Posted in นิทานก่อนนอน, นิทานความรัก, นิทานเจ้าชายเจ้าหญิง

เจ้าชายหมีถัก – นิทานแฟนตาซีความรักอบอุ่น ซาบซึ้งใจสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

นิทานความรักคือหนึ่งในรูปแบบนิทานที่งดงามและเป็นอมตะที่สุดในโลกวรรณกรรม จาก “เจ้าชายกบ” ถึง “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” นิทานความรักได้ถ่ายทอดคุณค่าของความเสียสละ ความกล้าหาญ และความรักแท้ที่ไม่ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอก นิทานเหล่านี้ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ แต่ยังปลอบโยนหัวใจของผู้ใหญ่ที่เคยผ่านความรักและการสูญเสียมาแล้ว นิทานความรักจึงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างวัย และเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการปลูกฝังความเมตตาและความเข้าใจในมนุษย์

แต่การแต่งนิทานความรักเรื่องใหม่ให้มีคุณค่าเทียบเท่านิทานอมตะนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้แต่งต้องสร้างเรื่องราวที่ทั้งสนุก ชวนติดตาม และซาบซึ้งใจ โดยไม่ซ้ำกับนิทานคลาสสิกที่ผู้คนคุ้นเคย การออกแบบตัวละครต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเนื้อเรื่องต้องมีจังหวะที่พาให้ผู้อ่านอยากรู้ว่า “ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น” โดยเฉพาะเมื่อต้องแต่งนิทานที่เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ความสมดุลระหว่างความเรียบง่ายกับความลึกซึ้งคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับนักเล่าเรื่อง

นิทานเรื่อง “เจ้าชายหมีถัก” คือหนึ่งในนิทานความรักร่วมสมัยที่กล้าฉีกกรอบเดิมอย่างน่าทึ่ง ตัวเอกฝ่ายชายไม่ใช่เจ้าชายรูปงาม แต่เป็นตุ๊กตาหมีที่ถักจากไหมพรม ส่วนเจ้าหญิงก็ไม่ใช่หญิงสาวเรียบร้อยอ่อนหวานตามแบบฉบับนิทานคลาสสิก แต่เป็นเจ้าหญิงผู้ชาญฉลาดที่กล้าทดสอบหัวใจของผู้ชายทุกคน เรื่องราวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น การเสียสละ และความรักที่งดงามเหนือรูปลักษณ์ภายนอก ตอนจบของนิทานนี้ชวนให้ประทับใจอย่างลึกซึ้ง และองค์ประกอบทั้งหมดนี้ทำให้นิทานเรื่อง “เจ้าชายหมีถัก” กลายเป็นนิทานแฟนตาซีอบอุ่นที่เหมาะสำหรับทุกวัย และควรค่าแก่การจดจำ

นานมาแล้ว มีเจ้าหญิงผู้ชาญฉลาดองค์หนึ่ง ทรงวางแผนเพื่อค้นหาเจ้าชายที่รักพระองค์ยิ่งชีวิตมาเป็นคู่ครอง เจ้าหญิงขอร้องให้พระบิดาเชื้อเชิญเจ้าชายผู้กล้าหาญเข้าร่วมในพิธีเลือกคู่ของพระองค์ และในขณะเดียวกัน เจ้าหญิงก็ทรงขอร้องให้พ่อมดหลวงกับเทพธิดาตัวจิ๋ว ร่วมมือกับพระองค์ในการเฟ้นหาเจ้าชายผู้มีจิตใจมั่นในรัก

เจ้าชายหมีถักแห่งอาณาจักรไหมพรมเป็นเจ้าชายอีกองค์หนึ่งที่ตัดสินใจเข้าร่วมในพิธีเลือกคู่ จริง ๆ แล้ว เจ้าชายหมีถักไม่เคยคิดที่จะเข้าร่วมในพิธีเลือกคู่ใดใดมาก่อนเลย ( เพราะเจ้าชายหมีถักทรงคิดอยู่ตลอดเวลาว่า คงไม่มีเจ้าหญิงองค์ใดอยากแต่งงานกับเจ้าชายที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนตุ๊กตาหมีอย่างพระองค์เป็นแน่) แต่ด้วยความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่ดลใจเจ้าชายจนมิอาจอยู่เฉยได้ เจ้าชายจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นขี่ม้าแกลบคู่ชีพ แล้วควบม้าตรงไปยังงานเลือกคู่ของเจ้าหญิง…ทันในวินาทีสุดท้ายก่อนที่พิธีจะเริ่มขึ้น

ทันทีที่เจ้าหญิงปรากฏกายให้เจ้าชายทุก ๆ องค์ได้ยลโฉม เจ้าชายต่างก็ถึงกับตกตะลึงในความงามของเจ้าหญิงจนเกือบจะลืมหายใจไปตาม ๆ กัน เจ้าชายหมีถักเองก็ไม่แตกต่างไปจากเจ้าชายองค์อื่น ๆ พระองค์ทรงรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หัวใจของเจ้าชายหมีถักเต้นตูมตามอยู่ภายในร่างไหมพรมที่แสนอ่อนนุ่ม เจ้าชายหมีถักทรงบอกกับตัวเองว่า พระองค์ทรงตกหลุมรักเจ้าหญิงองค์นี้เข้าให้เสียแล้ว

เจ้าหญิงผู้ชาญฉลาดทรงกล่าวทักทายเจ้าชายทุก ๆ พระองค์ที่ให้เกียรติมาร่วมในพิธีเลือกคู่ จากนั้น เจ้าหญิงก็ประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า เจ้าชายที่พระองค์ต้องการจะเลือกเป็นคู่ครองนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเก่งกาจฉลาดเฉลียวหรือมีบุคลิกที่สง่างามแต่อย่างใด พระองค์ทรงปรารถนาที่จะแต่งงานกับเจ้าชายธรรมดา ๆ ที่รักพระองค์อย่างสุดหัวใจ…ก็เพียงเท่านั้น

ไม่ทันที่เจ้าชายแต่ละพระองค์จะมีโอกาสพรรณนาถึงความรักที่ตนเองมีต่อเจ้าหญิง จู่ ๆ พ่อมดหลวงซึ่งแปลงร่างเป็นมังกรยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้น และจัดการคาบเจ้าหญิงบินตรงไปยังหุบเหวมังกร แล้วปล่อยเจ้าหญิงให้ร่วงลงไปในเหวลึกตามแผนที่เจ้าหญิงทรงวางเอาไว้

เจ้าชายหมีถักทรงตกใจมากจึงรีบกระโดดขึ้นขี่ม้า แล้วตามไปช่วยเจ้าหญิงเป็นคนแรก แต่ด้วยความที่พระองค์ตัวเล็กกว่าเจ้าชายองค์อื่น ๆ ดังนั้น กว่าที่เจ้าชายหมีถักจะเดินทางไปถึงหุบเหวมังกร เจ้าชายองค์อื่น ๆ ก็สามารถไล่มังกรยักษ์ซึ่งเฝ้าปากเหวให้บินหนีไปได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ไม่มีเจ้าชายองค์ใดรู้เลยว่า ที่ด้านล่างของหุบเหวมังกร มีเทพธิดาตัวจิ๋วแอบเตรียมฟูกหนา ๆ เอาไว้รองรับตัวของเจ้าหญิงตามแผนที่เจ้าหญิงได้เตรียมการเอาไว้ เมื่อเจ้าหญิงรู้ว่ามีเจ้าชายติดตามมาช่วยพระองค์เป็น    จำนวนมาก เจ้าหญิงจึงดำเนินการตามแผนขั้นสุดท้ายเพื่อวัดใจเจ้าชายผู้มีรักแท้

เจ้าหญิงทรงแกล้งร้องไห้โอดครวญให้เจ้าชายที่อยู่บนปากเหวลงมาช่วยพระองค์โดยเร็วที่สุด แน่นอน…เจ้าชายทั้งหลายทรงอยากช่วยเจ้าหญิงด้วยกันทั้งนั้น แต่เมื่อเจ้าชายทั้งหลายก้มลงไปมองในเหวลึกที่มืดมิดราวกับว่ามันเป็นหุบเหวไร้ก้น เจ้าชายแต่ละองค์ต่างก็จนใจและไม่มีใครคิดที่จะเสี่ยงปีนลงไปเพื่อช่วยเจ้าหญิงเลยแม้แต่คนเดียว

