Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นาตาชากับแมวน้อย 12 ตัว

นิทานเรื่อง “นาตาชากับแมวน้อย 12 ตัว” เป็นนิทานเรื่องสั้น ๆ ของแมวกับคน ซึ่งเป็นนิทานที่มีแมวน้อย มากถึง 12 ตัว นิทานเรื่องนี้จัดเป็นนิทานก่อนนอนเรื่องสั้น ๆ ที่จะช่วยปลูกฝังเรื่องความเมตตาให้แก่เด็ก ๆ รวมทั้งสอนใจเกี่ยวกับความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่เด็ก ๆ ควรมีในหัวใจ

นิทานก่อนนอนเรื่อง นาตาชากับแมวน้อย 12 ตัว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนใกล้เขตขั้วโลกอันหนาวเหน็บ  ยังมีเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ซึ่งพ่อกับแม่ของเธอทิ้งไว้ให้ก่อนที่ท่านทั้งสองจะด่วนขึ้นสวรรค์ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ  เด็กหญิงคนนี้มีชื่อว่า”นาตาชา” เธอไม่ญาติพี่น้องที่ไหนอีกเลย ดังนั้น เธอจึงต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีวิต 

คืนหนึ่งหลังจากเลิกงาน  นาตาชารีบเดินกลับบ้านเพราะอากาศในคืนนั้นหนาวผิดปกติ  ระหว่างทาง…เด็กหญิงมองเห็นแมวสิบสองตัวนอนแข็งทื่ออยู่บนพื้นหิมะราวกับพวกมันกำลังจะจากโลกนี้ไปด้วยภัยแห่งความหนาว  นาตาชาไม่อยากให้แมวน้อยทั้งหลายต้องตายไปต่อหน้า เธอจึงรีบตรงเข้าไปอุ้มแมวแต่ละตัวขึ้นมากอด จากนั้น เธอก็หอบเอาแมวทั้งหมดกลับบ้าน

ตลอดทั้งคืน นาตาชาพยายามให้ความอบอุ่นแก่เจ้าแมวทั้งสิบสองตัวอย่างสุดความ สามารถ เวลาผ่านไปนาน…จนกระทั่งรุ่งสาง ร่างที่เย็นเยียบเหมือนไร้ชีวิตของแมวน้อยทั้งหลายจึงค่อย ๆ อุ่นขึ้น ๆ  จนในที่สุด แมวทั้งสิบสองตัวก็กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง  

นาตาชามีความสุขมากที่เธอช่วยชีวิตแมวน้อยทุกตัวเอาไว้ได้  เด็กหญิงมองแมวน้อยแต่ละตัวที่เข้ามาคลอเคลียเธอด้วยความรัก จากนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูแมวทั้งสิบสองตัวเอาไว้ เพื่อที่พวกมันจะได้ไม่ต้องออกไปเผชิญกับความหนาวอันร้ายกาจอีก  

เมื่อเพื่อนบ้านทราบข่าวว่าเด็กหญิงผู้ยากจนเลี้ยงดูแมวน้อยเอาไว้ในบ้านถึงสิบสองตัว  เพื่อนบ้านต่างก็พากันพูดจาถากถางหาว่านาตาชาไม่รู้จักประมาณตน เพราะเพียงแค่การที่เธอจะต้องหาเลี้ยงตัวเองไปวัน ๆ ก็ยังเป็นเรื่องยาก ดังนั้น การที่เธอเก็บแมวมาเลี้ยงไว้ถึงสิบสองตัวจึงเป็นการเพิ่มภาระที่ดูอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

 แม้นาตาชาจะรู้ดีว่าการเลี้ยงแมวทั้งสิบสองตัวจะทำให้เธอต้องลำบากมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่เธอก็ยินดีที่จะลำบาก หากมันสามารถช่วยรักษาชีวิตของแมวน้อยทั้งหลายเอาไว้ได้

