Posted in นิทานก่อนนอน, นิทานสอนใจ, นิทานเด็ก

อสุรกายมอมแมม : นิทานสอนใจเกี่ยวกับความสะอาดและมิตรภาพแสนที่อบอุ่น

นานมาแล้ว ในช่วงปีแรก ๆ ที่ผมเริ่มเขียนนิทานให้นิตยสารขวัญเรือน ผมจำได้ว่า ตอนที่เขียนนิทานเรื่อง “สกปรกที่สุดในโลก” ได้สักพัก ผมก็รู้สึกเสียดายตัวละครเด็กผู้หญิงในนิทานเรื่องนั้น และแอบฝันว่าหากเป็นไปได้ จะพยายามเขียนนิทานตอนต่อของ “สกปรกที่สุดในโลก” เผื่อว่าสักวันจะนำนิทานเหล่านั้นมารวมเป็นเล่มได้แบบหนังสือเรื่อง “ปิ๊ปปี้ถุงเท้ายาว” ของประเทศสวีเดน (ผมฝันไปไกลเลย)

เมื่อเวลาผ่านมาอีกนานพอสมควร ผมจึงแต่งนิทานเรื่อง “อสุรกายมอมแมม” เป็นนิทานภาคต่อของนิทานเรื่อง “สกปรกที่สุดในโลก” แถมยังนำตัวละครจากนิทานอีกสองเรื่องมาร่วมแสดงในนิทานเรื่องนี้ด้วย

หากมีใครสงสัยว่า นิทานเรื่อง อสุรกายมอมแมม นอกจากจะให้ความเพลิดเพลินแล้ว มันมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง คำตอบก็คือ นิทานเรื่องนี้เป็นเสมือนบทเรียนเล็ก ๆ ที่ชวนให้เด็ก ๆ เห็นคุณค่าของการอาบน้ำและการดูแลความสะอาดของตนเอง ผ่านการผจญภัยที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความอบอุ่น และความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อเราเรียนรู้ที่จะรักและยอมรับกัน หวังว่าคุณผู้อ่านจะมีความสุขกับการอ่านนิทานเรื่องนี้นะครับ

มอมแมมเป็นอสูรกายที่เกิดในกองขยะ  บ้านของมอมแมมเป็นภูเขาขยะขนาดมหึมา   มอมแมมชอบบ้านกองขยะของมันมาก  มันชอบคุ้ยหาข้าวของในกองขยะแล้วนำมันมาสร้างเป็นของเล่นแปลก ๆ ใหม่ ๆ อยู่เสมอ  มอมแมมสร้างของเล่นเอาไว้มากมายเต็มไปหมด  ความฝันอันยิ่งใหญ่ของมอมแมมก็คือ มันอยากจะสร้างของเล่นเพื่อทำให้เด็ก ๆ ทุกคนมีความสุข

แม้มอมแมมจะสร้างของเล่นแสนสนุกเอาไว้สารพัดอย่าง  แต่ด้วยเนื้อตัวที่แสนสกปรกของมอมแมม  เด็ก ๆ จึงไม่ยอมเฉียดกายเข้าใกล้มอมแมมเลยแม้แต่นิดเดียว  มอมแมมทั้งเหงาทั้งเศร้า  มันอยากจะเป็นเพื่อนกับเด็ก ๆ มากจริง ๆ   แต่จนแล้วจนรอด  มอมแมมก็ไม่รู้ว่ามันควรจะทำอย่างไรดี

วันหนึ่ง  มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านกองขยะของมอมแมม   แต่เดิม…เด็กผู้หญิงคนนี้เคยได้ชื่อว่าเป็น “เด็กผู้หญิงที่สกปรกที่สุดในโลก”  (เธอสกปรกถึงขนาดที่มีกลิ่นเหม็นตุ ๆ ลอยคลุ้งออกมาจากตัวเลยทีเดียว)  แต่หลังจากที่เธอชวนแมวเหมียวเพื่อนรักที่สกปรกไม่แพ้กันไปเล่นเป่าฟองสบู่กลางสายฝน  เมื่อสายฝนรวมเข้ากับฟองสบู่  เด็กผู้หญิงที่เคยมีกลิ่นเหม็นตุ ๆ ก็กลับกลายมาเป็นเด็กผู้หญิงที่มีกลิ่นสบู่หอมสะอาดราวกับเป็นคนละคน

เมื่อเด็กผู้หญิงที่หอมกลิ่นสบู่เห็นเจ้าอสูรกายมอมแมมนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ภูเขากองขยะ เด็กหญิงใจดีจึงเอ่ยปากถามเจ้าอสูรกายว่าเกิดอะไรขึ้น? 

มอมแมมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เด็กน้อยที่มีกลิ่นสบู่หอมฟุ้งฟัง  และเมื่อเด็กหญิงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด  เธอจึงรับอาสาช่วยทำให้มอมแมมกลายเป็นอสูรกายที่หอมสะอาดเหมือนกับตัวของเธอ 

จริง ๆ แล้ว การทำให้มอมแมมหอมสะอาดคงจะไม่วุ่นวายสักเท่าไหร่…ถ้าหากมอมแมมเป็นอสูรกายตัวเล็ก ๆ เหมือนกับเด็ก ๆ   แต่ด้วยร่างกายของมอมแมมที่ใหญ่โตเกือบเท่าช้าง เด็กหญิงผู้ใจดีจึงจำเป็นต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเธอในการทำให้มอมแมมหอมสะอาด

เจ้าชายสายลมกับคุณฟันนักทำฟองเป็นคนที่เด็กหญิงขอร้องให้มาช่วยเหลือ  เด็กหญิงขอให้เจ้าชายสายลมใช้พลังบังคับให้ฝนมาตกตรงที่บ้านกองขยะของมอมแมม  จากนั้น เธอก็ขอให้คุณฟันนักทำฟองช่วยปีนขึ้นไปยืนบนยอดของภูเขาขยะ แล้วเป่าฟองสบู่ให้ล่องลอยออกมาเคล้ากับสายฝน

แน่นอน…เมื่อสายฝนรวมเข้ากับฟองสบู่ ความสะอาดเอี่ยมอ่องจึงเกิดขึ้น  แต่เพราะคุณฟันเพลินกับการทำฟองมากไปหน่อย  ดังนั้น  แทนที่มอมแมมจะกลายเป็นอสูรกายแสนสะอาดที่มีกลิ่นหอมของสบู่ลอยฟุ้งออกมาจากตัวแต่เพียงผู้เดียว  ฟองสบู่กับสายฝนยังช่วยทำให้ของเล่นและภูเขาขยะขนาดมหึมากลับกลายเป็นดินแดนที่หอมฟุ้งไปกลิ่นสบู่หอมสะอาด

หลังฝนตก  เจ้าชายสายลมใช้สายลมเป่าขนสีขาว ๆ ของมอมแมมให้ฟูนุ่มดูน่ารัก  ส่วนเด็กหญิงกับคุณฟันก็ช่วยกันจัดทรงผมและผูกโบว์ที่ขนของมอมแมมจนไม่เหลือเค้าของอสูรกายให้เด็ก ๆ กลัวอีกต่อไป  

เมื่อมอมแมมกลายเป็นอสูรกายแสนน่ารักที่มีกลิ่นหอมสะอาดลอยฟุ้งออกมาจากตัว  เด็ก ๆ ที่เคยรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้มอมแมมก็พากันเปลี่ยนใจแย่งกันเข้ามากอดมอมแมมจนมอมแมมแทบตั้งตัวไม่ติด  เด็ก ๆ มีความสุขมากที่ได้เล่นของเล่นแสนสนุกที่มอมมอมสร้างขึ้น   ส่วนมอมแมมเองก็มีความสุขที่เด็ก ๆ ชอบของเล่นของมัน

มอมแมมขอบคุณเด็กหญิงใจดี เจ้าชายสายลมและคุณฟันนักทำฟองที่ช่วยทำให้มันเป็นที่รักของเด็ก ๆ  และแล้ว เรื่องวุ่น ๆ ของมอมแมมก็จบลงอย่างมีความสุข

เด็กหญิงกับอสุรกายมอมแมมเล่นฟองสบู่กลางสายฝน พร้อมแมวดำในฉากนิทานอบอุ่นเรื่องความสะอาดและมิตรภาพ
Posted in นิทานก่อนนอน, นิทานอบอุ่นหัวใจ, นิทานเด็ก

