Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานเรื่องพิเศษ : โตขึ้นฉันจะเป็นเด็ก

หลายปีก่อน ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) มีโอกาสได้เขียนโครงบทละครเรื่องนึง ชื่อเรื่องว่า”โตขึ้น…ฉันจะเป็นเด็ก”  ละครเรื่องนี้เป็นโครงการทำละครประกอบดนตรีจากวงออเคสตร้า ซึ่งหลังจากหานักเขียนบทหลายต่อหลายคน ปรากฏว่าหาคนแต่งเรื่องที่ลงตัวไม่ได้ ตอนนั้น จู่ๆ งานนี้ก็หล่นตุ้บมาที่ผม ซึ่งปกติไม่รับงานใด ๆ  เพราะแค่คิดนิทานขวัญเรือนเดือนละ 2 เรื่องก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่พอดีช่วงนั้น ผมสมัครเรียนป.โท การศึกษาปฐมวัย เลยจำเป็นต้องหาเงิน สรุปคือ ผมรับที่จะคิดเรื่องให้ลูกค้า แต่ในใจลึก ๆ ก็กลัวว่าเรื่องจะไม่ผ่าน เพราะปกติส่งงานแค่ที่ขวัญเรือน เลยไม่รู้ว่าถ้าทำงานให้ที่อื่น เขาจะชอบไหม
…..
ผมมีเวลาคิดเรื่องไม่กี่วัน แต่ด้วยความฟิต เลยคิดไปให้เขาเลือกถึง 2 เรื่อง  ปรากฏว่า ลูกค้าชอบทั้ง 2 เรื่อง (ตกใจเลย) พอเขาถามราคา ผมบอกว่า “ไม่รู้ เพราะปกติได้เรื่องละ 2 พัน” ตอนนั้น พี่ที่ทำงานนี้บอกว่า  “ที่นี่ ให้ค่าเรื่อง 5 หมื่น” ผมตกใจ ไม่เคยคิดว่าแค่คิดจะได้ราคาขนาดนี้ แต่พี่เขาบอกว่า “มันเป็นราคาของงานแบบนี้”
……
หลังจากคิดเรื่องเสร็จ ผมคิดว่าเสร็จงานแล้ว ปรากฏว่า ทางลูกค้าขอให้เขียนโครงบท และ แต่งโครงเพลง เพื่อเตรียมไปทำดนตรี  เจี๊ยก! เกิดมาเคยแต่งแต่เพลงจิ้งจก เพลงร้องเล่นตลก ๆ  เลยเครียดไปเลย  แต่ก็ทำ สุดท้าย ได้เพลงออกแนวแร็พๆมาประมาณนึง ซึ่งต้องลองแสดงให้ทางทีมดู และเขาก็ชอบกัน   แต่เมื่อเวลาผ่านไป จู่ ๆ โครงการก็มีความจำเป็นต้องยุบ งดการแสดง เพราะช่วงนั้นเมืองไทยมีกีฬาสีรุนแรง สปอนเซอร์ไม่เข้า คนไม่ซื้อตั๋ว ผลก็คือ เจ้าของโครงการโทรมาแจ้งว่า จำเป็นต้องล้มโครงการ และจำเป็นต้อง งดจ่่ายค่าเรื่อง!
……
เวลาผ่านมาเกือบ 10 ปี โครงบทและนิทานที่ผมเขียนไว้ น่าจะยังไม่มีใครได้อ่าน (นอกจากทีมงานตอนนั้น) เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบอายุ  50 ปีของผม (11 กรกฎา) ผมจึงนำนิทานเรื่องนี้ มาให้อ่านกันครับ  นิทานเรื่องนี้น่าจะเป็นนิทานก่อนนอนเรื่องยาว ๆ ที่ยาวที่สุดที่เคยเขียน และผมได้นำท่อนแร๊พที่เขียนในโครงบทละครมาใส่ด้วย   ถ้าออกเสียงวรรณยุกต์ได้ถูก  เช่น ปู้ดป้าด  ปูดปาด ปู๊ดป๊าด (สามคำนี้ออกเสียงไม่เหมือนกัน) การอ่านจะสนุกมาก  ขอให้มีความสุขในการอ่านและการกลับไปเป็นเด็กนะครับ

นิทานก่อนนอนเรื่องพิเศษ : โตขึ้นฉันจะเป็นเด็ก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพ่อมดน้อยตนหนึ่งชื่อว่า “เบน” 

เบนอาศัยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นพ่อมดและแม่มดที่คอยดูแลเด็ก ๆ ในดินแดนเวทมนตร์ ก่อนที่จะเด็ก ๆ เหล่านั้นจะโตพอในการเข้าเรียนวิชาต่าง ๆ ที่โรงเรียนพ่อมดแม่มด   การดูแลเด็ก ๆ เป็นงานที่ต้องเอาใจใส่  แต่บางครั้งที่คุณพ่อคุณแม่ของเบนติดธุระจริง ๆ ท่านทั้งสองก็อาจ จำเป็นต้อง ฝากให้เบน ซึ่งเป็นเด็กที่โตที่สุดในกลุ่มเด็กทั้งหลาย ช่วยดูแลเด็กคนอื่น ๆ ให้

การดูแลและเล่นกับเด็กที่อายุน้อยกว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากสำหรับเบน  เบนรู้สึกว่าน้องมดทั้งหลายชอบทำแต่เรื่องที่ไร้สาระ เช่น ถามนั่นถามนี่….เดี๋ยวฉี่เดี๋ยวตด….ทำสลดร้องไห้…ปีนป่ายเหมือนลิง….นั่งนิ่งเป็นหลับ….พอขยับเป็นซน…วิ่งวนหนวกหู….เป่าฟองสบู่เต็มบ้าน…ให้เล่านิทานซ้ำ ๆ ๆ ๆ ๆ

เบน อดทนดูแลน้องมดอยู่หลายชั่วโมง  แต่ตลอดเวลา…น้อง ๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำเรื่องติงต๊องชวนให้รำคาญเลย  และเมื่อน้องมดทั้งหลายนึกสนุกสร้างฟองสบู่ลูกเล็กลูกใหญ่แล้วปล่อยให้ลอยไปทั่วทั้งห้อง  จนกระทั่งมีลูกโป่งฟองสบู่ลูกหนึ่งลอยมาแตกโพร๊ะที่หน้าของเบน  ความอดทนของเบนก็หมดลง

“ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ดป้าด             เด็กทุกคน          ซนเหมือนพยาธิ

ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ดป้าด             อึไม่เป็นที่           แถมฉี่เรี่ยราด

ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ดป้าด             มาขอขี่หลัง        อย่างกับเราเป็นทาส

ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ดป้าด             ให้เล่านิทาน       ซ้ำทั้งปีทั้งชาติ

ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ดป้าด             ขี้มูกไหลย้อย      คอยสูดฟืดฟาด

ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ดป้าด             เล่นเกมทั้งวัน     มันน่าเอาไม้ฟาด 

ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ดป้าด             พอเรียกอาบน้ำ แหม ! ทำเป็นยืดยาด

ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ดป้าด             แต่ที่น่าสลด       คือชอบตดปู้ดป้าด”

(กดฟังวิธีการอ่านออกเสียงได้เลยครับ)

คืนวันนั้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่กลับมาที่บ้าน  เบนจึงบอกกับคุณพ่อคุณแม่ว่า   “พ่อครับแม่ครับ เบนไม่อยากดูแลน้อง ๆ มดแล้วล่ะครับ  พวกเด็ก ๆ เนี่ย น่าเบื่อชมัด  เบนโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ  น่าจะให้เบนไปเรียนวิชาเวทมนตร์กับผู้ใหญ่ได้แล้ว  เบนไม่อยากเป็นเด็กแล้ว เป็นเด็กไม่เห็นดีตรงไหนเลย”

คุณพ่อกับคุณแม่ของเบนพยายามบอกให้เบนเข้าใจว่าการเป็นเด็กนั้นดีอย่างไร แต่เบนไม่ฟัง เขาเอาแต่โวยวายขอให้คุณพ่อคุณแม่พาไปเรียนวิชาเวทมนตร์กับผู้ใหญ่เสียที  เบนงอแงไม่หยุดจนท้ายที่สุด  คุณพ่อกับคุณแม่ต้องรับปากจะพาเบนไปเรียนวิชาเวทมนตร์ในวันรุ่งขึ้น

……….