แมวน้อยทั้งสิบสองตัวต่างซาบซึ้งในความเมตตาของนาตาชาจนบรรยายไม่ถูก พวกมันอยากตอบแทนบุญคุณของเธอบ้าง ด้วยเหตุนี้ เมื่อนาตาชาออกไปทำงานนอกบ้าน พวกแมวจึงประชุมกันเพื่อหาทางทำให้นาตาชามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

หลังจากการปรึกษาหารือกันอย่างรอบคอบ  ในที่สุด แมวน้อยทั้งหมดก็ตัดสินใจแบ่งงานกันทำตามความถนัด

แมวหนุ่มเก้าตัวที่มีความคล่องแคล่วว่องไวตกลงใจที่จะรวมตัวกันเป็นกองทัพรับจ้างกำจัดหนูตามบ้านเรือนต่าง ๆ  ฝ่ายแมวสาวอีกสองตัวที่รักความสะอาดก็อาสาอยู่ดูแลบ้านของนาตาชาให้เรียบร้อยเพื่อแบ่งเบาภาระให้เด็กหญิงที่มันรัก  ส่วนแมวน้อยตัวสุดท้องน้องสุดท้ายที่ยังเล็กกว่าเพื่อน มันมีความสามารถในการวาดภาพและเขียนหนังสือ มันจึงขอทำหน้าที่เขียนป้ายประกาศให้นาตาชาและผู้คนทั้งหลายรู้ว่า เหล่าแมวน้อยที่บ้านหลังนี้ยินดีรับจ้างจัดการกับพวกหนูที่น่ารังเกียจ  

เย็นวันนั้น  เมื่อนาตาชากลับมาถึงบ้าน แมวน้อยทั้งสิบสองตัวพากันคาบป้ายประกาศการรับจ้างกำจัดหนู ซึ่งเจ้าแมวตัวเล็กใช้หางจุ่มซอสมะเขือเทศแล้วบรรจงเขียนเป็นตัวหนังสือมามอบให้แก่นาตาชา  นาตาชาแปลกใจมากต่อสิ่งที่ได้เห็น แต่เธอก็เชื่อว่ามันเป็นฝีมือการเขียนของพวกแมวจริง ๆ เพราะที่หางของเจ้าแมวตัวเล็กยังคงมีคราบซอสมะเขือเทศติดอยู่เกรอะกรังไปหมด

หลังจากที่นาตาชานำป้ายประกาศไปแปะตามที่ต่าง ๆ ได้ไม่นาน  ผู้คนที่ถูกหนูกวนใจก็เริ่มติดต่อว่าจ้างเข้ามา  แมวหนุ่มทั้งเก้าตัวทำงานประสานกันได้อย่างยอดเยี่ยม  ไม่นานนัก…กิจการของพวกแมวน้อยก็กลายเป็นที่นิยมซึ่งทำให้พวกมันต้องทำงานจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน

เมื่องานไล่หนูมีมากขึ้น เงินที่ได้รับจึงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย  แมวน้อยทั้งหลายนำเงินมากมายที่ได้รับมามอบให้แก่นาตาชาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลพวกมันและเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวของนาตาชาเอง 

นอกจากนี้ เหล่าแมวน้อยยังเขียนข้อความขอร้องให้นาตาชาเลิกทำงานหารายได้ แต่ขอให้เธอกลับไปเรียนหนังสือและใช้ชีวิตสดใสตามประสาเด็กเหมือนสมัยที่พ่อกับแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่

นาตาชาตื้นตันใจมากที่เธอได้รับความรักและความปรารถนาดีจากแมวน้อยทั้งหลาย

ในที่สุด เด็กหญิงผู้มีจิตใจเมตตาก็ยอมทำตามความต้องการของแมวน้อยด้วยการเลิกทำงานและกลับเข้าโรงเรียนอีกครั้ง  ส่วนแมวน้อยทั้งสิบสองตัวต่างก็ดีใจมากที่พวกมันสามารถทำให้เด็กหญิงผู้มีพระคุณมีความสุขและมีชีวิตที่ดีขึ้นได้เป็นผลสำเร็จ

#นิทานนำบุญ

………………………………….

