ช่วงที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งนิทานก่อนนอนให้กับนิตยสารขวัญเรือน พอใกล้วันแม่ของทุกปี ผมก็มักจะแต่งนิทานเกี่ยวกับแม่ เพื่อให้สอดคล้องกับนิตยสารขวัญเรือนฉบับวันแม่ นิทานในปีแรก ๆ มักเป็นเรื่องที่ซาบซึ้ง แต่พอแต่งไปหลาย ๆ ปี ผมจึงลองหาแง่มุมอื่น ๆ มาแต่งบ้าง ซึ่งนิทานเรื่อง “ทีมคุณแม่ ทีมคุณลูก” ก็เป็นนิทานเกี่ยวกับแม่ลูกที่มีเนื้อหาต่างไปจากนิทานแม่ลูกเรื่องอื่น ๆ ที่แต่ง แต่เนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไร คงต้องให้ลองอ่านกันดูครับ อิอิ
นิทานเรื่อง ทีมคุณแม่ ทีมคุณลูก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกสัตว์ 3 ตัว เป็นเพื่อนรักที่มีความถนัดแตกต่างกัน ตุ่นน้อยถนัดเรื่องการก่อสร้าง นกจิ๊บถนัดเรื่องการทำงานในที่สูง ส่วนช้างจิ๋วถนัดเรื่องการสร้างสรรค์งานศิลปะ ลูกสัตว์ทั้ง 3 ตัวเรียนหนังสืออยู่ในห้องเดียวกันด้วยความรักใคร่กลมเกลียว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูกสัตว์ทั้งสามไม่สบายใจ นั่นก็คือ การที่คุณแม่ของพวกมันชอบดูแคลนความสามารถของลูกสัตว์ตัวอื่น ๆ โดยมองว่าลูกของตนเองเก่งกว่าใคร ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้คุณแม่ของลูกสัตว์ทั้งสามมักมีเรื่องไม่ลงรอยกันอยู่เสมอ ๆ
ความไม่ลงรอยกันของบรรดาแม่ ๆ ทำให้คุณครูฮิปโปซึ่งเป็นคุณครูประจำชั้น จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง…ก่อนที่จะเกิดเรื่องลุกลามใหญ่โต ด้วยเหตุนี้ คุณครูจึงประกาศให้ลูกสัตว์ทุกตัวไปฝึกสร้างบ้าน เพื่อเตรียมตัวเข้ารับการทดสอบและคัดเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันสร้างบ้านกับโรงเรียนอื่น ๆ ในระดับประเทศ
ทันทีที่คุณแม่ของลูกสัตว์ทั้งสามทราบข่าว คุณแม่ทั้งสามก็กุลีกุจอให้ลูกของตนฝึกซ้อมสร้างบ้าน เพื่อให้ได้รับการคัดเลือกไปแข่งขันในระดับประเทศให้จงได้
ครั้นเมื่อถึงวันทดสอบ ตุ่นน้อยผู้ถนัดเรื่องการก่อสร้าง เริ่มสร้างบ้านได้เร็วกว่าใคร ๆ แต่เมื่อถึงส่วนการทำหลังคาและการตกแต่งบ้านให้สวยงาม ตุ่นน้อยกลับทำได้ไม่ดีนัก บ้านที่ตุ่นน้อยสร้างจึงเป็นบ้านที่โดดเด่นเรื่องความแข็งแรง แต่กลับมีปัญหาเรื่องหลังคารั่ว และไม่มีความสวยงามเอาเสียเลย
ส่วนบ้านของนกจิ๊บผู้ถนัดเรื่องการทำงานในที่สูงนั้น นกจิ๊บสร้างหลังคาบ้านได้อย่างยอดเยี่ยม แต่โครงสร้างของบ้านกลับไม่แข็งแรง และความสวยงามก็อยู่ในระดับเดียวกันกับบ้านของตุ่นน้อย คือ ไม่สวยและไม่ชวนให้อยากอยู่อาศัย