ในขณะที่เจ้าชายทั้งหลายยอมพ่ายแพ้ เจ้าชายหมีถักกลับตัดสินใจปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่ยื่นกิ่งอยู่เหนือกึ่งกลางของปากเหว จากนั้น พระองค์ก็ใช้มือซ้ายกำกิ่งไม้ไว้แน่น พลางใช้มือขวาแก้ปมไหมที่ส่วนเท้าของตนเอง แล้วค่อย ๆ ปลดเส้นไหมพรมจากร่างของพระองค์ เพื่อหย่อนลงไปช่วยเจ้าหญิงที่พระองค์ทรงรักยิ่งชีวิต

เจ้าหญิงไม่รู้เลยว่า เส้นไหมพรมที่พระองค์ทรงใช้ไต่ขึ้นมาที่ปากเหวคือชีวิตของเจ้าชายผู้มีหัวใจเปี่ยมด้วยรัก

ทันทีที่เจ้าหญิงโผล่ขึ้นมายังพื้นดิน สิ่งที่เจ้าหญิงเห็นก็คือภาพของมือไหมพรมน้อย ๆ ที่เกาะกิ่งไม้เอาไว้แน่น…อย่างไม่มีวันปล่อย

เจ้าหญิงทรงร้องไห้และกอดเส้นไหมพรมเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยความเสียใจอย่างที่สุด พระองค์ทรงเชื่อแล้วว่าเจ้าชายองค์นี้รักพระองค์ด้วยความจริงใจ แต่เจ้าหญิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า แผนการของพระองค์จะทำให้เกิดเรื่องที่เลวร้ายได้ถึงเพียงนี้ เจ้าหญิงเสียใจมากและคิดที่จะไม่ยอมให้อภัยตัวเองไปตลอดชั่วชีวิต

เรื่องราวทั้งหมดเกือบจะจบลงด้วยความโศกเศร้า แต่โชคยังดี…เพราะเมื่อน้ำตาของเจ้าหญิงสัมผัสกับเส้นไหมพรมสีน้ำตาลของเจ้าชายหมีถัก ปาฏิหาริย์แห่งความรักที่ไม่มีใครคาดฝันก็เกิดขึ้น! เส้นไหมพรมทั้งหมดค่อย ๆ รวมตัวกันอีกครั้ง โดยมีแสงสว่างวูบวาบตลอดเวลาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ และหลังจากที่เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว เจ้าชายหมีถักก็กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา แต่คราวนี้ พระองค์ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมอีกแล้ว เจ้าชายหมีถักกลายสภาพเป็นเจ้าชายรูปงามด้วยอานุภาพแห่งความรักที่แท้จริง

เจ้าหญิงทรงกล่าวคำขอโทษเจ้าชายด้วยความรู้สึกผิดที่ติดค้างอยู่ในใจ แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าชายกลับไม่คิดติดใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เจ้าชายทรงให้อภัยเจ้าหญิงทุก ๆ อย่าง และหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหญิงและเจ้าชายก็ได้แต่งงานอย่างมีความสุข

หมายเหตุ : ถ้าชอบนิทานเรื่องนี้ ช่วยกดแบนเนอร์โฆษณาต่าง ๆ ที่ขึ้นมาให้เห็น เพื่อทำให้เว็บไซต์นิทานนำบุญมีรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

Posted in นิทานคลาสสิก, นิทานความรัก, นิทานนานาชาติ

นิทานอบอุ่นหัวใจ : เจ้าหญิงนิทราและคำสัญญาแห่งรัก : นิทานที่ถูกลืม

นิทานเรื่อง เจ้าหญิงนิทรา เป็นหนึ่งในเทพนิยายคลาสสิกที่ถูกเล่าขานและดัดแปลงซ้ำแล้วซ้ำเล่ามานานหลายศตวรรษ โดยเวอร์ชันที่คนส่วนใหญ่รู้จักมักมาจากปลายปากกาของ Charles Perrault (ฝรั่งเศส, ค.ศ. 1697) และ Brothers Grimm (เยอรมนี, ค.ศ. 1812) ซึ่งทั้งสองได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้เหมาะกับเด็กและสังคมในยุคนั้น โดยตัดทอนฉากที่อาจขัดแย้งกับจริยธรรมร่วมสมัย เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายกับเจ้าหญิงในขณะหลับใหล

แต่ก่อนหน้านั้นหลายร้อยปี นิทานเรื่องนี้เคยปรากฏในรูปแบบที่แตกต่างออกไปในหนังสือชื่อ Perceforest ซึ่งเป็นวรรณกรรมแฟนตาซีขนาดใหญ่จากฝรั่งเศส เขียนขึ้นราวปี ค.ศ. 1330–1344 โดยนักเขียนนิรนามในยุคกลาง Perceforest ไม่ใช่ชื่อของนิทาน แต่เป็นชื่อของหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับอัศวิน ความรัก และเวทมนตร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงตำนานของกษัตริย์อาเธอร์กับประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส

หนึ่งในเรื่องราวที่โดดเด่นใน Perceforest คือเรื่องของ เจ้าหญิง Zellandine และ เจ้าชาย Troylus ซึ่งสะท้อนแนวคิดเรื่องโชคชะตา ความรักที่มั่นคง และคำมั่นสัญญาในบริบทของยุคกลาง โดยเจ้าหญิงตกอยู่ในห้วงนิทราเพราะเสี้ยนป่าน และฟื้นขึ้นมาเมื่อบุตรของเธอดูดนิ้วและดึงเสี้ยนออกโดยบังเอิญ

แม้เรื่องราวจะมีความงดงามในเชิงสัญลักษณ์ แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ขณะหลับ ซึ่งนำไปสู่การปรับเปลี่ยนเนื้อหาโดยนักแต่งนิทานรุ่นหลังอย่าง Perrault และ Grimm เพื่อให้สอดคล้องกับค่านิยมทางศีลธรรมและการเลี้ยงดูเด็กในยุคของตน

นิทานเรื่อง เจ้าหญิงนิทรากับคำสัญญาแห่งรัก ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ นิทานนำบุญ เป็นการเรียบเรียงใหม่ ที่เลือกจะกลับไปสำรวจความงามในต้นฉบับของ Perceforest ด้วยความเคารพและความเข้าใจในบริบทดั้งเดิม

ผู้เรียบเรียงไม่ได้มองความสัมพันธ์ในห้วงนิทราอย่างผิวเผิน แต่เห็นว่าเจ้าหญิงและเจ้าชายมีความรักและคำมั่นสัญญาต่อกันก่อนที่เจ้าหญิงจะหลับใหล การมีลูกจึงเป็นผลแห่งรักแท้ ไม่ใช่การละเมิด หากเป็นการรักษาสัญญาอย่างบริสุทธิ์ในรูปแบบที่สะท้อนความรักเหนือกาลเวลา

นิทานฉบับนี้จึงเป็นการตีความใหม่ที่เน้นความอ่อนโยน ความซื่อสัตย์ และการดูแลกันแม้ในยามที่อีกฝ่ายไม่อาจตอบสนองได้ เป็นการยืนยันว่า “คำมั่นสัญญา” นั้นมีพลังมากกว่าคำพูด—มันคือการกระทำที่ต่อเนื่องและมั่นคง

หากคุณกำลังมองหานิทานที่ไม่เพียงแต่เล่าเรื่อง แต่ยังเปิดพื้นที่ให้หัวใจได้ไตร่ตรอง เจ้าหญิงนิทรากับคำสัญญาแห่งรัก คือบทกวีแห่งความรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน และเป็นการฟื้นคืนความงามของวรรณกรรมยุคกลางในรูปแบบที่ร่วมสมัยและเปี่ยมด้วยความเมตตา

นานมาแล้ว ในแผ่นดินที่ห้อมล้อมด้วยป่าใหญ่และท้องทะเล มีเจ้าหญิงนามว่า เซลลันดีน ผู้เปี่ยมด้วยความงดงามทั้งรูปกายและจิตใจ เธออ่อนโยน ชาญฉลาด และเต็มไปด้วยความเมตตา ราวกับเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในยามรัตติกาล

เจ้าหญิงมีคู่หมั้นคือ เจ้าชายทรอยลัส ผู้กล้าหาญจากแดนทรอย ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ต่อคำพูดและมีหัวใจที่มั่นคงราวหินผา ทั้งสองพบกันในยามสงบของบ้านเมือง และสัญญาต่อกันว่าจะร่วมสร้างครอบครัวอันเปี่ยมสุข ครองรักด้วยความเท่าเทียมและซื่อสัตย์ต่อกันจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ

ทุกค่ำคืน เจ้าหญิงจะนั่งในสวนดอกไม้ใต้แสงจันทร์ และเจ้าชายจะมาร่วมสนทนา ทั้งสองกล่าวถึงความฝันอันเรียบง่าย คือการมีบ้านที่อบอุ่น มีบุตรชายหรือบุตรสาวที่วิ่งเล่นรอบห้องโถง และมีชีวิตที่มีเพียง “เรา” ไม่ว่าเวลาจะหมุนไปนานเพียงใด