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทาน : รอยเท้าของแมวน้อย

นิทานก่อนนอนเรื่อง “รอยเท้าของแมวน้อย” เป็นนิทานก่อนนอนที่พิมพ์ในนิตยสารขวัญเรือนเมื่อนานมาแล้ว โดยผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) เป็นผู้แต่ง นิทานเรื่องนี้ เป็นนิทานที่ส่งเสริมเรื่องศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการปลูกฝังให้เด็ก ๆ มีจิตใจเมตตากรุณาต่อสัตว์เลี้ยง และมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ นิทานเรื่องนี้เคยนำไปพิมพ์เป็นหนังสือภาพกับสำนักพิมพ์ สถาพรบุ้คส์ ในชื่อ “รอยเท้าของลูกแมว” นับว่าเป็นนิทานและหนังสือภาพที่น่าสนใจมากครับ

นิทานเรื่อง รอยเท้าของแมวน้อย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงคู่หนึ่งเป็นพี่น้องกันวันหนึ่ง พวกเขาพบลูกแมวตัวหนึ่งถูกทิ้งอยู่ในกล่องกระดาษ สองพี่น้องสงสารจึงช่วยกันนำแมวน้อยกลับไปที่บ้าน

เมื่อคุณแม่ของเด็ก ๆ เห็นลูก ๆ นำลูกแมวมาที่บ้าน แม้คุณแม่จะยากจน แต่คุณแม่ก็เป็นคนใจดี ดังนั้น คุณแม่จึงยอมให้ลูก ๆ เลี้ยงแมวน้อยได้

เมื่อแมวน้อยแข็งแรงขึ้น มันก็เริ่มซุกซน แต่ไม่ดื้อรั้น เวลาเด็ก ๆ ไปช่วยคุณแม่ขายของที่ตลาดนัด แมวน้อยก็มักจะใช้หางกวาดฝุ่นภายในบ้าน เพื่อแบ่งเบาภาระของทุก ๆ คน (บางวันเจ้าแมวน้อยถึงกับคาบผ้าเปียก ๆ มาช่วยถูบ้านด้วย ทั้งนี้เพราะมันอยากตอบแทนบุญคุณที่ทุกคนดีต่อมัน)

อยู่มาวันหนึ่ง คุณแม่ป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน เมื่อคุณแม่ถึงมือหมอ สองพี่น้องก็ดูเงินที่มีอยู่ในบ้าน เด็ก ๆ พบว่าครอบครัวของพวกเขามีเงินไม่พอจ่ายค่ารักษาแน่ ๆ สองพี่น้องจึงตัดสินใจซื้อกระดาษวาดเขียนมาทำส.ค.ส. โดยช่วยกันตัดกระดาษให้ได้ขนาดตามต้องการ แล้วลงมือวาดภาพทำส.ค.ส.อย่างสุดฝีมือ หลังจากนั้น พวกเขาก็นำส.ค.ส.ไปขายที่ตลาดนัด

แต่อนิจจา! ไม่มีใครสนใจส.ค.ส.ที่พวกเขาวาดเลย เด็กทั้งสองคนผิดหวังมาก พวกเขาจึงเดินคอตกกลับมาที่บ้าน เมื่อเจ้าแมวน้อยเห็นเจ้านายของมันกำลังเศร้า แมวน้อยจึงอยากเข้าไปคลอเคลียเพื่อปลอบใจ แต่เมื่อแมวน้อยเดินตรงไปหาเด็ก ๆ แมวน้อยกลับเหยียบถาดผสมสีที่สียังไม่แห้งดี แล้วก้าวย่ำไปบนกระดาษเปล่าที่เด็ก ๆ ตัดเอาไว้ ทำให้กระดาษมีรอยเท้าแมวติดอยู่เกือบทุกแผ่น

แมวน้อยตกใจมากเพราะมันรู้ดีว่าเด็ก ๆ มีเงินซื้อกระดาษมาใช้เพียงเท่านี้ การทำให้กระดาษเป็นรอยจึงเป็นเรื่องใหญ่มาก แมวน้อยรู้สึกผิด มันจึงร้องไห้เสียงดัง “เมี๊ยว ๆ ๆ ๆ” ไม่ยอมหยุด

