นิทานก่อนนอนเรื่อง ความรักของหุ่นไล่กา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหุ่นไล่กาตัวหนึ่งยืนตากแดดตากฝนเฝ้านาโดยไม่เคยปริปากบ่น แม้มันจะเหนื่อยที่ต้องคอยไล่อีกาซึ่งชอบเข้ามาขโมยกินข้าวในนา แต่หุ่นไล่กาก็ตั้งใจทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เพราะมันรักงานของมัน และที่สำคัญ…มันแอบหลงรักลูกสาวชาวนาซึ่งเป็นผู้หญิงที่ขยันขันแข็งและมีนิสัยแสนน่ารัก
บ่อยครั้งที่หุ่นไล่กาเผลอมองลูกสาวชาวนาจนเหล่าอีกาเริ่มรู้สึกผิดสังเกต ครั้นเมื่อพวกอีกาจอมเจ้าเล่ห์ทราบว่าหุ่นไล่กาแอบหลงรักหญิงสาวผู้เป็นมนุษย์ เหล่าอีกาจึงวางแผนหลอกหุ่นไล่กาให้ออกไปจากนา เพื่อที่พวกมันจะได้ขโมยกินข้าวได้อย่างสบายใจไร้ปัญหา
อีกาตัวหนึ่งเคยบินผ่านป่าเวทมนตร์และพบบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถเนรมิตให้สิ่งไม่มีชีวิตกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เมื่ออีการู้ว่าหุ่นไล่กาหลงรักลูกสาวชาวนา พวกมันจึงแกล้งบินคุยกันให้เสียงดังไปเข้าหูของหุ่นไล่กาว่า “ในป่าเวทมนตร์ทางตะวันตก มีบ่อน้ำที่เนรมิตให้สิ่งไม่มีชีวิตกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ถ้าใครมีรักแท้ต่อมนุษย์ก็น่าจะลองเดินทางไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ดูนะ”
คำพูดของอีกาทำให้หุ่นไล่กาหูผึ่ง ถ้ามันกลายเป็นมนุษย์ได้จริง บางทีมันอาจมีโอกาสได้ทำความรู้จัก, พูดคุยหรือคบหากับหญิงสาวที่มันรักก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ หุ่นไล่กาจึงวางแผนออกเดินทางไปยังป่าเวทมนตร์ในตอนกลางคืน (ซึ่งพวกอีกาคงหลับแล้ว) และตั้งใจจะรีบกลับมาเฝ้านาให้ทันก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น
อนิจจา! หุ่นไล่กาไม่รู้เลยว่ามันหลงกลของเหล่าอีกาเข้าให้เสียแล้ว เพราะหนทางไปยังป่าเวทมนตร์และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นเส้นทางที่ไกลแสนไกล คนธรรมดาที่มีขาก้าวเดินยังต้องใช้เวลา นานเป็นวันกว่าจะไปถึงได้ แต่หุ่นไล่กามีร่างกายทำจากฟางและไม่มีขาในการก้าวย่าง มันจึงได้แต่ขยับตัวทีละนิด ๆ และมีเพียงพลังใจเท่านั้นที่ทำให้มันเคลื่อนที่ไปได้ ด้วยเหตุนี้เอง หุ่นไล่กาจึงใช้เวลานานถึง 10 ชั่วโมงกว่าที่มันจะไปถึงทางเข้าป่า ซึ่งในเวลานั้น เหล่าอีกาก็ตื่นนอนและบินไปขโมยกินข้าวในนาได้อย่างสบายใจเสียแล้ว
แม้หุ่นไล่กาจะใช้เวลาเดินทางมากกว่าที่มันคิด แต่มันก็ไม่ยอมท้อถอย มันยังคงเดินทางเข้าป่าต่อไปทั้ง ๆ ที่มีอุปสรรคมากมายรอมันอยู่ เวลาผ่านไปนาน 3 วัน 3 คืน ในที่สุด หุ่นไล่กาก็ไปถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และกลายร่างเป็นมนุษย์ได้สำเร็จดังที่มันตั้งใจเอาไว้