สำหรับบ้านของช้างจิ๋วนั้นแตกต่างจากบ้านของตุ่นน้อยกับนกจิ๊บอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ บ้านของช้างจิ๋วดูสวยงามน่าอยู่มาก แต่เพียงแค่เปิดประตูบ้าน ประตูก็แทบจะหลุดติดมือออกมา แถมกำแพงยังมีรอยร้าว และหลังคาก็มีรูโหว่ บ้านของช้างจิ๋วจึงเป็นบ้านที่สวยงามแต่คงอยู่ไม่ได้ เพราะมันไม่มีความแข็งแรงเลยแม้สักนิด
เมื่อถึงเวลาตัดสิน คุณครูจึงประกาศผลว่า ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนไปแข่งขันเลยสักคน
ในขณะที่คุณแม่ของลูกสัตว์ทั้งสามกำลังจะหมดหวัง คุณครูฮิปโปได้ประกาศเพิ่มเติมว่า แม้ทางโรงเรียนจะหาตัวแทนไปแข่งขันสร้างบ้านประเภทบุคคลไม่ได้ แต่โรงเรียนอาจส่งตัวแทนไปแข่งขันประเภททีมได้ หากทางโรงเรียนมีนักเรียนที่เหมาะสมในการทำงานกันเป็นทีมมากถึง 3 คน
ทันทีที่คุณแม่ของลูกสัตว์ทั้งสามได้ฟัง คุณแม่ทั้งสามก็รีบบอกคุณครูถึงจุดเด่นในการสร้างบ้านของลูกตนเองรวมถึงจุดเด่นในฝีมือการสร้างบ้านของลูกสัตว์ตัวอื่น ๆ
คุณแม่ของตุ่นน้อยบอกว่า “ลูกของฉันทำโครงสร้างของบ้านได้แข็งแรงไม่แพ้ผู้ใหญ่ ส่วนหนูนกจิ๊บก็ทำหลังคาได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าได้ร่วมทีมกับหนูช้างจิ๋วที่ฝีมือในการตกแต่งบ้านให้สวยงามได้ราวกับเนรมิต รับรองว่า ตัวแทนโรงเรียนทีมนี้ไม่มีทางสร้างบ้านแพ้ใครแน่ๆ”
คุณแม่ของนกจิ๊บบอกว่า “คุณแม่ของหนูตุ่นน้อยพูดได้ตรงใจดิชั้นทุกอย่าง ดิชั้นเห็นด้วยจริง ๆ ค่ะ”
ฝ่ายคุณแม่ของช้างจิ๋วก็รีบสนับสนุนคำพูดของคุณแม่ทั้งสองว่า “ดิชั้นก็เห็นด้วยค่ะ หนูตุ่นน้อย หนูนกจิ๊บ และลูกของดิชั้นถนัดกันไปคนละอย่าง ถ้าได้ร่วมทีมกัน มีความสามัคคีกัน บ้านที่ช่วยกันสร้างต้องสมบูรณ์แบบที่สุดแน่ ๆ”
เมื่อคุณครูฮิปโปเห็นว่าคุณแม่ทั้งสามที่เคยชิงดีชิงเด่นกัน หันมากลมเกลียวกัน และตระหนักถึงความถนัดที่แตกต่างกันของเด็กแต่ละคน โดยไม่ยึดติดอยู่กับการเปรียบเทียบว่าใครเก่งกว่าใคร คุณครูจึงยิ้มแล้วบอกกับคุณแม่ทั้งสามว่า ทางโรงเรียนเห็นด้วยกับคำแนะนำของคุณแม่ และจะส่งนักเรียนทั้งสามเป็นตัวแทนประเภททีมไปแข่งขันชิงชัยในระดับประเทศ
คุณแม่ของตุ่นน้อย คุณแม่ของนกจิ๊บ และคุณแม่ของช้างจิ๋วดีใจจนเผลอกระโดดกอดกันอย่างไม่รู้ตัว แต่นอกจากบรรดาแม่ ๆ จะดีใจแล้ว ลูก ๆ ทั้งสามก็ดีใจไม่แพ้กัน เพราะในตอนนี้ บรรยากาศอึมครึมที่เกิดจากความไม่ลงรอยกันของแม่ ๆ ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือก็เพียงความสมัครสมานสามัคคีของ “ทีมคุณแม่” ที่พร้อมจะร่วมแรงร่วมใจกันสนับสนุน “ทีมคุณลูก” ในการแข่งขันสร้างบ้านระดับประเทศ ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
และเมื่อถึงวันแข่งขัน ทีมคุณลูกก็ไม่ทำให้ทีมคุณแม่ผิดหวังเลย.
#นิทานนำบุญ
………………