เมื่อเด็ก ๆ หันมาเห็นแมวน้อยร้องไห้ พวกเขาก็โกรธแมวน้อยไม่ลง สองพี่น้องจึงบอกแมวน้อยว่า “ปัญหามีไว้แก้ ไม่ใช่มีไว้กลุ้ม เรามาช่วยกันคิดหาทางแก้ปัญหาดีกว่านะ”

หลังจากนั้น เด็ก ๆ ก็ช่วยกันคิดหาวิธีแก้ปัญหา พวกเขาคิด…คิด…แล้วก็คิด ในที่สุด สองพี่น้องก็คิดว่า ถ้าพวกเขาเอากระดาษที่เปื้อนรอยเท้าแมวมาต่อเติมให้เป็นภาพ มันก็น่าจะยังคงใช้เป็นส.ค.ส.ได้ แถมเป็น ส.ค.ส. ที่มีจุดเด่น คือเป็นภาพที่เกิดจากคนกับแมวมาร่วมมือกัน

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เด็ก ๆ จึงลงมือต่อเติมรอยเท้าแมวน้อยให้กลายเป็นภาพ แล้วนำส.ค.ส.ที่แต่งเติมเสร็จไปวางขายที่แผงของพวกเขา

ครั้นเมื่อนักท่องเที่ยวมาเห็นภาพวาดและป้ายที่มีข้อความว่า ‘เชิญซื้อส.ค.ส.ฝีมือคนกับแมว’ ผู้คนก็ให้ความสนใจกันยกใหญ่ บางคนขอให้เด็ก ๆ สาธิตการวาดภาพระหว่างคนกับแมวให้ดู บางคนดูแล้วก็ให้เงินเป็นค่าตอบแทน บางคนก็ซื้อส.ค.ส.ไปเป็นที่ระลึก

เพียงคืนเดียว สองพี่น้องกับเจ้าแมวน้อยก็หาเงินได้ถึงหนึ่งพันบาท ซึ่งพอที่จะใช้เป็นค่ารักษาคุณแม่ได้

เมื่อคุณแม่หายดีแล้ว เด็ก ๆ ก็ให้คุณแม่พักผ่อน ส่วนพวกเขากับเจ้าแมวน้อยก็ช่วยกันทำส.ค.ส.ฝีมือคนกับแมวออกมาขายอีก

ในที่สุด ส.ค.ส.ฝีมือคนกับแมวก็กลายเป็นของที่ระลึกที่นักท่องเที่ยวทุกคนอยากได้มาครอบครอง ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคุณแม่และลูก ๆ ผู้มีจิตใจเมตตา (รวมทั้งเจ้าแมวน้อย) ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ

#นิทานนำบุญ

…………………………………………………

Posted in นิทานก่อนนอน, นิทานสอนใจ, นิทานสัตว์, นิทานอบ, นิทานเด็ก

แมวล่องหน

นิทานก่อนนอนเรื่อง “แมวล่องหน” เป็นหนึ่งในนิทานที่อบอุ่นหัวใจที่สุดจากคอลเลกชันนิทานนำบุญ เล่าเรื่องแมวน้อยชื่อ “ศูนย์” ที่ไม่มีใครมองเห็นตัวตน จนวันหนึ่งได้พบคนใจดีที่มอบความรักและความเมตตาให้ เรื่องราวนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างรอยยิ้มและความประทับใจ แต่ยังแฝงแง่คิดสำคัญทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้เรื่อง ความเมตตาต่อสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะแมว ส่วนผู้ใหญ่หลายคนอาจรู้สึกเชื่อมโยงกับความรู้สึกของ “ศูนย์” — ความเหงา ความโดดเดี่ยว และความต้องการใครสักคนที่มองเห็นและรักเราอย่างแท้จริง

