“เจ้าบ่าวของหนูสาว” (The Mouse Bride หรือ The Most Powerful Husband) คือหนึ่งในนิทานพื้นบ้านจีนโบราณที่มีชื่อเสียง และถูกเล่าต่อกันมาอย่างยาวนานทั่วทั้งเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม นิทานเรื่องนี้มีเนื้อหาที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เล่าถึงครอบครัวหนูที่แสวงหาว่าที่เจ้าบ่าวที่ “ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” ให้กับลูกสาวแสนสวย และในการเดินทางตามหาว่าที่เจ้าบ่าว พวกเขาได้เรียนรู้ว่า “พลังที่แท้จริง” อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด
จุดเด่นของนิทานต้นฉบับ คือการใช้รูปแบบนิทานอุปมาอุปไมย เพื่อชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจผิดของมนุษย์ที่มักเฝ้าหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ภายนอก โดยมองข้ามสิ่งสำคัญที่อยู่ใกล้ตัว นิทานนี้ยังมีบทบาทสำคัญในด้านวัฒนธรรม โดยมักใช้ในการสอนเด็กเรื่องความพอเพียง การยอมรับตัวตน และการไม่ดูแคลนสิ่งเล็ก ๆ ที่มีคุณค่า
ในเวอร์ชันนี้ — ซึ่งจัดทำขึ้นใหม่ในรูปแบบ “นิทานก่อนนอน” ที่เหมาะกับเด็ก ๆ สมัยใหม่ — ผู้เขียนได้ปรับภาษาให้นุ่มนวล อ่านง่าย และเพิ่มเสน่ห์ด้วยภาพประกอบแสนน่ารักที่ช่วยกระตุ้นจินตนาการของเด็ก ๆ ทั้งยังคงรักษาแก่นของนิทานต้นฉบับไว้ครบถ้วน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่านิทานก่อนนอน เพื่อสร้างบทสนทนาที่อบอุ่นระหว่างพ่อแม่กับลูก
มาอ่านนิทานเรื่อง “เจ้าบ่าวของหนูสาว” กันเถอะ…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหนูสาวตัวหนึ่งเป็นหนูสาวที่มีหน้าตาน่ารักที่สุดในโลก เมื่อหนูสาวเติบโตถึงวัยที่ควรจะมีครอบครัว พ่อกับแม่ของหนูสาวจึงคิดหาคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่ลูกสาวสุดที่รัก
จริง ๆ แล้ว หนูสาวมีคู่รักอยู่แล้วตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นหนูหนุ่มนิสัยดีที่มีบ้านอยู่ไม่ห่างจากบ้านของเธอนัก แต่เนื่องจากพ่อกับแม่ของหนูสาวอยากให้ลูกสาวแสนสวยได้แต่งงานกับเจ้าบ่าวที่คู่ควร พ่อหนูกับแม่หนูจึงมองข้ามหนูหนุ่มผู้ต่ำต้อย แล้วพยายามมองหาเจ้าบ่าวที่เก่งกาจกว่าใคร ๆ เพื่อให้มาใช้ชีวิตร่วมกับลูกสาวของตน
เจ้าบ่าวคนแรกที่พ่อหนูนึกถึงก็คือพระอาทิตย์ผู้มีแสงเจิดจ้า แต่เมื่อพ่อหนูกับแม่หนูไปบอกกับพระอาทิตย์ว่าพวกตนกำลังตามหาเจ้าบ่าวที่เก่งกาจให้ลูกสาว พระอาทิตย์ก็รีบเอ่ยคำปฏิเสธ โดยเขาให้เหตุผลว่า
“ฉันไม่ใช่ผู้ที่เก่งกาจที่สุดหรอก ก้อนเมฆต่างหากที่เก่งกาจกว่าฉัน ดูสิ..เพียงแค่เมฆลอยผ่านมา มันก็บดบังฉันจนมิด ฉันว่า..เมฆน่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่เหมาะสมกว่าฉันนะ”