ลูกเสือกับกระต่ายมายากล : นิทานอบอุ่นใจเกี่ยวกับมายากลและมิตรภาพ

เด็ก ๆ รู้จักมายากลไหม? เด็ก ๆ เคยดูการแสดงกลที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจบ้างหรือเปล่า? บางคนอาจจำได้ว่ามีการหยิบสิ่งของออกมาจากหมวก หรือทำให้สิ่งของหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ การแสดงกลเหล่านี้มักทำให้หัวใจของเด็ก ๆ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสนุกสนาน

แล้วถ้าพูดถึง “นิทานเกี่ยวกับมายากล” ล่ะ… มีใครเคยอ่านนิทานที่เล่าเรื่องมายากลจริง ๆ บ้าง? เรามักพบว่านิทานส่วนใหญ่พูดถึงเจ้าหญิง เจ้าชาย เวทมนตร์ หรือการผจญภัย แต่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับมายากลกลับมีน้อยมาก ทั้งที่มายากลเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ชื่นชอบและอยากรู้จักมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้เอง พี่นำบุญจึงอยากแต่งนิทานที่เกี่ยวข้องกับการแสดงมายากล ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งยากขึ้นไปอีก เมื่ออยากแต่งนิทานให้ออกมาสนุกและอบอุ่นหัวใจ แต่พี่นำบุญเชื่อว่า ไม่มีอะไรยากเกินความพยายาม และนิทานเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกเสือตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กลางป่าตามลำพัง ลูกเสือไม่มีเพื่อนเลย มันเหงามาก มันอยากมีใครสักคนเป็นเพื่อน

วันหนึ่ง ลูกเสือออกไปเดินเล่นในป่า มันบังเอิญพบกระเป๋าใส่อุปกรณ์เล่นกลและหมวกของนักมายากลตกอยู่แถว ๆ พุ่มไม้ ลูกเสือเหลียวซ้ายแลขวา…แต่มันก็หาเจ้าของไม่เจอ มันจึงนำกระเป๋าและหมวกที่พบกลับบ้านโดยตั้งใจที่จะออกตามหาเจ้าของในวันรุ่งขึ้น

คืนวันนั้น ในขณะที่ลูกเสือดูโทรทัศน์ มันนึกสนุกจึงอยากแสดงกลเลียนแบบรายการที่มันดู ลูกเสือเอาผ้าปูโต๊ะมาผูกแทนเสื้อคลุม จากนั้น มันก็ทำทีเป็นหยิบของในหมวกตามอย่างนักมายากลมืออาชีพ

ทันใดนั้นเอง มือของลูกเสือก็สัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างที่นุ่มนิ่มน่ารัก เมื่อลูกเสือหยิบของสิ่งนั้นออกมาดู สิ่งที่มันเห็นก็คือกระต่ายน้อยขนปุยที่กำลังร้องไห้ฮือ ๆ เพราะคิดถึงนักมายากลผู้เป็นเจ้าของหมวกและอุปกรณ์ทั้งหมด

ลูกเสือมองกระต่ายน้อยด้วยความสงสาร มันไม่อยากเห็นเจ้ากระต่ายน้อยร้องไห้เลย ดังนั้น มันจึงลูบเนื้อตัวของกระต่ายน้อยเบา ๆ พร้อมกับสัญญาว่ามันจะช่วยตามหานักมายากลจนสุดความสามารถ

วันรุ่งขึ้น ลูกเสือใส่หมวก หิ้วกระเป๋าและอุ้มกระต่ายน้อยออกตามหานักมายากลตั้งแต่เช้าตรู่ และหลังจากที่ลูกเสือดั้นด้นค้นหานักมายากลจนปวดขาไปหมด ในที่สุด มันก็พบนักมายากลที่มันเที่ยวตามหา

จริง ๆ แล้ว นักมายากลเจ้าของกระเป๋าอุปกรณ์และหมวกมายากลเป็นชายชราที่ตั้งใจเลิกอาชีพแสดงกลและอยากใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข แต่ตอนที่เขานำของทั้งหมดไปทิ้ง เขาดันเผลอลืมนำกระต่ายออกจากหมวกจนทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น

