ในช่วงที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ประกอบอาชีพเป็นนักเขียนนิทาน รายการโทรทัศน์ประเภทรายการประกวดร้องเพลงโด่งดังมากมีอยู่ 2 รายการ รายการแรกคือรายการ อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย (นักล่าฝัน) และอีกรายการคือรายการเดอะสตาร์ (ค้นฟ้าคว้าดาว)
ช่วงที่ผมทำงาน ผมเคยแต่งนิทานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรายการ อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย (นักล่าฝัน) 2-3 เรื่อง เช่นเรื่อง อย่าไปกลัวสิ และเรื่อง เจ้าชายไข่เจียว อยู่มาวันหนึ่ง ผมจึงท้าทายตัวเองด้วยการแต่งนิทานโดยตั้งชื่อเรื่องว่า ค้นฟ้าคว้าดาว (ตามชื่อรายการยอดฮิตอีกรายการ) จากนั้นจึงค่อยคิดเนื้อเรื่อง จนกลายเป็นนิทานก่อนนอนไทยพื้นบ้านที่ผสมผสานนิทานความรักและนิทานที่มีคติสอนใจเข้าไปนิดหน่อย ขอให้มีความสุขในการอ่านนะครับ
นิทานเรื่อง ค้นฟ้าคว้าดาว
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งคบหาดูใจกันมานาน ชายหนุ่มเป็นคนขยันและมีน้ำใจ ส่วนหญิงสาวเป็นคนสะสวยแถมมีจิตใจดีงามไม่แพ้รูปโฉม ทั้งสองคนมักอาสาช่วยงานผู้คนในหมู่บ้านอยู่เสมอ นอกจากนี้ ในฤดูหนาวที่อาหารขาดแคลน ชายหนุ่มกับหญิงสาวก็มักนำอาหารหรือข้าวสารข้าวเปลือกไปโปรยเอาไว้ตามชายป่า เพื่อให้สัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งฝูงนกได้มีอาหารกิน ด้วยความดีของชายหนุ่มกับหญิงสาวนี้เอง ใครต่อใครจึงเอาใจช่วยให้หนุ่มสาวทั้งสองได้แต่งงานกันและหวังให้ทั้งคู่มีความสุขร่วมกันตลอดชั่วชีวิต
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าชายผู้เป็นโอรสของพระราชาขี่ม้าผ่านมาที่หมู่บ้าน ในขณะนั้น หญิงสาวหาบน้ำเดินกลับจากลำธารพอดี เจ้าชายขี่ม้าเร็วมาก หญิงสาวไม่ทันระวังจึงเอี้ยวตัวหลบทำให้โถใส่น้ำที่หาบมาตกแตก กระเบื้องจากโถจึงกระเด็นไปถูกตัวม้า เจ้าชายทรงโมโหโทโสแต่เมื่อพระองค์ลงจากหลังม้าแล้วเห็นว่าหญิงสาวมีหน้าตาสะสวย เจ้าชายจึงบังคับให้หญิงสาวกลับไปยังพระราชวังเพื่อลงโทษด้วยการให้หญิงสาวเป็นนางสนมของพระองค์!
ครั้นเมื่อชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์นำเรื่องไปบอกชายหนุ่ม ชายหนุ่มพร้อมกับชาวบ้านทุกคนจึงรีบเดินทางไปที่พระราชวัง แล้วร้องเรียนให้พระราชาทรงช่วยเหลือ
พระราชาผู้เป็นบิดาของเจ้าชายทรงเป็นพระราชาที่ดี เมื่อพระราชาทราบเรื่องและรู้ว่าหญิงสาวมีคนรักอยู่แล้ว พระองค์จึงเรียกให้เจ้าชายเข้าพบ แต่เนื่องจากเจ้าชายเป็นคนเกเรร้อยเล่ห์ เมื่อพระราชาสั่งให้เจ้าชายปล่อยตัวหญิงสาว เจ้าชายจึงอ้างว่า “ข้าแต่พระบิดา หม่อมฉันมิอาจปล่อยนางไปได้ เนื่องจากเจ้าชายตรัสแล้วไม่ควรคืนคำ หนำซ้ำ หญิงสาวยังทำร้ายม้าของหม่อมฉัน นางจึงควรจะต้องรับโทษ อย่างไรก็ตาม…หม่อมฉันไม่ใช่คนใจร้าย หากมีใครหาดวงดาวที่อยู่บนฟ้ามามอบให้หม่อมฉันเป็นค่าทำขวัญได้สักดวง หม่อมฉันก็จะยกโทษให้ แล้วปล่อยหญิงสาวผู้นี้ไปโดยไม่มีข้อแม้”
เมื่อเจ้าชายพูดจบ พระองค์ก็เดินออกจากท้องพระโรงไป พระราชาทรงเบื่อหน่ายนิสัยเกเรของเจ้าชายมาก ส่วนชาวบ้านก็ได้แต่แอบถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตาม แม้การหาดวงดาวมาให้เจ้าชายจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมถอดใจ เมื่อชายหนุ่มกลับไปถึงหมู่บ้าน เขาจึงตัดสินใจไปขอร้องนกทั้งหลายที่เขากับหญิงสาวเคยนำอาหารไปเลี้ยง ให้พวกมันช่วยพาเขาบินไปเก็บดาวที่อยู่บนฟ้า