แต่โชคชะตามักเล่นกล วันหนึ่ง เจ้าหญิงเซลลันดีนถูกเสี้ยนเวทมนตร์ตำ ทำให้เธอตกอยู่ในห้วงนิทราอันยาวนาน ไม่มีใครสามารถปลุกเธอให้ตื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตา คำวิงวอน หรือเพลงดนตรีจากขลุ่ยและพิณที่บรรเลงข้างพระแท่น

ข่าวแพร่ไปถึงแดนทรอย เมื่อเจ้าชายทรอยลัสได้ยิน เขารีบเดินทางฝ่าภูผาและท้องสมุทรเพื่อมาหาเจ้าหญิง เมื่อได้เห็นคนรักของตนเอนกายหลับนิ่งราวกับรูปสลักหินอ่อน ดวงตาของเจ้าชายพรั่งพรูด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด

“โอ เซลลันดีนที่รัก… เหตุใดชะตาจึงโหดร้ายกับเราเช่นนี้ แต่ถึงเจ้าจะหลับใหล ข้าก็จะรักเจ้ามิเปลี่ยนแปร” เจ้าชายกล่าวพร้อมกุมมืออันเย็นชืดของเจ้าหญิง น้ำตาไหลหยดลงบนปลายนิ้วเธออย่างไม่รู้จบ

ด้วยหัวใจที่ไม่เคยสั่นคลอน เจ้าชายจึงทำตามคำมั่นสัญญา เขาจัดพิธีแต่งงาน แม้เจ้าหญิงจะยังคงหลับใหลอยู่บนพระแท่น แต่เขาก็ประกาศต่อฟ้าและแผ่นดินว่า “นับแต่นี้ไป เจ้าหญิงเซลลันดีนคือภรรยาของข้า ผู้เดียวตลอดกาล”

วันคืนล่วงผ่านไป เจ้าชายใช้ชีวิตในฐานะสามีผู้ซื่อสัตย์ เขาดูแลเจ้าหญิงด้วยความอ่อนโยน สวมช่อดอกไม้ไว้ข้างหมอนของเธอทุกเช้า ขับกล่อมด้วยเสียงพิณในยามค่ำคืน และเล่านิทานให้เธอฟังเสมอ แม้จะไม่ได้ยินคำตอบกลับ เขาก็ยังยิ้มให้อย่างมั่นคง

ราชสำนักต่างพากันประหลาดใจว่า ทำไมชายหนุ่มผู้สง่างามนี้จึงยึดมั่นอยู่กับหญิงสาวที่ไม่อาจตื่นขึ้นมา แต่สำหรับเจ้าชายแล้ว คำตอบนั้นง่ายดาย… เพราะเธอคือคำมั่นสัญญาแห่งชีวิต และเขาเลือกที่จะรักโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

กาลเวลาหมุนเวียน ฤดูหนาวแปรเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ผลิ และในความเงียบงันนั้น สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เจ้าหญิงเซลลันดีนเริ่มมีชีวิตใหม่ก่อกำเนิดภายในร่างกายของเธอ แม้เธอจะยังคงหลับใหล แต่สายใยรักได้ผลิบานเป็นดั่งดวงดาวดวงน้อย

วันหนึ่ง เจ้าหญิงให้กำเนิดทารกน้อย ดวงตาสุกใสราวท้องฟ้ายามรุ่ง เด็กน้อยถูกวางไว้ในอ้อมแขนของแม่ผู้ยังคงหลับไหล แต่กลับอบอุ่นดุจเปลแก้ว เจ้าชายทอดมองภาพนั้นด้วยน้ำตาไหลพราก ลูกคือสัญลักษณ์แห่งรักแท้ของเขาและเจ้าหญิง

วันเวลาผ่านไป ทารกเติบโตขึ้นในอ้อมกอดของบิดา และบางครั้งในยามหิว เขาจะซุกใบหน้าเล็ก ๆ ลงที่มือของแม่ พลันวันหนึ่ง เด็กน้อยได้ดูดนิ้วของเธอด้วยความไร้เดียงสา เสี้ยนที่ตำอยู่ในเล็บตรงปลายนิ้วหลุดออกโดยบังเอิญ

ราวกับเสียงระฆังจากสวรรค์ เจ้าหญิงกระพริบตาช้า ๆ แสงแห่งชีวิตกลับมาสู่ดวงตาคู่สวย เจ้าชายที่เฝ้ารอมาเนิ่นนานถึงกับทรุดตัวลงร้องไห้ด้วยความปิติ “เซลลันดีน… ที่รัก เจ้าฟื้นแล้ว”

เจ้าหญิงลืมตาขึ้นพบลูกน้อยในอ้อมแขน เธอปล่อยน้ำตาแห่งความสุขไหลริน พลางเอ่ยเสียงสั่นว่า “เจ้าชายที่รัก… ข้ารู้สึกถึงเจ้า แม้ในห้วงนิทราอันยาวนาน ข้ารู้ว่าเจ้ามิได้ทอดทิ้ง ขอบคุณที่รักษาคำสัญญา”

เจ้าชายกุมมือของเธอแน่น “ข้าสัญญากับเจ้าในวันที่เราเคยฝัน… ว่าจะรักและสร้างครอบครัวไปกับเจ้า วันนี้สวรรค์ได้โปรดให้คำมั่นนั้นเป็นจริงแล้ว”

ราชสำนักทั้งเมืองร่วมกันเฉลิมฉลองการฟื้นคืนของเจ้าหญิง ทุกผู้คนต่างเห็นว่า ความรักที่มั่นคงและซื่อสัตย์นั้นยิ่งใหญ่กว่าคำสาปหรือเวทมนตร์ใด ๆ ลูกน้อยถูกขนานนามว่า “ดาวแห่งคำมั่น” เพราะเป็นเครื่องหมายแห่งรักแท้ที่ไม่เสื่อมคลาย

และนับแต่นั้นมา เจ้าหญิงเซลลันดีน เจ้าชายทรอยลัส และลูกน้อยของพวกเขา ได้ครองชีวิตร่วมกันอย่างอบอุ่น สมดังความฝันที่เคยสัญญาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มว่า ความรักแท้จะไม่สยบต่อโชคชะตา หากจะส่องสว่างเป็นนิรันดร์

Posted in นิทานความรัก, นิทานสำหรับเด็กและผู้ใหญ่, เพลงเล่านิทาน

เพลงเล่านิทาน “เจ้าบ่าวของหนูสาว” | นิทานฟังเพลินจากเรื่องรักแท้ที่อบอุ่นหัวใจ

เพลงเล่านิทานเรื่อง “เจ้าบ่าวของหนูสาว” เป็นบทเพลงที่ผมแต่งขึ้นจากนิทานพื้นบ้านเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในหลายประเทศทั่วเอเชีย โดยเฉพาะในจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม นิทานเรื่องนี้มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า The Mouse Bride หรือ The Most Powerful Husband และในภาษาจีนว่า 老鼠嫁女 ซึ่งแปลว่า “หนูแต่งลูกสาว”

นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนูที่ออกเดินทางตามหาเจ้าบ่าวที่ “ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” (ผมใช้คำว่าแข็งแกร่งที่สุด) ให้กับลูกสาวแสนสวย นิทานเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังมันสะท้อนถึงการแสวงหาคุณค่าที่แท้จริงของความรัก ที่ไม่ได้ขึ้นกับความแข็งแกร่งหรือยิ่งใหญ่ แต่อยู่ที่จิตใจ ความห่วงใย และความผูกพันที่มีให้กัน

ในการแต่งเพลง ๆ นี้ ผมใช้เวลาค่อนข้างมาก ตั้งแต่การแต่งเนื้อเพลง จนถึงขั้นตอนการปรับท่วงทำนอง (ปรับเปลี่ยนเยอะมาก) เพื่อให้ได้เพลงเล่านิทานในเวอร์ชันที่ชวนฟังที่สุด ตอนที่ฟังเพลงนี้ ผมเผลอขยับตัวตามจังหวะโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อย ๆ ผมจึงหวังว่าเพลงนี้จะทำให้ผู้ฟังทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีความสุขได้ไม่ยาก ลองฟังเพลงเล่านิทาน “เจ้าบ่าวของหนูสาว” ไปด้วยกันนะครับ

เมื่อฟังเพลงนี้ไปแล้ว หากใครจำเนื้อเรื่องไม่ได้ ผมเรียบเรียงเนื้อเรื่องแบบย่อไว้ให้ทบทวนความทรงจำด้วยครับ

กาลครั้งหนึ่ง มีหนูสาวหน้าตาน่ารักที่สุดในโลก เมื่อถึงวัยแต่งงาน พ่อแม่ของเธออยากหาคู่ครองที่เก่งกาจที่สุดให้ลูกสาว จึงมองข้ามหนูหนุ่มผู้แสนดีที่เธอรัก แล้วออกตามหาเจ้าบ่าวที่คู่ควร

พวกเขาไปหาพระอาทิตย์ แต่พระอาทิตย์บอกว่าเมฆเก่งกว่า เพราะบดบังแสงของเขาได้ เมฆก็ชี้ไปที่สายลม เพราะลมพัดเขาให้ปลิวไปได้ สายลมเองก็ยกย่องกำแพง เพราะแม้ลมจะพัดแรงเพียงใด กำแพงก็ไม่สะเทือน

แต่เมื่อไปหากำแพง กำแพงกลับชี้ไปยังผู้ที่สามารถเจาะตัวเขาได้ นั่นคือหนูหนุ่มผู้รักหนูสาวนั่นเอง!