เมื่อนักมายากลได้พูดคุยกับลูกเสือและรู้ว่าลูกเสือผู้มีจิตใจดีอยากมีเพื่อน นักมายากลจึงคิดว่าเขาควรทำอะไรสักอย่างที่จะเป็นประโยชน์ทั้งกับลูกเสือและเจ้ากระต่ายน้อยที่เขารัก

นักมายากลคิดว่า แม้เขาจะเลี้ยงกระต่ายน้อยเอาไว้ แต่เจ้ากระต่ายก็คงจะไม่มีความสุขมากนัก เพราะมันคงไม่มีโอกาสได้ร่วมแสดงกลกับเขาอีก ดังนั้น เขาจึงเสนอตัวขอถ่ายทอดเคล็ดลับการแสดงมายากลทั้งหมดให้แก่ลูกเสือ โดยขอให้ลูกเสือพากระต่ายน้อยไปแสดงกลด้วยทุก ๆ ครั้งและห้ามทอดทิ้งกระต่ายน้อยอย่างเด็ดขาด

ลูกเสือดีใจมากที่มันจะได้แสดงมายากลโดยมีกระต่ายน้อยติดตามไปเป็นเพื่อน ส่วนเจ้ากระต่ายน้อยเองก็ดีใจที่มันจะได้แสดงกลต่อไปอีก

ลูกเสือตั้งใจฝึกฝนการแสดงมายากลจนคล่องแคล่ว หลังจากนั้น มันก็พากระต่ายน้อยตระเวนแสดงกลให้ผู้คนและสัตว์ทั้งหลายได้รับความสุขกันโดยถ้วนหน้า

เสน่ห์จากการแสดงมายากลของเพื่อนรักทั้งสองทำให้พวกมันได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน และแล้ว ลูกเสือก็ไม่เคยเหงาอีกเลย…นับจากนั้น

หมายเหตุ : ถ้าชอบนิทานเรื่องนี้ ช่วยกดดูแบนเนอร์โฆษณาสักนิด เว็บจะได้มีรายได้ครับ ขอบคุณครับ

นักมายากลแสดงกลหยิบกระต่ายออกจากหมวกให้ลูกเสือดูในห้องสมุดแสนอบอุ่น


Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

ชายหนุ่มกับเจ้าหุ่นตัวน้อย

นิทานก่อนนอนเรื่อง “ชายหนุ่มกับเจ้าหุ่นตัวน้อย” เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งในช่วงที่กำลังจะต้องทำรายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก ชื่อ “กล่องนักคิด” ทางช่องไทยพีบีเอส

ในตอนนั้น ผมทำหน้าที่เป็นครีเอทีฟ (ผู้คิดรายการ) คนเขียนบท และพิธีกรของรายการ ช่วงที่คิดรูปแบบรายการ ผมนำหุ่นไม้ที่เคยทำไว้สมัยไปเรียนที่ประเทศสวีเดน มานำเสนอให้รุ่นพี่เจ้าของรายการพิจารณาว่า หุ่นรูปร่างคล้ายตัวต่อแปลนทอยหรือเลโก้แบบนี้ เหมาะที่จะนำมาทำเป็นหุ่นแมสคอต ( mascot) ประจำรายการหรือไม่ เมื่อรุ่นพี่เจ้าของรายการตกลง ผมจึงส่งรูปหุ่นที่เคยทำไว้ให้ทีมงานนำไปออกแบบเป็นหุ่นแมสคอต ส่วนตัวผมก็นำหุ่นไม้ที่ตัวเองทำไว้มาแต่งเป็นนิทานและลงรูปหุ่นไม้ไว้ในนิตยสารขวัญเรือน เพื่อยืนยันว่าผมเป็นคนออกแบบหุ่นรูปร่างแปลก ๆ ตัวนี้ด้วยตนเอง

แม้นิทานเรื่อง ชายหนุ่มกับเจ้าหุ่นตัวน้อย จะมีที่มาแปลก ๆ อยู่สักหน่อย แต่ผมเชื่อว่า เรื่องราวของนิทานเรื่องนี้น่าจะถูกใจผู้อ่านบางคนแน่ ๆ โดยเฉพาะคนที่รักหุ่นเหมือนกับผม ขอให้มีความสุขในการอ่านนิทานนะครับ