ระหว่างที่นกทั้งหลายฟังคำขอร้องของชายหนุ่ม พวกมันก็รู้สึกสงสารชายหนุ่มจับใจพวกมันรู้ว่าชายหนุ่มกับหญิงสาวเป็นคนดีและรักกันจริง ๆ ด้วยเหตุนี้ นกทุกตัวจึงยินดีช่วยชายหนุ่ม ทั้งยังส่งเสียงร้องเรียกเพื่อนนกตัวอื่น ๆ จากทั่วทุกสารทิศให้มาช่วยชายหนุ่มด้วย
ครั้นเมื่อถึงเวลากลางคืน นกนับร้อยนับพันตัวก็ช่วยกันใช้กรงเล็บเกาะเข้ากับเสื้อผ้าของชายหนุ่ม แล้วกระพือปีกพาชายหนุ่มบินสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ สู่ฟากฟ้า
แต่อนิจจา! ไม่ว่าฝูงนกจะใช้ความพยายามสักเพียงใด พวกมันก็ไม่สามารถพาชายหนุ่มบินไปเก็บดวงดาวซึ่งอยู่ไกลถึงนอกโลกได้ ท้ายที่สุด ฝูงนกจึงทำได้แค่เพียงพาชายหนุ่มกลับมาส่งที่หมู่บ้านเท่านั้น
เมื่อชายหนุ่มกลับมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านที่คอยเอาใจช่วยก็เดาได้ว่าชายหนุ่มคงคว้าน้ำเหลว ชาวบ้านจึงเดินเข้าไปโอบไหล่ให้กำลังใจเขา บางคนแอบอธิษฐานให้ผลแห่งความดีที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวทำมาดลบันดาลให้พวกเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้
ในขณะที่บรรยากาศในหมู่บ้านอบอวลไปด้วยความเศร้า จู่ ๆ บนท้องฟ้าก็มีแสงสว่างวาบพุ่งตัดความมืดเป็นสายยาวมาตกไม่ไกลจากที่ชายหนุ่มกับชาวบ้านทุกคนกำลังยืนอยู่
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขามองหน้าชาวบ้านทั้งหลาย แล้วค่อย ๆ เอ่ยปากออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองว่า “ดาวตก”
เมื่อทุกคนตั้งสติได้ ทุกคนก็พากันวิ่งไปยังบริเวณที่พวกเขาเห็นลำแสงของดวงดาวที่ตกลงสู่พื้น พวกเขาช่วยกันค้นหาดาวตกอยู่สักพัก ในที่สุด พวกเขาก็พบดาวตกที่เป็นหินรูปห้าแฉกสีแดงฉานอย่างไม่คาดฝัน ชายหนุ่มกับชาวบ้านดีใจมาก พวกเขารีบนำดวงดาวที่พบไปมอบให้แก่พระราชาและเจ้าชายทันที
เมื่อพระราชาได้เห็นดวงดาวที่ชายหนุ่มนำมาถวาย พระองค์ก็ทรงเชื่อว่าดาวดวงนั้นเป็นดาวที่ตกลงมาจากฟ้าจริง ๆ
“นี่อาจเป็นความต้องการของสวรรค์ที่อยากให้คนดีได้ครองรักกัน” พระราชาทรงเอ่ย
แต่เจ้าชายกลับไม่ยอมเชื่อเหมือนกับที่พระบิดาเชื่อ พระองค์ทรงหาว่าชายหนุ่มกับชาวบ้านคงแต่งเรื่องขึ้นหลอก เพราะดวงดาวคงไม่ตกลงมาจากท้องฟ้าให้เก็บได้ง่าย ๆ เช่นนี้
พระราชาทรงรู้สึกขุ่นเคืองใจในตัวพระโอรสมาก แต่ก่อนที่พระองค์จะเอ่ยปากสั่งสอนเจ้าชาย ทุกคนในวังก็ต้องประหลาดใจ เพราะที่นอกหน้าต่างมีดาวตกลงมาจากฟ้าทีละดวง ๆ ราวกับสายฝน โดยดาวทั้งหมดพุ่งตรงไปยังหลังคาปราสาทซึ่งเป็นห้องนอนของเจ้าชายพอดี
เจ้าชายทรงอ้าปากค้างเพราะไม่เคยเห็นดาวตกมากมายเช่นนี้มาก่อน หนำซ้ำ พวกมันยังเสมือนพุ่งเป้าไปที่ห้องนอนของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว พระราชาทรงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเยือกเย็นแล้วเปรยออกมาว่า “ฟ้ามีตา…คนทำดีย่อมได้ดี ส่วนคนที่ทำชั่ว สักวันสวรรค์ก็จะลงโทษ สวรรค์คงรู้ว่าเจ้าอยากได้ดาวมาก ท่านจึงส่งดาวมาให้เจ้ายังไงล่ะ”
เมื่อเจ้าชายได้ฟังคำพูดของพระราชา ประกอบกับการเห็นดวงดาวที่ตกลงมาราวกับสวรรค์พิโรธ พระองค์จึงนึกกลัว ในที่สุด เจ้าชายก็ยอมปล่อยหญิงสาวตามสัญญา ทั้งยังตัดสินใจปรับปรุงนิสัยเสียใหม่ เพื่อไม่ให้ฟ้าดินลงโทษ
หญิงสาวดีใจมากที่เธอได้กลับมาหาชายหนุ่มผู้เป็นที่รัก ซึ่งแน่นอนว่า..ชายหนุ่มเองก็ดีใจไม่แพ้กัน
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มและหญิงสาวก็ตัดสินใจแต่งงานกัน แล้วทั้งคู่ก็อยู่ครองรักกันอย่างมีความสุขสืบมา
#นิทานนำบุญ
…………………