แมวล่องหน ไม่ใช่เพียงแค่นิทานแมวธรรมดา แต่เป็นนิทานที่เต็มไปด้วยความหวังและกำลังใจ บอกเล่าว่าแม้เราจะรู้สึกว่าไม่มีใครมองเห็นตัวตนของเรา วันหนึ่งอาจมีใครบางคนที่เห็นคุณค่าและโอบกอดเราไว้ด้วยความรัก ความสัมพันธ์ที่จริงใจเพียงครั้งเดียวก็สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ เหมือนที่หญิงสาวเจ้าของร้านหนังสือเปลี่ยนชีวิตของแมวศูนย์ให้กลับมามีตัวตนอีกครั้ง

นี่คือนิทานภาพก่อนนอนที่เหมาะทั้งสำหรับ อ่านให้ลูกฟังก่อนนอน หรืออ่านเองเพื่อปลอบประโลมใจในวันที่รู้สึกเหนื่อยล้า เนื้อเรื่องดำเนินอย่างสนุก อ่อนโยน และมีตอนจบที่ทำให้หัวใจอุ่นขึ้น นิทานเรื่อง “แมวล่องหน” จะช่วยเตือนเราว่า ความรัก ความเมตตา และการเห็นคุณค่าของกันและกัน คือสิ่งที่ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น

ผมชื่อศูนย์  ผมเป็นแมวล่องหน   ผมแทบไม่มีตัวตน   แต่บางคนอาจสังเกตเห็นผมในบางเวลา

วันหนึ่ง  ผมรู้สึกว้าเหว่อย่างประหลาด  ผมคิดว่าถ้าใคร ๆ เห็นตัวผมได้ง่ายกว่านี้ บางที…ผมอาจไม่เหงาอย่างที่เป็นอยู่   ผมจึงตัดสินใจไปยังร้านตัดเสื้อในตัวเมือง แล้วบอกเจ้าของร้านว่า
“ช่างครับ ผมเป็นแมวล่องหน   ช่างช่วยตัดชุดให้ผมหน่อยได้ไหม   ผมอยากให้คนอื่นมองเห็นผมได้ง่ายขึ้น”

ช่างผู้มีงานล้นมือได้ยินเสียงของผม   แต่เขามองไม่เห็นผม   เขาทำหน้าเหนื่อย ๆ พร้อมกับพูดว่า
“ฉันมองไม่เห็นเธอ  แล้วฉันจะตัดชุดให้เธอได้ยังไง   เธอไปขอความช่วยเหลือจากคนที่เก่งกว่าฉันเถอะนะ”

ผมผิดหวังแต่ก็ทำอะไรไม่ได้   ผมจึงเดินไปยังร้านหมอ  ที่อาจจะพร้อมช่วยผมมากกว่าช่างตัดเสื้อ   “หมอครับ  ผมเป็นแมวล่องหน   หมอช่วยรักษาให้ผม   หายจากการเป็นแมวล่องหนจะได้ไหม”

คุณหมอได้ยินเสียงผม แต่มองไม่เห็นผม   คุณหมอพูดลอย ๆ ว่า   “ถ้าจะรักษาจริง ๆ   อาจต้องมีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ,   ผ่าตัดและทำอีกสารพัดวิธี   ว่าแต่เธอมีเงินจ่ายเป็นค่ารักษารึเปล่าล่ะ”

แมวน้อยอย่างผมไม่มีเงินหรอก   ผมจึงตัดใจ   แล้วเดินไปที่บ้านของแม่มดจอมคาถา   ผมคิดว่าบางทีแม่มดอาจมีคาถาฟรี ๆ   ที่พอจะช่วยเหลือผมได้บ้าง  “แม่มดครับ ผมเป็นแมวล่องหน   แม่มดช่วยร่ายคาถาให้ผม  หายจากการเป็นแมวล่องหนจะได้ไหม”  ผมเอ่ยปากขอร้องแม่มด ด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารที่สุด

แต่แม่มดไม่สนใจผมเลย  แม่มดได้แต่เปรยด้วยความเบื่อหน่ายว่า “แม่มดไม่ได้เกิดมาเพื่อช่วยเหลือครหรอกนะ   ฉันใจดีไม่พอที่จะช่วยใคร ๆ ทั้งนั้น”