ครั้นเมื่อหุ่นไล่กาเดินทางออกจากป่าเวทมนตร์ในฐานะของชายพเนจร เขาก็รีบตรงกลับไปยังนาข้าวด้วยความรู้สึกผิดที่ละทิ้งหน้าที่
ทันทีที่ชายหนุ่มไปถึงนา เขาก็พบว่ามีอีกานับร้อย ๆ ตัวบินลงมาขโมยกินข้าว โดยที่พ่อกับแม่และหญิงสาวได้แต่นั่งกุมขมับอย่างหมดสิ้นหนทางที่จะขับไล่อีกาเหล่านั้นให้ออกไปจากนาได้
ชายหนุ่มรู้สึกผิดมาก เขาจึงรีบเข้าไปในนา แล้วจัดการรวบรวมฟางข้าวที่มีอยู่ทั้งหมด นำมาทำเป็นหุ่นไล่กาตัวใหญ่ยักษ์สำหรับใช้ไล่ฝูงกาโดยเฉพาะ
ไม่มีใครทำหุ่นไล่กาได้เก่งเท่ากับอดีตหุ่นไล่กาอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เมื่อฝูงกาเห็นหุ่นไล่กาที่มีหน้าตาถมึงทึงดูน่ากลัว พวกมันจึงรีบบินหนีและรู้สึกสยองขวัญจนไม่กล้าเข้าใกล้ที่นาผืนนี้อีก
พ่อกับแม่และหญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ใจหนึ่ง…ทุกคนทึ่งกับความสามารถอันแสนวิเศษของชายแปลกหน้าที่ไล่อีกาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่อีกใจหนึ่ง…พวกเขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับชายแปลกหน้าผู้นี้อย่างประหลาด
อย่างไรก็ตาม เมื่อชายพเนจรไล่อีกาทั้งหมดไปแล้ว พ่อกับแม่และหญิงสาวจึงชวนชายหนุ่มกินข้าวเพื่อเป็นการตอบแทน ครั้นเมื่อชายหนุ่มกินข้าวจนอิ่ม เขาก็อาสาปลูกข้าวให้ชาวนาเพื่อเป็นการขอบคุณ
พ่อกับแม่และหญิงสาวเห็นว่าชายหนุ่มมีเจตนาดีจึงอนุญาต ครั้นเมื่อทุกคนเห็นชายหนุ่มทำงานในนาด้วยความขยันขันแข็ง พวกเขาก็ยิ่งประทับใจชายหนุ่มมากขึ้นไปอีก
ในเวลาต่อมา เมื่อพ่อกับแม่และหญิงสาวทราบว่าชายหนุ่มเป็นคนพเนจร…ไม่มีบ้านและครอบครัว พวกเขาจึงชวนให้ชายหนุ่มมาพักอาศัยด้วย
ชายหนุ่มดีใจที่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตในบ้านเดียวกับหญิงสาว เขาจึงอาสาดูแลนาและช่วยทำงานต่าง ๆ อย่างเต็มที่
เวลาผ่านไปราว 3 ปี ชายหนุ่มดูแลนาด้วยความขยันขันแข็งคงเส้นคงวา ในขณะเดียวกัน เขาก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับหญิงสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อกับแม่ของหญิงสาวเห็นว่าชายหนุ่มเป็นคนดีและเป็นที่พึ่งของลูกสาวได้ ท่านทั้งสองจึงตัดสินใจยกลูกสาวให้แต่งงานกับชายหนุ่ม
ชายหนุ่มดีใจที่เขาได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่ของหญิงสาว แต่เขาไม่แน่ใจว่าหญิงสาวจะมีใจให้เขาบ้างหรือไม่ ครั้นเมื่อพ่อกับแม่ถามความสมัครใจของลูกสาวสุดที่รัก หญิงสาวก็ได้แต่อายจนหน้าแดง แล้วตอบตกลงแต่งงานกับชายหนุ่มซึ่งเธอเองก็แอบมีใจให้มานานแล้ว
ในที่สุด ความรักของชายหนุ่มผู้เคยเป็นหุ่นไล่กาก็สมหวัง เขาพยายามดูแลหญิงสาวเป็นอย่างดี และทั้งคู่ก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสืบมา
#นิทานนำบุญ