หนูหนุ่มเคยเจาะกำแพงเพื่อสร้างบ้านใกล้หนูสาว พ่อแม่ของเธอจึงตระหนักว่า “ผู้เก่งกาจ” ที่แท้จริง คือผู้ที่มีหัวใจมั่นคงและรักแท้

สุดท้าย หนูสาวได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก และทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป

ถ้าใครอยากอ่านนิทานก่อนนอนเรื่อง เจ้าบ่าวของหนูสาว ในเวอร์ชั่นที่ผมเรียบเรียงไว้แบบเต็มเรื่อง (มีรายละเอียดมากกว่าฉบับย่อ) สามารถอ่านได้ตามลิงค์ที่ด้านล่างนี้

ภาพหนูสาวและหนูหนุ่มยืนมองหน้ากันอย่างน่ารัก – ภาพประกอบนิทานก่อนนอนเรื่องเจ้าบ่าวของหนูสาว
เจ้าบ่าวของหนูสาว – ภาพประกอบนิทานก่อนนอนเรื่องอบอุ่นหัวใจ
Posted in ครอบครัว, นิทานก่อนนอน, นิทานความรัก, นิทานรักโรแมนติก, นิทานสอนใจ, นิทานสำหรับผู้ใหญ่, นิทานอบอุ่นหัวใจ, นิทานเจ้าหญิงเจ้าชาย

นิทานก่อนนอนเรื่อง ความรักของตัวประหลาด – เมื่อความรักเอาชนะรูปลักษณ์

นิทานก่อนนอนเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวโรแมนติกสุดอบอุ่นของเจ้าชายผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดกับเจ้าหญิงผู้สวยแต่ไร้ปัญญา ความรักของทั้งคู่ค่อย ๆ ก่อตัวจากความเข้าใจและความเมตตา จนกลายเป็นความรักแท้ที่งดงาม นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า รูปลักษณ์ภายนอกไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่ความรัก ความเข้าใจ และความจริงใจต่างหากที่มีคุณค่าที่แท้จริง เหมาะสำหรับใช้เป็นนิทานก่อนนอน นิทานสอนใจ หรืออ่านเล่นเพื่อเติมแรงบันดาลใจ

นิทานเรื่อง “ความรักของตัวประหลาด” เรียบเรียงจากนิทานคลาสสิกเรื่อง Riquet with the Tuft ซึ่งเป็นนิทานที่มีเนื้อหาน่าสนใจมาก แต่ฉบับดั้งเดิมนั้นเขียนด้วยภาษาที่ยุ่งยากต่อการอ่านในปัจจุบัน

ผู้เรียบเรียงจึงพยายามถ่ายทอดเรื่องราวให้อ่านง่ายขึ้น โดยคงไว้ซึ่งสาระสำคัญ และจิตวิญญาณของนิทานต้นฉบับ มีการตัดตัวละครรองที่ไม่จำเป็น เปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่ให้สื่อความหมายชัดเจนขึ้น และเรียบเรียงเนื้อหาให้เข้าใจได้ง่ายและร่วมสมัย

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้อ่านจะได้รับทั้งความสนุก ความประทับใจ และแง่คิดดี ๆ จากนิทานเรื่องนี้ และหากมีโอกาส อยากขอชวนให้ลองหาอ่านนิทานฉบับดั้งเดิม เพื่อเปรียบเทียบและค้นพบเสน่ห์ของต้นฉบับด้วยตนเอง

กาลครั้งหนึ่ง มีราชินีองค์หนึ่งทรงให้กำเนิดพระโอรสชื่อ “เจ้าชายริเกต์” ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด

เจ้าชายเกิดมาพร้อมจมูกโตสีแดงระเรื่อ แถมมีกระจุกผมที่กลางศีรษะ ดูคล้ายลูกลิงมากกว่าลูกคน พระราชินีทรงเป็นห่วงเจ้าชายว่าจะถูกผู้คนรังเกียจ และต้องทนทุกข์กับรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดของตนเอง นางฟ้าจึงปลอบพระราชินีว่า “เจ้าชายจะไม่เป็นไร เพราะเจ้าชายมีสติปัญญาที่ชาญฉลาด ทั้งยังมีพรวิเศษที่สามารถมอบสติปัญญาให้คนที่พระองค์รักได้ สติปัญญานี้เองที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาทุกอย่าง” พระราชินีไม่เข้าใจว่าสติปัญญาจะช่วยเจ้าชายได้อย่างไร พระองค์จึงได้แต่หวังว่า คำพูดของนางฟ้าจะเป็นความจริง

เจ็ดปีต่อมา พระราชินีแห่งอาณาจักรข้างเคียงได้ให้กำเนิดพระธิดาที่มีหน้าตางดงามราวกับนางฟ้า พระราชินีทรงเป็นห่วงว่า ความงามอาจทำให้เจ้าหญิงต้องวุ่นวายในการเลือกเจ้าชายรูปงามที่แย่งกันมาเป็นคู่ครอง นางฟ้าจึงปลอบพระราชินีว่า “เจ้าหญิงจะไม่เป็นไร เพราะเจ้าหญิงเกิดมาสวยแต่เซ่อ แค่คุยกับเจ้าชายไม่กี่คำ เจ้าชายทั้งหลายก็คงเบื่อและหนีหายไปหมด”

พระราชินีมีสีหน้าไม่พอใจ นางฟ้าจึงพูดแก้เก้อไปว่า “แต่เพื่อให้ท่านไม่ต้องกังวลใจ ข้าขอมอบพรวิเศษให้เจ้าหญิงเนรมิตบุคคลที่เจ้าหญิงรัก ให้มีหน้าตาดีขนาดไหนก็ได้ ยังไงเจ้าหญิงก็จะมีคู่ครองที่คู่ควร” เมื่อพูดจบ นางฟ้าก็รีบลาจากไป

เมื่อเจ้าหญิงเติบโตขึ้น ความงามของเจ้าหญิงก็เลื่องลือไปทั่ว แต่เมื่อเจ้าชายทั้งหลายได้มาพบและพูดคุยกับเจ้าหญิง ความซื่อบื้อของเจ้าหญิงที่สวนทางกับความสวย ก็ทำให้เจ้าชายทุกพระองค์พากันมองเจ้าหญิงเหมือนตัวประหลาด แล้วค่อย ๆ ตีตัวออกห่างไปทีละคน

แม้เจ้าหญิงจะสมองช้าและเบาปัญญากว่าคนทั่วไป แต่พระองค์ทรงมีจิตใจและมีความรู้สึก เจ้าหญิงอยากมีความฉลาดเพิ่มขึ้นสักนิด อย่างน้อย…พระองค์ก็คงไม่ถูกมองเหมือนเป็นตัวประหลาดอยู่เช่นนี้

คืนหนึ่ง เจ้าหญิงผู้น่าสงสารได้แอบเข้าไปในป่าเพื่อหาที่นั่งร้องไห้ เจ้าหญิงโดดเดี่ยวและรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า

ในช่วงเวลานั้นเอง มีชายแปลกหน้าผูกผมจุกคนหนึ่งได้เดินออกมาจากพุ่มไม้ ซึ่งเขาก็คือ เจ้าชายริเกต์ นั่นเอง เจ้าชายริเกต์เคยเห็นเจ้าหญิงแสนสวยจากภาพวาด ซึ่งพระองค์ก็ทรงหลงรักเจ้าหญิงตั้งแต่แรกเห็น

“ท่านร้องไห้ทำไม?” เจ้าชายริเกต์เอ่ยถามเจ้าหญิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เจ้าหญิงเช็ดน้ำตา แล้วตอบอย่างขมขื่นว่า “ข้าเป็นคนสวยแต่เซ่อ ข้าจึงถูกคนอื่นมองเหมือนเป็นตัวประหลาด ข้าอยากมีสติปัญญาแบบคนอื่นบ้าง ท่านเข้าใจข้าไหม?”