นิทานเรื่อง ชายหนุ่มกับเจ้าหุ่นตัวน้อย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว   มีชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนที่รักเด็กมาก  ความฝันสูงสุดในชีวิตของเขาคือการได้เห็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ   ด้วยเหตุนี้  เขาจึงตัดสินใจออกเดินทางไปรอบโลก เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับของเล่น, ขนม, เกมและสิ่งต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ ชอบ โดยหวังจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เด็ก ๆ ในประเทศของเขามีความสุข

ชายหนุ่มรอนแรมไปยังทุกถิ่นที่ ทั้งในเขตเมือง, ป่าเขา, ทะเลทราย รวมทั้งดินแดนที่ยากแก่การเข้าถึง  ซึ่งตลอดการเดินทาง เขาได้จดเรื่องราวที่ผู้คนบอกเล่าให้ฟังเอาไว้มากมาย  หนำซ้ำ เขายังถ่ายรูปขนมต่าง ๆ ,การละเล่น และซื้อหาของเล่น เก็บใส่ถุงแล้วแบกเดินทางไปด้วย จนถุงใส่ของเล่นของเขาค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นและหนักขึ้นถึงขนาดที่ทำให้เขาก้าวเท้าเดินทางต่อไปแทบไม่ไหว 

วันหนึ่ง ในขณะที่ชายหนุ่มเดินแบกถุงใส่ของเล่นและข้าวของต่าง ๆ ผ่านกระโจมที่พักของชนเผ่าเร่ร่อนทางตอนเหนือของโลกอันหนาวเหน็บ   ชายหนุ่มได้พบเด็กน้อยสามพี่น้องนั่งผิงไฟรอพ่อแม่กลับจากหาอาหารอยู่ที่หน้ากระโจมที่พัก  เด็กทั้งสามท้องร้องจ๊อก ๆ ด้วยความหิว  ชายหนุ่มสงสารเด็ก ๆ มาก เขาจึงมอบขนมปังทั้งหมดที่เตรียมไว้เป็นเสบียงให้แก่เด็ก ๆ แล้วรีบเดินฝ่าหิมะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่พักก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินและก่อนที่เขาจะหิวจนไม่มีแรงเดินต่อ

ในขณะที่ชายหนุ่มเดินทางมาได้สักพัก  เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนวิ่งตามมา  เมื่อชายหนุ่มหันกลับไปดู  เขาก็พบว่าเด็กน้อยสามพี่น้องพากันวิ่งตรงมาหาเขา  เมื่อเด็ก ๆ วิ่งมาถึงที่ ๆ เขายืนอยู่  เด็ก ๆ ก็นำหุ่นตัวเล็ก ๆ ที่พวกเขาทำขึ้นมามอบให้แก่ชายหนุ่มแทนคำขอบคุณ หุ่นตัวน้อยของเด็ก ๆ มีหัว, ตัวและมือเป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนลูกเต๋า มีจมูกยาวทรงกระบอก, มีตากลม ๆ อยู่ข้างจมูกดูบ้องแบ๊ว  แม้หุ่นตัวน้อยจะไม่มีปาก  แต่มันก็ดูน่ารักมากและทำให้ชายหนุ่มชื่นใจที่ได้เห็น

เมื่อชายหนุ่มอำลาจากเด็ก ๆ  แล้วเข้าพักในโรงแรม  ชายหนุ่มพบว่า ตอนนี้เขาเหลือเงินในการเดินทางเพียงแค่น้อยนิด  ที่สำคัญคือ เขามีเงินไม่พอที่จะเดินทางกลับไปยังประเทศของเขา

คืนวันนั้น  ชายหนุ่มเครียดมาก เขาไม่รู้ว่าจะหาเงินเป็นค่าเดินทางกลับบ้านได้อย่างไร ชายหนุ่มกังวลจนนอนหลับฝันร้าย  แต่ในขณะที่ชายหนุ่มนอนหลับอยู่นั้น  เจ้าหุ่นตัวน้อยที่เด็ก ๆ มอบให้เป็นของขวัญก็ค่อย ๆ กระดุกกระดิกตัว  แล้วกระโดดออกมาจากถุงใส่ของเล่นเพื่อทำสิ่งที่ชายหนุ่มผู้มีจิตใจดีงามคาดไม่ถึง