ดูเหมือนว่าโอกาสที่ผมจะหายจากการเป็น  แมวล่องหนแทบจะไม่มีเลย   ผมคงต้องเหงาและเป็นแมวล่องหนแบบนี้ ไปตลอดชีวิตแน่ ๆ

ในขณะที่ผมกำลังเดินคอตกด้วยความหมดหวัง ผมเดินผ่านร้านหนังสือเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่ดูน่ารัก, อ่อนโยนและอบอุ่นที่สุด  “ในร้านจะมีหนังสือ แนะนำวิธีเปลี่ยนแมวล่องหน ให้กลายเป็นแมวปกติบ้างรึเปล่านะ”   ผมยืนลังเลอยู่ที่หน้าร้านหนังสือนานมาก  นานจนฝนเริ่มลงเม็ดเปาะแปะ   และหญิงสาวเจ้าของร้านก็สังเกตเห็นผม!    ทันทีที่เธอเห็นผม  เธอก็รีบเดินออกมาจากร้าน  แล้วอุ้มผมเข้าไปหลบฝน  โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว

พอผมตั้งสติได้ ผมจึงบอกเธอว่า   “สวัสดีครับ ผมเป็นแมวล่องหน   คุณเจ้าของร้านมีหนังสือที่พอจะช่วยให้ผมหายจากการเป็นแมวล่องหนบ้างไหม   ผมอยากให้คนอื่นมองเห็นผม   เพราะตอนนี้ผมไม่มีใครเลย   ผมเหงามากจริง ๆ”

หญิงสาวเจ้าของร้านมองผมด้วยความเอ็นดู เธอเอ่ยกับผมอย่างใจดีว่า  “ฉันไม่มีหนังสือแบบนั้นหรอก  แต่ถ้าเธอเหงาและไม่มีใคร  เธอจะมาอยู่ที่ร้านหนังสือกับฉันก็ได้นะ”

“แต่ผมไม่มีเงินจ่ายเป็นค่าที่พักหรอกนะครับ” ผมรีบบอก

หญิงสาวยิ้มแล้วจัดแจงเอาผ้าขนหนู  มาเช็ดหัวของผมที่เปียกฝนอย่างแผ่วเบา  จากนั้น เธอก็เอานมอุ่น ๆ มาเทใส่จาน   แล้วกอดผมไว้ในอ้อมอกพร้อมกับพูดว่า

“แมวน่ะตัวเล็กนิดเดียว กินก็ไม่จุ  แถมไม่ได้ใช้พื้นที่อะไรสักเท่าไหร่   ถ้าจะคิดเงินจากแมว
ก็คงใจร้ายเกินไปหน่อยแล้วล่ะ  ถ้าเหงาก็มาอยู่ด้วยกันเถอะนะ”   

ผมดีใจจนน้ำตาไหล ถ้าได้อยู่กับคนที่ใจดีแบบนี้  ผมก็คงจะไม่เหงาอีกต่อไปแล้ว

ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น   สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เพราะจู่ ๆ เนื้อตัวของแมวล่องหนอย่างผม   ก็ค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ  จนผมกลายเป็นแมวปกติ  ที่ไม่ใช่แมวล่องหนอีกต่อไป!

ความรักและความเอาใจใส่  ทำให้แมวล่องหนกลายเป็นแมวปกติ  ได้อย่างน่าอัศจรรย์   ผมดีใจเหลือเกินกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น  ผมตั้งใจจะอยู่ในร้านหนังสือเล็ก ๆ แห่งนี้   และขอมอบความรัก  ตอบแทนหญิงสาวผู้แสนดีคนนี้… ตลอดชั่วชีวิตของผม

ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :

  • ความเมตตาเพียงเล็กน้อยสามารถเปลี่ยนชีวิตใครบางคนได้
  • ความรักและการดูแลเป็นพลังที่ทำให้หัวใจและชีวิตเปลี่ยนแปลง
  • ไม่ว่าวันนี้จะเหงาแค่ไหน วันหนึ่งคุณจะพบคนที่มองเห็นตัวคุณ

#นิทานนำบุญ