เช้าวันต่อมา  คุณพ่อพาเบนไปที่โรงเรียนพ่อมด  เบนดีใจมากที่เขาจะได้เรียนวิชาเพื่อเป็นพ่อมดเต็มตัวเสียที

แต่เมื่อเบนไปถึงโรงเรียนและเข้าไปในห้องเรียนของพ่อมด  เขาก็พบว่าห้องเรียนพ่อมดเป็นห้องที่มืดทะมึนน่ากลัวสยดสยองนองน้ำตาและน่าระทึกขวัญสั่นประสาทราวกับเป็นบ้านผีสิงที่คละคลุ้งไปด้วยหมอกควันแห่งความชั่วร้ายจนหัวใจเต้นตึกตักตึกตักตึกตักและเต็มไปด้วยพ่อมดที่มีแววตาโหดเหี้ยมเย็นชาเหมือนไอติมที่ขั้วโลกเหนืออยู่เต็มห้องไปหมด  เบนขาสั่นพั่บ ๆ ๆ ๆ ด้วยความกลัว  แต่สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ กลับไม่ใช่บรรยากาศของห้องเรียนหรือพ่อมดทั้งหลาย  แต่มันเป็นแผนการร้ายที่เหล่าพ่อมดตั้งใจใช้เวทมนตร์กระทำต่อมนุษย์  เช่น  ตัดสายเบรครถยนต์….ผลักคนตกหน้าผา….ขว้างปาด้วยระเบิด…ส่งไปเกิดด้วยอาวุธ….แอบฉุดให้จมน้ำ…แถมซ้ำด้วยยาพิษ….สะกดจิตให้ตกส้วม….ปล่อยน้ำท่วมจนวุ่นวาย….แล้วเสกหนังควายให้เข้าท้อง

เบนไม่ชอบแผนการที่พ่อมดทั้งหลายคิดจะทำเอาเสียเลย  ทำไมพ่อมดจะต้องเอาเวทมนตร์ไปใช้ทำร้ายคนทั่วไปด้วยนะ หัวใจของพ่อมดทำด้วยอะไร  ทำไมถึงได้ร้ายกาจกันนัก  เบนรู้สึกผิดหวังกับการเรียนการสอนในห้องเรียนพ่อมดมาก  เขาหดหู่ถึงกับไข้ขึ้น และเมื่อเขากลับไปที่บ้าน เขาจึงบอกกับคุณแม่ว่า เขาขอย้ายไปเรียนที่โรงเรียนแม่มดแทนได้ไหม?

“ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด….ปาด             ห้องเรียนพ่อมด              ดูค่อนข้างประหลาด       

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด….ปาด             มันมืดสลัว                     ชวนให้ใจหวั่นหวาด 

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด….ปาด             มีกลิ่นความชั่ว               ลอยอยู่ทั่วอากาศ

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด….ปาด             และเหล่าพ่อมด              ที่วางแผนอุกอาจ

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด….ปาด             พ่อมดวางแผน               เสกปืนกลยิงกราด

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด….ปาด             เนรมิตมีดสั้น                  ฟันคนจนเป้าขาด

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด….ปาด             ใช้คุณไสย                     เสกไฟเผาตลาด

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด…..ปาด             พ่อมดใจร้าย                  เบนขอลาขาด”

………

วันต่อมา คุณแม่จึงพาเบนไปที่โรงเรียนแม่มดและพาเข้าไปในห้องเรียนที่แม้จะมีหม้อต้มยาขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลายต่อหลายใบ แต่มันก็ดูสงบสุข ปลอดโปร่งโล่งสบาย มีหน้าต่างระบายอากาศ ไม่ทึบทึมน่ากลัวแบบห้องเรียนของพ่อมด  เบนคิดในใจว่าการเรียนการสอนของแม่มดคงน่ารักน่าเรียนกว่าพวกพ่อมดแน่ ๆ  แต่อนิจจา! เบนคิดผิด เพราะทันทีที่แม่มดทั้งหลายเข้ามาในห้องเรียน ห้องเรียนที่เคยเงียบสงบก็จ๊อกแจ๊กจอแจด้วยเสียงหัวเราะฮิฮิฮะฮะแหลมบาดหู แถมเครื่องปรุงยาสารพัดชนิดที่แม่มดทั้งหลายนำมา เช่น  ตุ๊กแกจากนรก…คางคก อเวจี…ไส้หมีโคอาล่า…ลูกนัยตาแมลงสาบ….ตะขาบร้อยขา….หมาบ้าสามหัว….“ผัวผัว”ชะนีคลั่ง….ละมั่งเจ็ดเขา….เห็บเหาหูดหอย….แล้วก็ค้างคาวน้อยกระหายเลือด

แค่เห็นเครื่องปรุงยาที่น่าขยะแขยง  เบนก็ผะอืดผะอมจนทนแทบจะไม่ไหว  ครั้นเมื่อเขาได้ฟังพวกแม่มดคุยกันว่าจะปรุงยาไปทำร้ายผู้คนซึ่งร้ายกาจไม่แพ้พวกพ่อมด  เบนก็ถึงกับสลดหดหู่ เพราะไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ใจร้ายกันนัก  เมื่อเบนกลับบ้าน เขาจึงบอกกับคุณแม่ว่า เขาขอย้ายไปเรียนกับพ่อมดแม่มดที่มีอายุไม่ต่างจากเขามากนักจะได้ไหม?