สิ่งที่เจ้าหุ่นตัวน้อยทำก็คือการดัดแปลงกระเป๋าเดินทางของชายหนุ่มให้กลายเป็นโรงละครหุ่นขนาดเล็ก แล้วนำถุงเท้ากับผ้าพันคอของชายหนุ่มมาทำเป็นหุ่นในรูปแบบต่าง ๆ  เพื่อให้ชายหนุ่มใช้เร่แสดงหารายได้เป็นทุนเดินทางกลับไปยังประเทศของเขา

เมื่อชายหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนเช้า  เขาแปลกใจมากที่เห็นโรงละครหุ่นกับตัวหุ่นมากมายตั้งอยู่บนพื้นห้อง  แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจมากกว่านั้นก็คือ การที่เขาได้เห็นเจ้าหุ่นตัวน้อยกล่าวทักทายเขา พร้อมกับแนะนำตัวว่ามันชื่อ “บ๊อกซ์บ๊อกซ์” เป็นหุ่นที่ชาวเผ่าเร่ร่อนเนรมิตขึ้นเพื่อให้มาเป็นผู้ช่วยของคนที่มีจิตใจดีงาม 

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชายหนุ่มหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง  เมื่อเจ้าหุ่นชวนเขาไปแสดงละครหุ่นเพื่อหาเงินกลับบ้าน  ชายหนุ่มก็ทำตามอย่างงง ๆ  เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นดูเหลือเชื่อเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดได้เฉพาะในความฝัน

เมื่อชายหนุ่มเปิดการแสดงละครหุ่นที่ริมถนน  แม้ชายหนุ่มจะเชิดหุ่นที่ทำจากถุงเท้าและผ้าพันคอได้ไม่เก่งนัก  แต่เจ้าบ๊อกซ์บ๊อกซ์ก็ช่วยเข้าไปร่วมแสดงด้วย (โดยไม่มีคนเชิด) ซึ่งทำให้คนดูเพลิดเพลินและรู้สึกว่าการแสดงมีชีวิตชีวายิ่งกว่าการแสดงของมืออาชีพ  เย็นวันนั้น ชายหนุ่มจึงได้เงินจากการแสดงมากมายอย่างที่เขาคาดไม่ถึง   นอกจากนี้ ชายหนุ่มยังได้รับการติดต่อจากนักธุรกิจให้ร่วมทุนจัดการแสดงเก็บเงินไปทั่วประเทศ

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนชายหนุ่มแทบจะตั้งตัวไม่ทัน  แต่เมื่อเขาตั้งสติได้ เขาก็ตัดสินใจปฏิเสธคำเชิญของนักธุรกิจคนนั้น  โดยเลือกที่จะเก็บข้าวของ รวมทั้งหุ่นน้อยบ๊อกซ์บ๊อกซ์  แล้วออกเดินทางกลับมายังประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของเขาทันที

เมื่อเดินทางมาถึงประเทศของเขา  ชายหนุ่มก็ปรึกษากับบ๊อกซ์บ๊อกซ์ว่าเขาอยากทำรายการโทรทัศน์สนุก ๆ ให้เด็ก ๆ ในประเทศของเขาได้ดูอย่างมีความสุข  บ๊อกซ์บ๊อกซ์เห็นด้วย  ทั้งคู่จึงหารือกันแล้วลงมือทำรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กไปเสนอให้สถานีโทรทัศน์พิจารณา

ไม่นานนัก  ชายหนุ่มก็ได้ทำรายการโทรทัศน์สร้างความสุขให้เด็ก ๆ สมดังที่เขาปรารถนา โดยมีเจ้าหุ่นน้อยบ๊อกซ์บ๊อกซ์คอยช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่  

ในที่สุด ความฝันของชายหนุ่มผู้รักเด็กก็เป็นจริง  เขาได้เห็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ มากมาย และได้รับจดหมายจากเด็ก ๆ ที่เฝ้าดูรายการของเขาอย่างมีความสุข….จากทั่วทุกสารทิศ 

#นิทานนำบุญ

……………………