เจ้าชายริเกต์ยิ้มอย่างอบอุ่น แล้วตอบว่า “ข้าเข้าใจดี ข้าถูกมองว่าแปลกประหลาดมาตลอดชีวิต แต่ข้าไม่ยอมปล่อยให้ความคิดของผู้อื่น มากำหนดคุณค่าของตัวข้าหรอกนะ”

เจ้าหญิงเงยหน้าขึ้น แล้วตั้งใจฟังคำพูดของเจ้าชายแปลกหน้า โดยที่พระองค์ก็ไม่เข้าใจความหมายสักเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าหญิงรู้สึกได้ก็คือ เจ้าหญิงรู้สึกถึงความเข้าอกเข้าใจที่เจ้าชายมีให้ ซึ่งเจ้าหญิงไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน

เจ้าชายริเกต์กล่าวต่อไปว่า “สติปัญญาเป็นสิ่งสำคัญ มันทำให้เราเห็นคุณค่าของตัวเอง และทำให้เรารู้วิธีปฏิบัติตัวให้ผู้อื่นเห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของตัวเรา” เจ้าชายริเกต์หยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อไปว่า “จริง ๆ แล้ว ข้ามีพรวิเศษที่สามารถมอบสติปัญญาให้คนที่ข้ารักได้ ถ้าเจ้าหญิงต้องการพรข้อนี้ ข้ายินดีมอบให้นะ แต่ท่านต้องตกลงว่าจะแต่งงานกับข้า”

เจ้าหญิงนิ่งคิดอยู่นาน นานจนเจ้าชายอมยิ้ม จากนั้น เจ้าชายก็พูดกับเจ้าหญิงอย่างเอ็นดูว่า “หากท่านยังไม่แน่ใจ ข้าจะให้เวลาท่านคิด 1 ปี ระหว่างนี้ ข้าจะมอบพรวิเศษให้ท่านนำไปใช้ก่อน ท่านจะได้คลายทุกข์ลงบ้าง”

คำพูดของเจ้าชายริเกต์อบอุ่นมาก เจ้าหญิงจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล

หลังจากคืนนั้น เจ้าหญิงที่สวยแต่เซ่อ ได้กลายเป็นเจ้าหญิงผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม พระองค์สามารถพูดจาโต้ตอบได้อย่างน่าฟัง และมีความรอบรู้ในทุก ๆ เรื่อง จนพระราชาผู้เป็นพระบิดายังขอความคิดเห็นจากเจ้าหญิงเกี่ยวกับกิจการบ้านเมืองต่าง ๆ ซึ่งคำแนะนำของเจ้าหญิงล้วนมีประโยชน์และใช้แก้ปัญหาได้จริงชนิดที่ทุกคนพากันทึ่ง

ไม่นานนัก ข่าวเรื่องเจ้าหญิงแสนงามในเวอร์ชั่นใหม่ที่เจิดจรัสด้านสติปัญญาก็แพร่สะพัดจนเจ้าชายรูปงามทั้งหลายพากันมาขอพบเพื่อผูกสัมพันธ์ด้วย

แต่เจ้าหญิงผู้มีสติปัญญาไม่ได้สนใจเจ้าชายเหล่านั้นเลย เพราะพระองค์มัวแต่กังวลใจ เกี่ยวกับข้อตกลงที่พระองค์มีกับเจ้าชายริเกต์”

ในวันที่เจ้าหญิงยังสวยแต่เซ่อ เจ้าหญิงยังงง ๆ กับข้อตกลงดังกล่าว แต่ในเวลานี้ เจ้าหญิงเพิ่งตระหนักว่า ข้อตกลงเรื่องแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะการแต่งงานต้องเกิดขึ้นจากความรัก ไม่ใช่การแลกเปลี่ยน แต่ตอนนี้…พระองค์ไม่แน่ใจตัวเองว่า พระองค์รักเจ้าชายริเกต์บ้างหรือไม่?

เมื่อเวลาผ่านไปครบ 1 ปี เจ้าหญิงได้เดินทางเข้าป่าเพื่อพบกับเจ้าชายริเกต์อีกครั้ง ในเวลานี้ ภายในใจของเจ้าหญิงยังคงวนเวียนอยู่กับคำถามที่พระองค์ยังหาคำตอบไม่ได้

เมื่อเจ้าหญิงไปถึงสถานที่นัดพบ เจ้าชายริเกต์ได้ปรากฎตัวในชุดเจ้าบ่าว พร้อมกับกล่าวทักทายเจ้าหญิงอย่างอบอุ่นว่า “เจ้าหญิงตกลงจะแต่งงานกับข้าแล้วใช่ไหม?”

เจ้าหญิงทรงมองตาเจ้าชายริเกต์ แล้วตอบอย่างลังเลว่า “ณ วันนี้ ข้ามีปัญหาที่ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่า ข้ารักท่านหรือไม่ ซึ่งหากข้าไม่ได้รักท่าน ข้าก็ไม่ควรตอบตกลงแต่งงานกับท่านนะ”

เจ้าชายริเกต์มองเจ้าหญิงอย่างใจดี แล้วพระองค์ก็พูดกับเจ้าหญิงว่า “ความฉลาดอาจทำให้เราต้องคิดอะไรมากหน่อย แต่มันไม่ควรทำให้เราทุกข์ใจมากขึ้นนะ”

เจ้าชายริเกต์ส่งยิ้มอันอบอุ่นให้เจ้าหญิง แล้วพูดต่อไปว่า “ให้ข้าช่วยท่านนะ เจ้าหญิงลองคิดแล้วตอบข้าหน่อยว่า มีสิ่งใดในตัวข้าที่ท่านรังเกียจหรือรู้สึกแปลกประหลาดบ้างไหม?”

เจ้าหญิงมองเจ้าชายริเกต์ แล้วตอบเจ้าชายอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่มีเลย ข้าชื่นชมทุกสิ่งที่เป็นตัวท่าน ท่านมีความสุภาพ รับฟังความทุกข์ของข้า ให้คำแนะนำข้า ช่วยเหลือข้า ไม่เคยมองข้าเป็นตัวประหลาด!”

“แล้วเรื่องรูปกายภายนอกล่ะ” เจ้าชายริเกต์ถาม

“รูปกายของท่านเป็นอย่างไรหรือ? ท่านอ่อนโยน ไว้ผมจุกสุดเท่ ท่าเดินก็ดูมีเสน่ห์ จมูกสีแดงก็ดูขี้อายน่ารัก หนังตาที่กระตุกในบางครั้งก็ดูขี้เล่นอย่างบอกไม่ถูก”

เจ้าชายริเกต์ยิ้มเขิน ๆ จากนั้น พระองค์ก็บอกเจ้าหญิงว่า “เจ้าหญิงรู้ไหม ในวันที่เจ้าหญิงเกิด นางฟ้าได้มอบพรวิเศษให้เจ้าหญิงสามารถเนรมิตบุคคลที่เจ้าหญิงรักให้มีหน้าตาดีขนาดไหนก็ได้” เจ้าชายริเกต์มองตาเจ้าหญิงอย่างมีลึกซึ้ง แล้วพูดต่อไปว่า “ถ้าเจ้าหญิงเห็นว่า ตัวประหลาด อย่างข้ามีหน้าตาดีตามที่กล่าวไว้จริง ๆ นั่นก็หมายความว่า…..”

เจ้าหญิงผู้งดงามและชาญฉลาดเติมคำในช่องว่างทันทีว่า “หมายความว่า….ท่านคือบุคคลที่ข้ารัก”

เจ้าหญิงตกหลุมรักเจ้าชายริเกต์ไปตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครทราบได้ แต่ที่แน่ ๆ คือ เจ้าชายริเกต์รักเจ้าหญิงมานานแล้ว ส่วนเจ้าหญิงก็รักเจ้าชายเช่นกัน

ในที่สุด เจ้าหญิงก็ได้รู้ว่า พระองค์ควรตอบตกลงแต่งงานกับเจ้าชายริเกต์หรือไม่

และแล้ว …เรื่องราวความรักของบุคคลที่ถูกมองว่าเป็น “ตัวประหลาด” ก็จบลงอย่างมีความสุข.

ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :

  • อย่าวัดคุณค่าคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ความสวยงามหรือความแปลกประหลาดของร่างกาย ไม่ได้สะท้อนคุณภาพจิตใจ หรือความสามารถที่แท้จริงของใครเลย
  • ความเข้าใจคือรากฐานของความรัก ความรักของเจ้าชายริเกต์และเจ้าหญิงเติบโตจากการเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่แค่ความดึงดูดทางกายภาพ
  • สติปัญญาทำให้เรารู้คุณค่าของตัวเอง เมื่อเจ้าหญิงได้รับพรแห่งปัญญา พระองค์ไม่เพียงพูดเก่งขึ้น แต่ยังตระหนักถึงความเป็นตัวเอง จนสามารถแนะนำเรื่องสำคัญของบ้านเมืองได้
  • รักแท้ไม่เกิดจากการแลกเปลี่ยน แต่เกิดจากใจจริง เจ้าหญิงไม่ตอบตกลงแต่งงานทันที เพราะพระองค์ต้องมั่นใจว่า สิ่งนั้นคือ “ความรัก” ไม่ใช่การตอบแทนสิ่งดี ๆ ที่ได้รับมา
  • คนที่เคยถูกมองเป็นตัวประหลาด อาจเป็นคนที่มีค่ามากที่สุด เจ้าชายริเกต์แสดงให้เห็นว่าความแปลกไม่ใช่ข้อด้อย หากแต่เป็นเอกลักษณ์ที่มีคุณค่า เมื่อประกอบกับหัวใจที่ดีงาม
“ภาพประกอบนิทาน เจ้าชายรูปลักษณ์แปลก กับเจ้าหญิงแสนงาม ยืนอยู่กลางป่าใต้แสงจันทร์”
Posted in นิทานความรัก, นิทานสอนใจ, นิทานอ่านให้แฟนฟัง

คู่รักกระต่ายน้อย : นิทานความรักก่อนนอนพร้อมข้อคิดที่ควรอ่านให้แฟนฟัง

ภาพที่แคปหน้าจอ ข้อความที่ผู้อ่านส่งมา  เล่าว่าอ่านตั้งแต่ ม.4 จนตอนนี้ขึ้นปี 3 อ่านให้แฟนฟัง

ก่อนที่จะแต่งงงาน  กระต่ายหนุ่มได้จ้างช่างมาสร้างเรือนหอเป็นบ้านแห่งความรักระหว่างมันกับกระต่ายสาวยอดดวงใจ 

เช้าวันต่อมา ในขณะที่กระต่ายหนุ่มยังคงโมโหโทโส  กระต่ายสาวได้จัดการหาสีมาทาแก้ไขจนรอยกระดำกระด่างหายไปจนหมด  เมื่อกระต่ายหนุ่มได้รู้ในภายหลังว่า กระต่ายสาวยอดดวงใจไม่มัวเสียเวลาอยู่กับการโมโหข้ามวัน ติดพันข้ามคืน ที่ไร้ประโยชน์  แต่กระต่ายสาวกลับใช้เวลาดังกล่าวในการแก้ไขปัญหา จนสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ  กระต่ายหนุ่มก็รู้สึกชื่นชมกระต่ายสาวและคิดว่ามันเลือกคู่ครองได้ไม่ผิดจริง ๆ

เช้าวันต่อมา ในขณะที่กระต่ายหนุ่มยังคงโมโหโทโส  กระต่ายสาวตัดสินใจเก็บกวาดจัดสวนให้เรียบร้อย แถมยังจัดหาต้นไม้ดอกไม้มาปลูกเพิ่มเติมจนสวนดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง  เมื่อกระต่ายหนุ่มได้รู้ในภายหลังว่า กระต่ายสาวยอดดวงใจไม่มัวเสียเวลาอยู่กับการ “โมโหข้ามวัน ติดพันข้ามคืน” ที่ไร้ประโยชน์  แต่กระต่ายสาวกลับใช้เวลาดังกล่าวในการแก้ไขปัญหาจนสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ  กระต่ายหนุ่มก็รู้สึกชื่นชมกระต่ายสาวและคิดว่ามันเลือกคู่ครองได้ไม่ผิดจริง ๆ

เมื่อพูดจบ กระต่ายสาวก็ชวนกระต่ายหนุ่มให้ช่วยกันจุดเทียนรอบ ๆ งานแต่ง  จากนั้น  พวกมันก็ชวนให้แขกเข้ามานั่งใกล้ ๆ กันอีกนิด เพราะในงานไม่มีไมโครโฟน   ส่วนเรื่องเพลงหรือดนตรี กระต่ายสาวก็ขอให้กระต่ายหนุ่มและแขกในงานช่วยกันร้องเพลง ซึ่งทั้งหมดให้บรรยากาศภายในงานดูอบอุ่นและทำให้พิธีแต่งงานดำเนินไปได้อย่างน่าประทับใจ

กระต่ายหนุ่มมองกระต่ายสาวด้วยสายตาที่เหมือนต้องการจะบอกว่า “ขอบคุณนะ”  ส่วนกระต่ายสาวซึ่งหันมาสบตากระต่ายหนุ่มพอดี กลับส่งยิ้มให้แล้วทำหน้าทะเล้นใส่  จากนั้น กระต่ายสาวก็บอกกระต่ายหนุ่มว่า “นับจากวันนี้ ถ้าเจออะไรไม่สมดังใจ ก็อย่างเพิ่งโมโหข้ามวัน ติดพันข้ามคืนนะ  เพราะถึงจะขาดสิ่งนู้น ไม่มีสิ่งนี้ แต่ยังไง..เราก็ยังมีกันและกัน ที่จะช่วยกัน แก้ปัญหาในทุก ๆ เรื่องนะ”

“ใช่แล้ว มีกันและกัน” กระต่ายสาวยิ้มเขิน   จากนั้น กระต่ายสาวก็อ้อนกระต่ายหนุ่มว่า “ว่าแต่คืนนี้ เธอลืมอะไรไปรึเปล่า”

กระต่ายหนุ่มยิ้มให้กระต่ายสาวด้วยความรัก  ส่วนกระต่ายสาวก็ยิ้มตอบ พร้อมกับหัวเราะ “แหะ ๆ” ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ากระต่ายสาวคิดอะไรอยู่

หมายเหตุ : ถ้าชอบนิทานเรื่องนี้ ฝากกดดูแบนเนอร์โฆษณาอัตโนมัติที่เด้งขึ้นมาด้วยนะครับ (บางคนอาจเห็น บางคนอาจไม่เห็น) มันจะช่วยทำให้เว็บไซต์มีรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ ขอบคุณครับ

Posted in นิทานก่อนนอน, นิทานสอนใจ, นิทานเด็ก

นิทานก่อนนอน เจ้าบ่าวของหนูสาว – เรื่องของความรักที่อยู่ใกล้กว่าที่คิด

“เจ้าบ่าวของหนูสาว” (The Mouse Bride หรือ The Most Powerful Husband) คือหนึ่งในนิทานพื้นบ้านจีนโบราณที่มีชื่อเสียง และถูกเล่าต่อกันมาอย่างยาวนานทั่วทั้งเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม นิทานเรื่องนี้มีเนื้อหาที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เล่าถึงครอบครัวหนูที่แสวงหาว่าที่เจ้าบ่าวที่ “ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” ให้กับลูกสาวแสนสวย และในการเดินทางตามหาว่าที่เจ้าบ่าว พวกเขาได้เรียนรู้ว่า “พลังที่แท้จริง” อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด

ในเวอร์ชันนี้ — ซึ่งจัดทำขึ้นใหม่ในรูปแบบ “นิทานก่อนนอน” ที่เหมาะกับเด็ก ๆ สมัยใหม่ — ผู้เขียนได้ปรับภาษาให้นุ่มนวล อ่านง่าย และเพิ่มเสน่ห์ด้วยภาพประกอบแสนน่ารักที่ช่วยกระตุ้นจินตนาการของเด็ก ๆ ทั้งยังคงรักษาแก่นของนิทานต้นฉบับไว้ครบถ้วน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่านิทานก่อนนอน เพื่อสร้างบทสนทนาที่อบอุ่นระหว่างพ่อแม่กับลูก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหนูสาวตัวหนึ่งเป็นหนูสาวที่มีหน้าตาน่ารักที่สุดในโลก เมื่อหนูสาวเติบโตถึงวัยที่ควรจะมีครอบครัว พ่อกับแม่ของหนูสาวจึงคิดหาคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่ลูกสาวสุดที่รัก