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด…ปาด             ห้องเรียนแม่มด              ดูช่างสะอาด

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด…ปาด             มีหม้อต้มยา                   และที่จอดไม้กวาด

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด…ปาด             ข้าวของในห้อง               ก็วางไม่เกลื่อนกลาด

ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ด…ป้าด             แถมเปิดหน้าต่าง            รับแสงจากธรรมชาติ

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด…ปาด             แม่มดแต่ละตน               สวยงามผุดผาด

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด…ปาด             หอบของมาด้วย              ใส่ไว้ในกระจาด

ปู้ดป้าด ปู้ดป้าด ปูด….ปาด             มีค้างคาวงู นกหนู           เขียดปาด

ปู้ดป้าด ปูดปาด ปู้ด….ป้าด              แม่มดเตรียมไว้               ใช้ทำยาพิฆาต

……….

วันต่อมา  คุณพ่อคุณแม่ของเบนจึงส่งลูกชายไปเรียนที่โรงเรียน “วัยรุ่นมด”  โรงเรียนวัยรุ่นมดเป็นโรงเรียนของพ่อมดแม่มดที่เพิ่งพ้นวัยเด็กมาได้ไม่นาน  โรงเรียนและห้องเรียนจึงตกแต่งด้วยสีสันที่สดใสน่าเรียนสมวัย  และสิ่งที่เรียนก็ไม่ร้ายกาจแบบเลือดตกยางออกเหมือนที่พวกผู้ใหญ่เค้าเรียนกัน  เบนรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้เข้ามาในโรงเรียนวัยรุ่นมด  แต่หลังจากเขาฟังวัยรุ่นมดคุยกันได้สักพัก  เขาก็พบว่า แม้สิ่งที่วัยรุ่นมดทำจะไม่รุนแรงแบบพ่อมดแม่มด แต่มันก็เป็นการแกล้งหรือทำร้ายผู้คนอย่างไม่เหมาะสม เช่น เอาหมากฝรั่งแปะหัว….จับโรยตัวด้วยหมามุ่ย…ขุดคุ้ยเรื่องมาแฉ….ฟ้องแม่เรื่องจีบหญิง…เอาเกงลิงมาตัดเป้า….ปาเหาใส่ที่ผม…จับดมถุงเท้าเหม็น ๆ….เอานิ้วเค้นสิวให้แตก….ใช้หมัดกระแทกจนอึไหล….ดีดไหล่จนกว่าจะบวม….เอาน้ำส้วมมาราดตัว….เขวี้ยงหัวด้วยก้อนขี้…แล้วบูลลี่ให้ร้องไห้ เฮ้อ….

เบนทนความร้ายกาจของวัยรุ่นมดไม่ไหว  เขาวิ่งออกจากโรงเรียนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เขาวิ่งไปนั่งร้องไห้ที่ใต้ต้นไม้ในท้องทุ่ง โดยรู้สึกผิดหวังมากที่จิตใจของเหล่าพ่อมดแม่มดเต็มไปด้วยความร้ายกาจจนเขาไม่อยากจะเติบโตไปเป็นคนเช่นนั้น

“ปู้ดป้าด  ปูดปาด  ปู๊ด…ป๊าด           ห้องวัยรุ่นมด                  ทาสีสด จี๊ดจ๊าด

ปู้ดป้าด  ปูดปาด  ปู๊ด…ป๊าด           วัยรุ่นวัยคะนอง               ชอบร้องกรี๊ดกร้าด

ปู้ดป้าด  ปูดปาด  ปู๊ด…ป๊าด           แถมขี่ไม้กวาดซิ่ง            แว๊นซ์ติ่งปรู๊ดปร๊าด

ปู้ดป้าด  ปูดปาด  ปู๊ด…ป๊าด           แต่งตัวโป๊ ๆ                    โอ้วโหววว ซี๊ดซ้าดดดด

ปู้ดป้าด  ปูดปาด  ปู๊ด…ป๊าด           วัยรุ่นมดหมั่นเพียร          ขยันเรียน WORK HARD

ปู้ดป้าด  ปูดปาด  ปู๊ด…ป๊าด           เอ๊ะนั่นทำอะไร                โยนไฟใส่น้ำมันก๊าด