พ่อหนูกับแม่หนูเห็นจริงตามที่พระอาทิตย์ชี้แจง ดังนั้น พ่อหนูกับแม่หนูจึงรีบไปหาก้อนเมฆ เพื่อขอให้ก้อนเมฆแต่งงานกับลูกสาวของตน เมื่อก้อนเมฆได้ฟังคำของพ่อหนูกับแม่หนู ก้อนเมฆก็รีบเอ่ยคำปฏิเสธ โดยเขากล่าวว่า
“ฉันไม่ใช่ผู้ที่เก่งกาจที่สุดหรอก สายลมต่างหากที่เก่งกาจกว่าฉัน ดูสิ..เพียงแค่ลมพัดมา ฉันก็ปลิวไปถึงไหนต่อไหน ฉันว่า..สายลมน่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่เหมาะสมมากกว่าฉันนะ”
พ่อหนูกับแม่หนูเห็นจริงตามคำของก้อนเมฆ ดังนั้น พ่อหนูกับแม่หนูจึงรีบไปหา สายลมเพื่อขอให้สายลมแต่งงานกับลูกสาวของตน เมื่อสายลมได้ฟังคำของพ่อหนูกับแม่หนู สายลมก็รีบเอ่ยคำปฏิเสธ โดยเขาบอกว่า
“ฉันไม่ใช่ผู้ที่เก่งกาจที่สุดหรอก กำแพงต่างหากที่เก่งกาจกว่าฉัน ดูสิ..ไม่ว่าฉันจะโถมตัวเข้าปะทะกำแพงสักกี่ครั้ง มันก็ยังคงยืดหยัดอยู่ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันว่า..กำแพงน่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่เหมาะสมมากกว่าฉันนะ”
พ่อหนูกับแม่หนูเห็นจริงตามคำของสายลม ดังนั้น พ่อหนูกับแม่หนูจึงรีบไปหากำแพง เพื่อขอให้กำแพงแต่งงานกับลูกสาวของตน เมื่อกำแพงได้ฟังคำของพ่อหนูกับแม่หนู กำแพงก็รีบเอ่ยคำปฏิเสธ โดยเขาบอกว่า
“ฉันไม่ใช่ผู้ที่เก่งกาจที่สุดหรอก ยังมีคนอื่นที่เก่งกาจมากกว่าฉัน ดูสิ..เขาใช้ฟันเจาะตัวฉันจนเป็นรูได้ด้วย ฉันว่า..เขาน่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่เหมาะสมมากกว่าฉันนะ”
พ่อหนูกับแม่หนูดูรูที่กำแพง แล้วก็รู้สึกคล้อยตามคำพูดที่ได้ฟัง ดังนั้น พ่อหนูกับแม่หนูจึงรีบไปหา “ผู้เก่งกาจ” เพื่อขอให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของตน และมันก็เป็นเรื่องที่เหมือนกับพรหมลิขิต! เพราะผู้เก่งกาจที่กำแพงพูดถึงก็คือหนูหนุ่มคู่รักของหนูสาวนั่นเอง
เดิมทีบ้านของหนูหนุ่มเคยตั้งอยู่ที่อื่น แต่เมื่อมันมาผูกสมัครรักใคร่กับหนูสาว มันจึงมาเจาะกำแพงสร้างเป็นบ้าน เพื่อให้ตนเองได้อยู่ใกล้ชิดกับหนูสาวมากยิ่งขึ้น
หนูหนุ่มดีใจมากที่จู่ ๆ พ่อกับแม่ของหนูสาว ก็มาขอให้มันแต่งงานกับหนูสาวที่มันเฝ้าฝันถึง หนูหนุ่มรีบตอบตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไข ส่วนพ่อหนูกับแม่หนูก็ดีใจ ที่พวกมันสามารถหาเจ้าบ่าวผู้เก่งกาจ ให้แก่ลูกสาวได้เป็นผลสำเร็จ
ในที่สุด หนูสาวก็ได้แต่งงานกับเจ้าบ่าวที่เธอปรารถนา แล้วทั้งคู่ก็ครองรักกันสืบต่อมาตราบนานเท่านาน
ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :
- อย่าตัดสินใครจากฐานะหรือรูปลักษณ์ภายนอก
- การมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของผู้อื่น คือสิ่งสำคัญยิ่งในความสัมพันธ์
- ผู้ปกครองควรฟังความรู้สึกของลูก ไม่ใช่ตัดสินใจแทนโดยลำพัง
#นิทานโบราณ







