นาตาชารีบเดินกลับบ้านเพราะอากาศในคืนนั้นหนาวผิดปกติ  ระหว่างทาง…เด็กหญิงมองเห็นแมวสิบสองตัวนอนแข็งทื่ออยู่บนพื้นหิมะราวกับพวกมันกำลังจะจากโลกนี้ไปด้วยภัยแห่งความหนาว  นาตาชาไม่อยากให้แมวน้อยทั้งหลายต้องตายไปต่อหน้า เธอจึงรีบตรงเข้าไปอุ้มแมวแต่ละตัวขึ้นมากอด จากนั้น เธอก็หอบเอาแมวทั้งหมดกลับบ้าน

ตลอดทั้งคืน นาตาชาพยายามให้ความอบอุ่นแก่เจ้าแมวทั้งสิบสองตัวอย่างสุดความ สามารถ เวลาผ่านไปนาน…จนกระทั่งรุ่งสาง ร่างที่เย็นเยียบเหมือนไร้ชีวิตของแมวน้อยทั้งหลายจึงค่อย ๆ อุ่นขึ้น ๆ  จนในที่สุด แมวทั้งสิบสองตัวก็กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง  

นาตาชามีความสุขมากที่เธอช่วยชีวิตแมวน้อยทุกตัวเอาไว้ได้  เด็กหญิงมองแมวน้อยแต่ละตัวที่เข้ามาคลอเคลียเธอด้วยความรัก จากนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูแมวทั้งสิบสองตัวเอาไว้ เพื่อที่พวกมันจะได้ไม่ต้องออกไปเผชิญกับความหนาวอันร้ายกาจอีก  

เมื่อเพื่อนบ้านทราบข่าวว่าเด็กหญิงผู้ยากจนเลี้ยงดูแมวน้อยเอาไว้ในบ้านถึงสิบสองตัว  เพื่อนบ้านต่างก็พากันพูดจาถากถางหาว่านาตาชาไม่รู้จักประมาณตน เพราะเพียงแค่การที่เธอจะต้องหาเลี้ยงตัวเองไปวัน ๆ ก็ยังเป็นเรื่องยาก ดังนั้น การที่เธอเก็บแมวมาเลี้ยงไว้ถึงสิบสองตัวจึงเป็นการเพิ่มภาระที่ดูอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

 แม้นาตาชาจะรู้ดีว่าการเลี้ยงแมวทั้งสิบสองตัวจะทำให้เธอต้องลำบากมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่เธอก็ยินดีที่จะลำบาก หากมันสามารถช่วยรักษาชีวิตของแมวน้อยทั้งหลายเอาไว้ได้

แมวน้อยทั้งสิบสองตัวต่างซาบซึ้งในความเมตตาของนาตาชาจนบรรยายไม่ถูก พวกมันอยากตอบแทนบุญคุณของเธอบ้าง ด้วยเหตุนี้ เมื่อนาตาชาออกไปทำงานนอกบ้าน พวกแมวจึงประชุมกันเพื่อหาทางทำให้นาตาชามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

หลังจากการปรึกษาหารือกันอย่างรอบคอบ  ในที่สุด แมวน้อยทั้งหมดก็ตัดสินใจแบ่งงานกันทำตามความถนัด

แมวหนุ่มเก้าตัวที่มีความคล่องแคล่วว่องไวตกลงใจที่จะรวมตัวกันเป็นกองทัพรับจ้างกำจัดหนูตามบ้านเรือนต่าง ๆ  ฝ่ายแมวสาวอีกสองตัวที่รักความสะอาดก็อาสาอยู่ดูแลบ้านของนาตาชาให้เรียบร้อยเพื่อแบ่งเบาภาระให้เด็กหญิงที่มันรัก  ส่วนแมวน้อยตัวสุดท้องน้องสุดท้ายที่ยังเล็กกว่าเพื่อน มันมีความสามารถในการวาดภาพและเขียนหนังสือ มันจึงขอทำหน้าที่เขียนป้ายประกาศให้นาตาชาและผู้คนทั้งหลายรู้ว่า เหล่าแมวน้อยที่บ้านหลังนี้ยินดีรับจ้างจัดการกับพวกหนูที่น่ารังเกียจ  

เย็นวันนั้น  เมื่อนาตาชากลับมาถึงบ้าน แมวน้อยทั้งสิบสองตัวพากันคาบป้ายประกาศการรับจ้างกำจัดหนู ซึ่งเจ้าแมวตัวเล็กใช้หางจุ่มซอสมะเขือเทศแล้วบรรจงเขียนเป็นตัวหนังสือมามอบให้แก่นาตาชา  นาตาชาแปลกใจมากต่อสิ่งที่ได้เห็น แต่เธอก็เชื่อว่ามันเป็นฝีมือการเขียนของพวกแมวจริง ๆ เพราะที่หางของเจ้าแมวตัวเล็กยังคงมีคราบซอสมะเขือเทศติดอยู่เกรอะกรังไปหมด

หลังจากที่นาตาชานำป้ายประกาศไปแปะตามที่ต่าง ๆ ได้ไม่นาน  ผู้คนที่ถูกหนูกวนใจก็เริ่มติดต่อว่าจ้างเข้ามา  แมวหนุ่มทั้งเก้าตัวทำงานประสานกันได้อย่างยอดเยี่ยม  ไม่นานนัก…กิจการของพวกแมวน้อยก็กลายเป็นที่นิยมซึ่งทำให้พวกมันต้องทำงานจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน

เมื่องานไล่หนูมีมากขึ้น เงินที่ได้รับจึงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย  แมวน้อยทั้งหลายนำเงินมากมายที่ได้รับมามอบให้แก่นาตาชาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลพวกมันและเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวของนาตาชาเอง 

นอกจากนี้ เหล่าแมวน้อยยังเขียนข้อความขอร้องให้นาตาชาเลิกทำงานหารายได้ แต่ขอให้เธอกลับไปเรียนหนังสือและใช้ชีวิตสดใสตามประสาเด็กเหมือนสมัยที่พ่อกับแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่

นาตาชาตื้นตันใจมากที่เธอได้รับความรักและความปรารถนาดีจากแมวน้อยทั้งหลาย

ในที่สุด เด็กหญิงผู้มีจิตใจเมตตาก็ยอมทำตามความต้องการของแมวน้อยด้วยการเลิกทำงานและกลับเข้าโรงเรียนอีกครั้ง  ส่วนแมวน้อยทั้งสิบสองตัวต่างก็ดีใจมากที่พวกมันสามารถทำให้เด็กหญิงผู้มีพระคุณมีความสุขและมีชีวิตที่ดีขึ้นได้เป็นผลสำเร็จ

#นิทานนำบุญ

………………………………….