ปู้ดป้าด  ปูดปาด  ปู๊ด…ป๊าด           แอบเหยาะยาถ่าย           ในคุ้กกี้เค้กทาร์ต

ปู้ดป้าด  ปูดปาด  ปู๊ด…ป๊าด           ดัดแปลงมือถือ               ให้ระเบิดตอนชาร์ท! เฮ้ย….ทำอะไรกัน”

เบนสับสนและร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด  เขาร้องไห้อยู่นาน  นานจน…มีใครบางคนเดินเข้ามาหาและยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้เขาโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว

เมื่อเบนสังเกตเห็น  เขาก็เงยหน้ามอง และพบว่าคนที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาก็คือน้องมดคนหนึ่งในบรรดาเด็ก ๆ ที่เขาเคยดูแลนั่นเอง  แต่นอกจากน้องมดที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาแล้ว  น้อง ๆ มดคนอื่น ๆ ก็ยืนมองให้กำลังใจเบนกันโดยถ้วนหน้า  น้องมดบางคนยื่นดอกไม้ที่เก็บมาจากริมทางส่งให้เบนเป็นกำลังใจ  บางคนแบ่งขนมในมือให้เบนด้วยความเป็นห่วง  บางคนยื่นตุ๊กตาตัวโปรดให้เบน เผื่อว่ามันจะช่วยอะไรเบนได้บ้าง ส่วนน้องมดตัวจิ๋ว 2-3 คนที่ไม่รู้จะให้อะไรเบน ก็เดินตรงเข้าหาเบนแล้วกอดเบนด้วยความรัก

หัวใจที่น่ารักและอ่อนโยนของพ่อมดแม่มดน้อยทั้งหลายทำให้เบนสัมผัสได้ว่า จริง ๆ แล้ว…หัวใจของพ่อมดแม่มดไม่ได้ร้ายกาจมาตั้งแต่เกิด  มิหนำซ้ำ หัวใจของพ่อมดแม่มดตอนที่ยังเป็นเด็ก มันบริสุทธิ์สดใสโดยไม่ได้เจือความเลวร้ายใด ๆ เอาไว้เลย การเล่นอะไรต่าง ๆ ที่น้อง ๆ มดเคยเล่นให้รำคาญ แท้จริงแล้วก็เป็นการเล่นสนุกอย่างซื่อ ๆ ตามประสาเด็กเท่านั้น  ไม่ได้มีสิ่งใดที่ไม่ดีเลยแม้แต่น้อย

ด้วยเหตุนี้ เบนจึงบอกกับตัวเองว่า “ถ้าเราดูแลหัวใจของพ่อมดแม่มดน้อย ๆ เหล่านี้ไว้ให้ดี รวมทั้งหัวใจของตัวเราเองด้วย  พอเราโตขึ้น…เราก็น่าจะเป็นพ่อมดแม่มดรุ่นใหม่ที่ยังคงมีหัวใจอันดีงามและไม่นำวิชาเวทมนตร์ไปทำร้ายใคร ๆ อย่างที่เป็นอยู่” 

เบนรับผ้าเช็ดหน้าจากน้องมดมาเช็ดน้ำตา พลางขอบคุณน้อง ๆ ที่มาให้กำลังใจ  หลังจากนั้น เขาก็ยิ้มให้กับทุก ๆ คนแล้วพูดว่า “น้อง ๆ  มดที่รัก นับจากวันนี้พวกเรามาเติบโตไปพร้อม ๆ กันนะ  แต่เราจะไม่โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่น่ากลัวนะ  เราจะโตไปเป็นเด็ก เป็นพ่อมดแม่มดที่มีหัวใจอันงดงามแบบเด็ก ๆ ตลอดไป”

เมื่อเบนพูดจบ เขาก็เป็นหัวโจกชวนน้อง ๆ เป่าฟองสบู่เล่นกันในท้องทุ่ง และเมื่อเบนใช้หัวใจของความเป็นเด็กในการเล่นเป่าฟองสบู่  เขาก็เอาประสบการณ์การเล่นฟองสบู่ที่มีมาตั้งแต่เป็นเด็กตัวจิ๋วสร้างฟองสบู่ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์จนน้อง ๆ มดทุกคนพากันร้อง “อู้หู” ด้วยความตื่นตาตื่นใจไปตาม ๆ กัน

#นิทานนำบุญ

………………

One thought on “นิทานเรื่องพิเศษ : โตขึ้นฉันจะเป็นเด็ก

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.