นิทานเรื่อง นกน้อยเจ้าเวหา
นานมาแล้ว มีนกกระจอกตัวหนึ่งเป็นนกน้อยที่ดูต่ำต้อยด้อยค่า เจ้านกกระจอกหวังว่าสักวัน มันจะได้รับการยอมรับจากนกตัวอื่น ๆ บ้าง ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงตั้งใจเรียนหนังสือ เพราะมันเชื่อว่าความรู้จากการเล่าเรียนเขียนอ่านจะทำให้มันกลายเป็นนกที่ไม่กระจอกได้ในอนาคต
อยู่มาวันหนึ่ง พญาอินทรีผู้เป็นราชาแห่งนกทั้งหลายได้ประกาศรับสมัครเจ้าเวหาตัวใหม่ เพื่อให้มาดูแลเหล่านกแทนมันที่แก่ชราลงทุกขณะ
เมื่อพวกนกทราบข่าว นกทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่ลานหน้าบ้านของพญาอินทรี โดยนกส่วนใหญ่มาเพื่อออกเสียงเลือกผู้นำตัวใหม่ ในขณะที่นกบางตัวมาเพื่อสมัครเป็นเจ้าเวหาราชาแห่งนกทั้งหลาย
เมื่อถึงเวลาอันควร พญาอินทรีก็กล่าวเปิดงานแล้วให้นกที่สนใจสมัครเป็นราชาแห่งนกออกมานำเสนอจุดเด่นของตนเอง
นกตัวแรกที่สมัครเป็นราชาแห่งนกคือนกยูง เมื่อพญาอินทรีให้มันออกมาพูดถึงจุดเด่นของตัวเอง เจ้านกยูงก็ค่อย ๆ ก้าวออกมาที่กลางลานอย่างช้า ๆ แล้วรำแพนหางแสนสวยพร้อมกับบอกนกทั้งหลายว่า “จุดเด่นของฉันอยู่ที่ความงามสง่าที่จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับพวกเราเหล่านกทั้งหลายได้ ถ้าอยากให้โลกยกย่องและชื่นชมพวกเรา พวกเธอก็ต้องเลือกฉันให้เป็นราชาแห่งนก” เมื่อได้ฟังคำพูดของนกยูง นกทั้งหมดก็ตบปีกเสียงดัง “พั่บ ๆ ๆ” พร้อมกับผงกหัวเห็นด้วยเป็นการใหญ่
ครั้นเมื่อนกยูงกลับไปนั่งที่แล้ว นกไนติงเกลก็บินออกมาที่กลางลานบ้าง นกไนติงเกลส่งเสียงร้องเพลงแสนไพเราะจนนกทั้งหลายรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ และเมื่อนกไนติงเกลร้องเพลงจบ มันก็พูดว่า “จุดเด่นของฉันคือการมีเสียงสวรรค์ที่รังสรรค์ความสุขให้ทุกคนได้ ถ้าพวกเธออยาก
มีเพลงไพเราะฟังทุกวัน พวกเธอก็ต้องเลือกฉันให้เป็นเจ้าเวหานะ” เมื่อได้ฟังคำพูดของนกไนติงเกล นกทุกตัวก็พากันยิ้ม แล้วตบปีกเสียงดัง“พั่บ ๆ ๆ” ไม่แพ้ตอนที่ได้ฟังคำพูดของเจ้านกยูง
เมื่อนกไนติงเกลเดินกลับไปนั่งที่ เจ้านกกระจอกตัวน้อยที่สมัครเป็นเจ้าเวหากับเขาด้วยก็คาบข้าวของ เช่น กะลามะพร้าว, เศษไม้, ขวดพลาสติก, ดินเหนียว, ใบไม้แห้ง, เชือก ฯลฯ ซึ่งพูดรวม ๆ ก็คือเศษขยะ นำใส่ถุงตาข่ายแล้วลากเข้ามาที่กลางลาน เมื่อนกทั้งหลายเห็นนกกระจอก พวกมันก็พากันหัวเราะเยาะ แต่นกกระจอกไม่ได้ใส่ใจ มันนำของในถุงตาข่ายออกมา แล้วก้มหน้าก้มตานำข้าวของเหล่านั้นมาประกอบเป็นสิ่งของต่าง ๆ ที่นกทั้งหลายคาดไม่ถึง
นกกระจอกนำกะลามะพร้าว, ดินและเศษไม้มาทำเป็นบ้านนกหลังเล็ก ๆ จากนั้น มันก็นำเชือกมาถักเป็นตาข่ายแล้วแซมด้วยใบไม้จนเต็มพื้นที่เพื่อใช้เป็นแผงกันลมกันฝนรวมทั้งใช้ในการพรางตัว นอกจากนี้ นกกระจอกยังนำฝาขวด, เชือก, ยางไม้และหนามจากกิ่งไม้มารวมเข้าด้วยกันทำเป็นหมวกนกซึ่งมีหนามแหลมยื่นออกมาเพื่อให้นกใช้สวมป้องกันตัวเองจากสัตว์ร้ายต่าง ๆ เจ้านกน้อยสร้างสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมากมายต่อหน้านกทั้งหลาย แต่นกทั้งหมดกลับนิ่งเงียบ…ไม่มีใครตบปีกให้กำลังใจนกกระจอกเลยแม้สักนิด
เจ้านกกระจอกเข้าใจว่าการใช้ความคิดสร้างสิ่งประดิษฐ์คงไม่น่าสนใจสำหรับเพื่อนนกตัวอื่น ๆ แต่เพียงครู่เดียวหลังจากนั้น นกกระจอกก็รู้ว่ามันคิดผิด เพราะนกทุกตัวที่เพิ่งหายตื่นตะลึงต่างก็พากันตบปีกเสียงดังสนั่นพร้อมกันโห่ร้องชื่นชมนกกระจอกที่ใช้พลังความคิดได้อย่างสุดวิเศษ
เมื่อเสียงโห่ร้องสงบลง ท่านพญาอินทรีก็เดินออกมาที่กลางลานอย่างช้า ๆ แล้วกล่าวกับนกทุกตัวว่า “รูปร่างหน้าตาที่สะสวยหรือเสียงร้องเพลงที่แสนไพเราะคงเทียบไม่ได้กับพลังแห่งสติ ปัญญาที่สามารถสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นได้อย่างมากมายมหาศาล เอาล่ะ…พวกเราคงรู้แล้วว่า ใครเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าเวหาตัวใหม่มากที่สุด”
ทันทีที่พญาอินทรีพูดจบ นกทุกตัวรวมทั้งนกยูงและนกไนติงเกลก็ตบปีกเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้งเพื่อต้อนรับนกกระจอกตัวน้อยให้เป็นราชาตัวใหม่ของเหล่านกทั้งหลาย
เจ้านกกระจอกดีใจมากที่มันได้รับเกียรติและการยอมรับจากนกทุกตัว
ในที่สุด การศึกษาเล่าเรียนก็เปลี่ยนนกกระจอกที่หลายคนมองว่าต่ำต้อยด้อยค่าให้กลายเป็นนกน้อยเจ้าเวหาซึ่งเป็นราชาของนกทั้งหลายได้สำเร็จ
และแล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงอย่างมีความสุข
#นิทานนำบุญ
