มีคนจำนวนมากที่ชอบตัดสินคนจากภายนอก เช่น ตัดสินคนว่าดีหรือไม่ดีจากรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ หรือการแต่งตัวของคน ๆ นั้น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จักกันดีพอ ซึ่งการตัดสินคนจากภายนอกว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้เอง ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) จึงแต่งนิทานก่อนนอนเรื่อง อสุรกายรุงรัง เพื่อให้ข้อคิดสอนใจเด็ก ๆ ในเรื่องนี้ โดยหวังว่า นอกจากความสนุกของเนื้อเรื่อง เด็ก ๆ น่าจะได้แง่คิดดี ๆ ติดตัวไปด้วย เพื่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขต่อไป
นิทานก่อนนอนเรื่อง : อสุรกายรุงรัง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีอสุรกายตนหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำกลางป่าอย่างโดดเดี่ยว เจ้าอสุรกายตนนี้มีชื่อว่ารุงรัง มันน่าสงสารมาก เพราะไม่ว่ามันจะทำอะไร มันก็มักจะถูกผู้คนเข้าใจผิดอยู่เสมอ ๆ
ครั้งหนึ่ง ในขณะที่รุงรังเดินเล่นอยู่ในป่า มีชายหนุ่มผู้หนึ่งพลาดพลั้งติดบ่วงดักสัตว์เข้า เมื่อรุงรังไปพบ มันจึงตั้งใจจะช่วยแก้บ่วงให้ แต่ทันทีที่ชายหนุ่มเห็นอสุรกายร่างยักษ์โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ ชายหนุ่มก็ตกใจจนสลบ และเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ชายหนุ่มก็กลับไปเล่าให้ใครต่อใครฟังว่า เขาถูกอสุรกายกระหายเลือดทำร้าย แต่โชคดีที่เขารอดชีวิตมาได้อย่างไม่คาดฝัน!
นับจากวันนั้น รุงรังก็กลายเป็นอสุรกายที่ผู้คนหวาดกลัวจนหัวหด ไม่ว่าจะเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรขึ้น ผู้คนก็มักจะกล่าวหาว่ารุงรังเป็นผู้ก่อการทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง โจรบางคนจึงถือโอกาสขโมยสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน แล้วป้ายความผิดให้รุงรังอย่างน่ารังเกียจ
แม้รุงรังจะถูกกล่าวหาอยู่บ่อย ๆ แต่มันก็ไม่เคยนึกโกรธคนเหล่านั้นเลย ในทางตรงกันข้าม มันกลับคิดว่าหากมันทำความดีไปเรื่อย ๆ สักวัน…ชาวบ้านก็คงเข้าใจมันมากกว่านี้ แต่เนื่องจากผู้คนยังหวาดกลัวมันอยู่ รุงรังจึงจำต้องช่วยเหลือผู้คนโดยไม่ให้ใคร ๆ ได้รู้
ทุกวัน รุงรังจะช่วยผู้คนด้วยการแอบไล่สัตว์ร้ายไม่ให้พวกมันทำอันตรายชาวบ้านที่เดินทางผ่านป่า ส่วนในตอนกลางคืน รุงรังก็จะย่องไปยังกำแพงเมือง แล้วใช้คุณสมบัติพิเศษของอสุรกายที่สามารถกินอะไรเป็นอาหารก็ได้ จัดการกินขยะต่าง ๆ เพื่อตัดปัญหาไม่ให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรค รุงรังพยายามช่วยเหลือชาวเมืองอย่างเต็มที่ แต่จนแล้วจนรอด ผู้คนก็ยังคงคิดว่ารุงรังเป็นอสุรกายที่ชั่วร้ายไม่แปรเปลี่ยน
คืนวันหนึ่ง มีคนบังเอิญเห็นรุงรังมาเดินอยู่ที่กำแพงเมือง เช้าวันต่อมา ข่าวเรื่องอสุรกายที่มาป้วนเปี้ยนเพื่อดักกินคนก็แพร่สะพัดไปทั่ว ชาวบ้านต่างหวาดกลัวรุงรังจนไม่กล้าออกไปไหน พระราชาจึงต้องตัดสินใจส่งอัศวินไปจัดการกับอสุรกายที่หมายจะทำอันตรายราษฎรของพระองค์โดยด่วน
หลังจากที่อัศวินของพระราชาออกเดินทางไปได้สักพัก พระราชาก็ทรงได้ข่าวว่า มีกองทัพของฝ่ายข้าศึกสามประเทศ รวมพลังกันมาล้อมเมืองของพระองค์เอาไว้ ซึ่งจากการคาดคะเน ทหารของฝ่ายข้าศึกน่าจะมีมากกว่าทหารของพระองค์ไม่น้อยกว่าสิบเท่า
พระราชาทรงตกใจมากต่อจำนวนทหารของฝ่ายข้าศึก เพราะหากทหารของพระองค์หนึ่งคนต้องสู้กับทหารของข้าศึกถึงสิบคน ไม่ว่าจะใช้วิธีใด กองทัพของพระองค์ก็คงไม่อาจต้านทานกำลังของข้าศึกไปได้ พระราชาจึงได้แต่ทำใจและรอเวลาที่ศัตรูจะบุกเข้ามายึดเมือง
วันต่อมา พระราชาทรงเฝ้ารอกองทัพฝ่ายข้าศึกตั้งแต่เช้าตรู่ แต่จนแล้วจนรอด พระองค์ก็ไม่เห็นวี่แววของกองทัพข้าศึกเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่พระราชาทรงนึกสงสัยอยู่นั้น ทหารจากชายแดนก็มาส่งข่าวว่า กองทัพข้าศึกทั้งสามประเทศได้แตกสลายไปจนหมดสิ้นแล้ว!
พระราชาทรงแปลกใจถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่เมื่ออัศวินที่พระองค์ส่งไปจัดการกับเจ้าอสุรกายกลับมาขอเข้าเฝ้า พระองค์ก็ทรงเข้าใจเรื่องทั้งหมดโดยกระจ่าง
อัศวินเล่าให้พระราชาฟังว่า หลังจากที่เขาสะกดรอยตามเจ้าอสุรกายเพื่อหาโอกาสจัดการกับมันตามคำสั่ง เขาก็พบว่าเจ้าอสุรกายได้แอบไปยังค่ายทหารฝ่ายข้าศึก ซึ่งเมื่อเหล่าทหารหลับกันหมด เจ้าอสุรกายก็ย่องเข้าไปในค่ายแล้วกินอาวุธทั้งหลายจนไม่เหลือเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ครั้นเมื่อทหารฝ่ายข้าศึกตื่นขึ้นมาเห็นอสุรกายที่ตัวโตกว่ามนุษย์ถึงสามเท่าแถมมีขนสีเขียวปกคลุมไปทั้งตัว ทหารเหล่านั้นก็ตกใจและรีบเผ่นกลับประเทศไปอย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อพระราชาทรงได้ฟังรายงานจากอัศวิน พระองค์ก็ทรงตระหนักว่ารุงรังไม่น่าจะเป็นอสุรกายที่ชั่วร้ายดังที่ใคร ๆ คิด เพราะนอกจากมันจะช่วยบ้านเมืองให้รอดพ้นจากอันตรายแล้ว มันก็ยังไม่เคยทำร้ายผู้คนเลยแม้สักครั้ง พระราชาทรงนึกสงสัยอะไรบางอย่าง พระองค์จึงตัดสินใจเดินทางไปหารุงรังที่ถ้ำกลางป่า
ทันทีที่รุงรังเห็นพระราชาเสด็จมาหา มันก็รีบออกจากถ้ำแล้วคุกเข่าต้อนรับพระองค์อย่างนอบน้อม เมื่อพระราชาทรงขอให้รุงรังสารภาพว่ามันเป็นเป็นอสุรกายที่ดีหรือร้ายกันแน่ รุงรังจึงชี้แจงเรื่องต่าง ๆ ให้พระราชาได้ทราบตั้งแต่ต้น
เมื่อพระราชาได้ฟังความจริงจากปากของรุงรัง พระราชาก็ทรงรู้สึกสงสารรุงรังที่ถูกเข้าใจผิดมาโดยตลอด พระราชาทรงขอโทษรุงรังแทนทุก ๆ คน จากนั้น พระองค์ก็สั่งให้ทหารนำความจริงทั้งหมดไปเล่าให้ชาวบ้านได้รับรู้
ไม่นานนัก ผู้คนที่เคยหวาดกลัวรุงรังก็รู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พวกเขาคิด มิหนำซ้ำ มันยังมีน้ำใจคอยแอบช่วยพวกเขาอยู่เสมอ ๆ
รุงรังดีใจมากที่พระราชาและทุก ๆ คนเข้าใจมันจนได้ หลังจากนั้นไม่นาน อสุรกายที่ใคร ๆ เคยหวาดกลัวก็กลับกลายเป็นสมาชิกใหม่ที่ทุกคนพากันรุมรัก
ในที่สุด รุงรังก็กลายเป็นที่รักของชาวเมืองทั้งหมดและมันก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอีกต่อไป
#นิทานนำบุญ
………………………

One thought on “นิทานก่อนนอนเรื่อง : อสุรกายรุงรัง”