เจ้าบ่าวคนแรกที่พ่อหนูนึกถึงก็คือพระอาทิตย์ผู้มีแสงเจิดจ้า แต่เมื่อพ่อหนูกับแม่หนูไปบอกกับพระอาทิตย์ว่าพวกตนกำลังตามหาเจ้าบ่าวที่เก่งกาจให้ลูกสาว พระอาทิตย์ก็รีบเอ่ยคำปฏิเสธ โดยเขาให้เหตุผลว่า

“ฉันไม่ใช่ผู้ที่เก่งกาจที่สุดหรอก ก้อนเมฆต่างหากที่เก่งกาจกว่าฉัน ดูสิ..เพียงแค่เมฆลอยผ่านมา มันก็บดบังฉันจนมิด ฉันว่า..เมฆน่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่เหมาะสมกว่าฉันนะ”

พ่อหนูกับแม่หนูเห็นจริงตามที่พระอาทิตย์ชี้แจง ดังนั้น พ่อหนูกับแม่หนูจึงรีบไปหาก้อนเมฆ เพื่อขอให้ก้อนเมฆแต่งงานกับลูกสาวของตน เมื่อก้อนเมฆได้ฟังคำของพ่อหนูกับแม่หนู ก้อนเมฆก็รีบเอ่ยคำปฏิเสธ โดยเขากล่าวว่า

พ่อหนูกับแม่หนูเห็นจริงตามคำของก้อนเมฆ ดังนั้น พ่อหนูกับแม่หนูจึงรีบไปหา สายลมเพื่อขอให้สายลมแต่งงานกับลูกสาวของตน เมื่อสายลมได้ฟังคำของพ่อหนูกับแม่หนู สายลมก็รีบเอ่ยคำปฏิเสธ โดยเขาบอกว่า

พ่อหนูกับแม่หนูเห็นจริงตามคำของสายลม ดังนั้น พ่อหนูกับแม่หนูจึงรีบไปหากำแพง เพื่อขอให้กำแพงแต่งงานกับลูกสาวของตน เมื่อกำแพงได้ฟังคำของพ่อหนูกับแม่หนู กำแพงก็รีบเอ่ยคำปฏิเสธ โดยเขาบอกว่า

“ฉันไม่ใช่ผู้ที่เก่งกาจที่สุดหรอก ยังมีคนอื่นที่เก่งกาจมากกว่าฉัน ดูสิ..เขาใช้ฟันเจาะตัวฉันจนเป็นรูได้ด้วย ฉันว่า..เขาน่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่เหมาะสมมากกว่าฉันนะ”

พ่อหนูกับแม่หนูดูรูที่กำแพง แล้วก็รู้สึกคล้อยตามคำพูดที่ได้ฟัง ดังนั้น พ่อหนูกับแม่หนูจึงรีบไปหา “ผู้เก่งกาจ” เพื่อขอให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของตน และมันก็เป็นเรื่องที่เหมือนกับพรหมลิขิต! เพราะผู้เก่งกาจที่กำแพงพูดถึงก็คือหนูหนุ่มคู่รักของหนูสาวนั่นเอง

หนูหนุ่มดีใจมากที่จู่ ๆ พ่อกับแม่ของหนูสาว ก็มาขอให้มันแต่งงานกับหนูสาวที่มันเฝ้าฝันถึง หนูหนุ่มรีบตอบตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไข ส่วนพ่อหนูกับแม่หนูก็ดีใจ ที่พวกมันสามารถหาเจ้าบ่าวผู้เก่งกาจ ให้แก่ลูกสาวได้เป็นผลสำเร็จ

ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :

  • อย่าตัดสินใครจากฐานะหรือรูปลักษณ์ภายนอก
  • การมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของผู้อื่น คือสิ่งสำคัญยิ่งในความสัมพันธ์
  • ผู้ปกครองควรฟังความรู้สึกของลูก ไม่ใช่ตัดสินใจแทนโดยลำพัง

#นิทานโบราณ

หนูสาวในชุดกระโปรงชมพูยืนเคียงข้างหนูหนุ่มในชุดเอี๊ยมฟ้า ท่ามกลางท้องฟ้าแจ่มใสและแสงอาทิตย์ สื่อถึงความรักและการแต่งงานในนิทาน “เจ้าบ่าวของหนูสาว”
เพลงเล่านิทาน “เจ้าบ่าวของหนูสาว” เพลงสนุก ฟังเพลิน ถ่ายทอดความรักแท้ผ่านตัวละครหนูสาวและหนูหนุ่ม
Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานก่อนนอน : ความรักของคนดูแลสวน

นิทานก่อนนอนเรื่อง ความรักของคนดูแลสวน เป็นนิทานคู่รักเรื่องแรก ๆ ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งลงในนิตยสารขวัญเรือน  เรื่องราวของนิทานเรื่องนี้ มีโครงเรื่องตามแบบฉบับของนิทานความรักคลาสสิกที่หลาย ๆ คนคงคุ้นเคย  แต่เรื่องราวที่ดูธรรมดาไม่โลดโผนจนเกินไป มักเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ และเหมาะจะใช้เป็นนิทานก่อนนอนสำหรับการอ่านให้แฟนฟัง   ลองอ่านกันดูนะครับ

Continue reading “นิทานก่อนนอน : ความรักของคนดูแลสวน”
Posted in ครอบครัว, ความรัก, นิทาน, เด็ก

นิทานก่อนนอน : ความรักของหุ่นไล่กา

นิทานก่อนนอนเรื่อง ความรักของหุ่นไล่กา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีหุ่นไล่กาตัวหนึ่งยืนตากแดดตากฝนเฝ้านาโดยไม่เคยปริปากบ่น  แม้มันจะเหนื่อยที่ต้องคอยไล่อีกาซึ่งชอบเข้ามาขโมยกินข้าวในนา แต่หุ่นไล่กาก็ตั้งใจทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เพราะมันรักงานของมัน และที่สำคัญ…มันแอบหลงรักลูกสาวชาวนาซึ่งเป็นผู้หญิงที่ขยันขันแข็งและมีนิสัยแสนน่ารัก

บ่อยครั้งที่หุ่นไล่กาเผลอมองลูกสาวชาวนาจนเหล่าอีกาเริ่มรู้สึกผิดสังเกต  ครั้นเมื่อพวกอีกาจอมเจ้าเล่ห์ทราบว่าหุ่นไล่กาแอบหลงรักหญิงสาวผู้เป็นมนุษย์  เหล่าอีกาจึงวางแผนหลอกหุ่นไล่กาให้ออกไปจากนา เพื่อที่พวกมันจะได้ขโมยกินข้าวได้อย่างสบายใจไร้ปัญหา

อีกาตัวหนึ่งเคยบินผ่านป่าเวทมนตร์และพบบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถเนรมิตให้สิ่งไม่มีชีวิตกลายร่างเป็นมนุษย์ได้  เมื่ออีการู้ว่าหุ่นไล่กาหลงรักลูกสาวชาวนา  พวกมันจึงแกล้งบินคุยกันให้เสียงดังไปเข้าหูของหุ่นไล่กาว่า  “ในป่าเวทมนตร์ทางตะวันตก มีบ่อน้ำที่เนรมิตให้สิ่งไม่มีชีวิตกลายร่างเป็นมนุษย์ได้  ถ้าใครมีรักแท้ต่อมนุษย์ก็น่าจะลองเดินทางไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ดูนะ”

คำพูดของอีกาทำให้หุ่นไล่กาหูผึ่ง  ถ้ามันกลายเป็นมนุษย์ได้จริง  บางทีมันอาจมีโอกาสได้ทำความรู้จัก, พูดคุยหรือคบหากับหญิงสาวที่มันรักก็เป็นได้  ด้วยเหตุนี้  หุ่นไล่กาจึงวางแผนออกเดินทางไปยังป่าเวทมนตร์ในตอนกลางคืน (ซึ่งพวกอีกาคงหลับแล้ว) และตั้งใจจะรีบกลับมาเฝ้านาให้ทันก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น

อนิจจา! หุ่นไล่กาไม่รู้เลยว่ามันหลงกลของเหล่าอีกาเข้าให้เสียแล้ว เพราะหนทางไปยังป่าเวทมนตร์และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นเส้นทางที่ไกลแสนไกล คนธรรมดาที่มีขาก้าวเดินยังต้องใช้เวลา นานเป็นวันกว่าจะไปถึงได้  แต่หุ่นไล่กามีร่างกายทำจากฟางและไม่มีขาในการก้าวย่าง มันจึงได้แต่ขยับตัวทีละนิด ๆ และมีเพียงพลังใจเท่านั้นที่ทำให้มันเคลื่อนที่ไปได้  ด้วยเหตุนี้เอง  หุ่นไล่กาจึงใช้เวลานานถึง 10 ชั่วโมงกว่าที่มันจะไปถึงทางเข้าป่า ซึ่งในเวลานั้น เหล่าอีกาก็ตื่นนอนและบินไปขโมยกินข้าวในนาได้อย่างสบายใจเสียแล้ว

แม้หุ่นไล่กาจะใช้เวลาเดินทางมากกว่าที่มันคิด  แต่มันก็ไม่ยอมท้อถอย มันยังคงเดินทางเข้าป่าต่อไปทั้ง ๆ ที่มีอุปสรรคมากมายรอมันอยู่  เวลาผ่านไปนาน 3 วัน 3 คืน ในที่สุด หุ่นไล่กาก็ไปถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และกลายร่างเป็นมนุษย์ได้สำเร็จดังที่มันตั้งใจเอาไว้

ครั้นเมื่อหุ่นไล่กาเดินทางออกจากป่าเวทมนตร์ในฐานะของชายพเนจร  เขาก็รีบตรงกลับไปยังนาข้าวด้วยความรู้สึกผิดที่ละทิ้งหน้าที่ 

ทันทีที่ชายหนุ่มไปถึงนา เขาก็พบว่ามีอีกานับร้อย ๆ ตัวบินลงมาขโมยกินข้าว โดยที่พ่อกับแม่และหญิงสาวได้แต่นั่งกุมขมับอย่างหมดสิ้นหนทางที่จะขับไล่อีกาเหล่านั้นให้ออกไปจากนาได้ 

ชายหนุ่มรู้สึกผิดมาก เขาจึงรีบเข้าไปในนา แล้วจัดการรวบรวมฟางข้าวที่มีอยู่ทั้งหมด นำมาทำเป็นหุ่นไล่กาตัวใหญ่ยักษ์สำหรับใช้ไล่ฝูงกาโดยเฉพาะ 

ไม่มีใครทำหุ่นไล่กาได้เก่งเท่ากับอดีตหุ่นไล่กาอีกแล้ว 

ด้วยเหตุนี้  เมื่อฝูงกาเห็นหุ่นไล่กาที่มีหน้าตาถมึงทึงดูน่ากลัว  พวกมันจึงรีบบินหนีและรู้สึกสยองขวัญจนไม่กล้าเข้าใกล้ที่นาผืนนี้อีก

พ่อกับแม่และหญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก  ใจหนึ่ง…ทุกคนทึ่งกับความสามารถอันแสนวิเศษของชายแปลกหน้าที่ไล่อีกาได้อย่างไม่น่าเชื่อ  แต่อีกใจหนึ่ง…พวกเขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับชายแปลกหน้าผู้นี้อย่างประหลาด

อย่างไรก็ตาม  เมื่อชายพเนจรไล่อีกาทั้งหมดไปแล้ว  พ่อกับแม่และหญิงสาวจึงชวนชายหนุ่มกินข้าวเพื่อเป็นการตอบแทน  ครั้นเมื่อชายหนุ่มกินข้าวจนอิ่ม เขาก็อาสาปลูกข้าวให้ชาวนาเพื่อเป็นการขอบคุณ

พ่อกับแม่และหญิงสาวเห็นว่าชายหนุ่มมีเจตนาดีจึงอนุญาต  ครั้นเมื่อทุกคนเห็นชายหนุ่มทำงานในนาด้วยความขยันขันแข็ง  พวกเขาก็ยิ่งประทับใจชายหนุ่มมากขึ้นไปอีก 

ในเวลาต่อมา  เมื่อพ่อกับแม่และหญิงสาวทราบว่าชายหนุ่มเป็นคนพเนจร…ไม่มีบ้านและครอบครัว  พวกเขาจึงชวนให้ชายหนุ่มมาพักอาศัยด้วย

ชายหนุ่มดีใจที่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตในบ้านเดียวกับหญิงสาว  เขาจึงอาสาดูแลนาและช่วยทำงานต่าง ๆ อย่างเต็มที่

เวลาผ่านไปราว 3 ปี ชายหนุ่มดูแลนาด้วยความขยันขันแข็งคงเส้นคงวา ในขณะเดียวกัน เขาก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับหญิงสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อกับแม่ของหญิงสาวเห็นว่าชายหนุ่มเป็นคนดีและเป็นที่พึ่งของลูกสาวได้ ท่านทั้งสองจึงตัดสินใจยกลูกสาวให้แต่งงานกับชายหนุ่ม

ชายหนุ่มดีใจที่เขาได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่ของหญิงสาว แต่เขาไม่แน่ใจว่าหญิงสาวจะมีใจให้เขาบ้างหรือไม่  ครั้นเมื่อพ่อกับแม่ถามความสมัครใจของลูกสาวสุดที่รัก  หญิงสาวก็ได้แต่อายจนหน้าแดง แล้วตอบตกลงแต่งงานกับชายหนุ่มซึ่งเธอเองก็แอบมีใจให้มานานแล้ว

ในที่สุด  ความรักของชายหนุ่มผู้เคยเป็นหุ่นไล่กาก็สมหวัง  เขาพยายามดูแลหญิงสาวเป็นอย่างดี  และทั้งคู่ก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสืบมา

#นิทานนำบุญ

……………………
 
 
Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

ความรักของคนทำขนมเค้ก (ซินเดอเรลล่า ภาค2)

“ซินเดอเรลล่า” เป็นนิทานอมตะแนวเทพนิยายที่คนรู้จักกันทั่วโลก   พ่อแม่มักเล่านำนิทานเรื่องซินเดอเรลล่ามาเล่าเป็นนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง  เพราะเนื้อเรื่องที่มีความดราม่าน่าสงสาร ที่นางเอกถูกแม่เลี้ยงและพี่เลี้ยงใจร้ายรังแก  แต่มีนางฟ้ามาร่ายเวทมนตร์เสกให้ซินเดอเรลล่ามีชุดสวยไปร่วมงานเลี้ยงกับเจ้าชาย  แถมยังมีฉากเด็ด ที่นางเอกต้องรีบกลับบ้านก่อนที่เวทมนตร์จะสลาย และทำให้เธอพลาดพลั้งทำรองเท้าแก้วหลุดไว้  จนกลายเป็นเบาะแสให้เจ้าชายตามตัวเธอได้ในที่สุด 

ซินเดอเรลล่า จึงเป็นนิทานก่อนนอนเกี่ยวกับความรักที่อมตะข้ามกาลเวลา  ซึ่งเมื่อผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) อยากแต่งนิทานภาคสองต่อจากนิทานเรื่อง ซินเดอเรลล่า  (แต่เป็นการแต่งภาคต่อโดยไม่ได้นำตัวละครเก่าของนิทานอมตะมาใช้)  ผมจึงสร้างตัวละครใหม่และผูกเรื่องขึ้นใหม่ โดยใช้โครงเรื่องเชื่อมโยงกับนิทานดั้งเดิม  จนเกิดเป็นนิทานก่อนนอนเรื่อง “ความรักของคนทำขนมเค้ก” ที่เชื่อว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่น่าจะชื่นชอบ  ซึ่งหากใครจะนำไปใช้เป็นนิทานก่อนนอนอ่านให้แฟนฟัง  ก็น่าจะใช้ได้  แต่อย่าเผลอหิวลุกมาหาขนมเค้กกินกลางดึกนะครับ เดี๋ยวจะอ้วนจนกู่ไม่กลับครับ อิอิ Continue reading “ความรักของคนทำขนมเค้ก (ซินเดอเรลล่า ภาค2)”

Posted in ครอบครัว, ความรัก, นิทาน, เด็ก

เจ้าชายหมีถัก – นิทานแฟนตาซีความรักอบอุ่น ซาบซึ้งใจสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

โลกของเรามีนิทานเกี่ยวกับความรักอยู่มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ตัวละครในนิทานความรักมักเป็นเจ้าชายกับเจ้าหญิง  แต่ในบรรดานิทานเจ้าชายเจ้าหญิงทั้งหลาย  คงมีนิทานเพียงไม่กี่เรื่อง ที่ตัวเอกฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าหญิงแสนสวย ส่วนตัวเอกอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าชายตุ๊กตาหมี ที่ถักจากไหมพรม! ถ้าคุณๆอยากรู้ว่า นิทานความรักสะท้อนแง่มุมดี ๆ เรื่องนี้มีเรื่องราวเป็นอย่างไร ผู้แต่งคงต้องขอให้ลองอ่านนิทานรักแท้เรื่องนี้ดู แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า นิทานความรักที่เสียสละเรื่องนี้อาจทำให้บางคนต้องเสียน้ำตา

…………………………………………………