นิทานเรื่อง “เจ้าหนูตัวจิ๋ว” เป็นนิทานเพี้ยน ๆ อีกเรื่อง ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ตั้งชื่อตัวละครให้แปลกไปจากปกติ เช่น การตั้งชื่อฮิปโปว่า “ฮิปโป๋” (มีไม้จัตวา) ยีราฟ ว่า “ยีหลับ” (เสียงราฟกับหลับฟังแล้วคล้าย ๆ กันแต่ออกจะตลกหน่อยๆ) จิงโจ้ ว่า “จิงโจ๋” (ฟังแล้วออกแนวเก๋าโจ๋จิ๊กโก๋ พี่นำบุญว่าตลกดี) แถมแต่งนิทานให้ตัวละครเอก (หนูจิ๋ว) เป็นคนพูดเล่าเรื่อง
การอ่านออกเสียงหรือเล่านิทานเรื่องนี้ให้น่ารักน่าชัง ขอแนะนำให้ลองสมมติว่าตัวเองเป็นเจ้าหนูตัวจิ๋ว แล้วอ่านแบบออดอ้อนหน่อย ๆ น่าสงสารนิด ๆ จะทำให้ได้บรรยากาศในการฟังมากขึ้น
อนึ่ง นิทานเรื่องนี้ เคยพิมพ์เป็นหนังสือภาพโดยสำนักพิมพ์สถาพรบุ้กส์ ซึ่งหลาย ๆ โรงเรียนมีอยู่ในห้องเรียนหรือห้องสมุด เพราะนอกจากการเป็นนิทานตลก ๆ ก่อนนอนแล้ว นิทานเรื่องนี้ ยังมีข้อคิดที่ส่งเสริม EF เรื่องความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งนิทานจะทำให้เด็ก ๆ ตระหนักว่า “ถึงเราจะตัวเล็ก แต่เราก็มีพลังและทำประโยชน์ได้นะ”
นิทานเรื่อง เจ้าหนูตัวจิ๋ว
ผมชื่อจิ๋ว ผมเป็นลูกหนูตัวกระจิ๋วหลิว
ผมตัวเล็กจริง ๆ นะ เล็กขนาดที่ลมพัดก็ยังปลิว
ผมมีเพื่อนรักอยู่ 3 ตัว ชื่อ ฮิปโป๋, ยีหลับและจิงโจ๋
ฮิปโป๋เป็นลูกฮิปโป ยีหลับเป็นลูกยีราฟ ส่วนจิงโจ๋เป็นลูกของจิงโจ้
ฮิปโป๋, ยีหลับ, จิงโจ๋เกิดพร้อม ๆ กับผม
แต่เพื่อน ๆ ตัวโตและแข็งแรงกว่าผมมาก
เวลาต้องยกของหนัก ๆ เพื่อนของผมยกกันได้สบาย
แต่ผมกลับรู้สึกว่า มันหนักแทบตาย
หนูตัวกระจิ๋วหลิวอย่างผม ไม่มีอะไรเทียบกับเพื่อน ๆ ได้เลย
ผมช่างไม่มีค่าไม่มีความหมาย…เสียจริง ๆ
เมื่อเพื่อน ๆ รู้ว่าผมน้อยใจที่ตัวกระจิ๋วหลิว
เพื่อน ๆ จึงมาปลอบและชวนผมไปเล่นให้หายหน้านิ่ว
ฮิปโป๋ชวนผมไปว่ายน้ำ
แต่ผมว่ายน้ำได้ไม่นาน…ก็หมดแรง ผมจึงต้องขี่หลังฮิปโป๋ขึ้นฝั่ง (ก่อนที่จะจมน้ำปุ๋ง ๆ)
พอหายเหนื่อย ยีหลับก็ชวนผมไปเก็บผลไม้
ผมกระโดดเท่าไหร่…ก็เก็บผลไม้ไม่ถึง
ไม่เหมือนกับยีหลับที่แค่ยืดคอนิดหน่อย ก็เก็บผลไม้ได้ตั้งเยอะแยะ
(เห็นไหม ผมไม่ได้เรื่องเลยนะ)
เมื่อจิงโจ๋เห็นผมกระโดดดุ๋ง ๆ ได้ มันเลยชวนผมไปกระโดดไล่จับกันกลางทุ่งหญ้า
แต่ผมกระโดดได้ไม่นาน…แรงก็หมด
ท้ายที่สุด ผมเลยต้องเข้าไปนอนในถุงหน้าท้องของจิงโจ๋ แล้วหลับปุ๋ยไปโดยไม่รู้ตัว
ในความฝัน ผมเห็นเพื่อน ๆ พากันเบื่อผม
เพราะหนูตัวจิ๋วอย่างผม…ไม่มีค่า ไม่มีประโยชน์
จริง ๆ แล้ว ผมก็อยากตัวโตเหมือนเพื่อน ๆ นะ…แต่ผมตัวโตได้แค่นี้
หนูตัวกระจิ๋วหลิวอย่างผมช่างไม่คู่ควรจะเป็นเพื่อนกับใคร ๆ เอาเสียเลย
เวลาเดินไปอย่างช้า ๆ ผมหลับไปนานเท่าไรก็ไม่รู้
แต่เมื่อผมตื่น แล้วโผล่หัวออกมาจากถุงหน้าท้องของจิงโจ๋ ผมก็พบว่า
ตัวผมกับเพื่อน ๆ ถูกนายพรานใจร้ายจับมาขังเอาไว้ในกรงเหล็ก
พวกเราถูกขังเอาไว้ในบ้านหลังเล็ก ๆ เพื่อรอส่งไปขายในตลาดมืด
ตอนที่ผมตื่น…นายพรานไม่อยู่
ฮิปโป๋, ยีหลับและจิงโจ๋จึงช่วยกันออกแรงดันให้ลูกกรงพัง เพื่อจะได้หนีไปเสียให้พ้น ๆ
แต่อนิจจา…ไม่ว่าเพื่อนตัวใหญ่ของผมจะออกแรงสักเท่าไร
ลูกกรงเหล็กก็ไม่มีทีท่าว่าจะหักหรือพังเลยสักนิด
สุดท้าย เพื่อน ๆ ของผมจึงได้แต่นั่งคอตกและยอมจำนนต่อโชคชะตา
ในขณะนั้นเอง
หนูตัวจิ๋วอย่างผมก็มองเห็นกุญแจวางอยู่นอกกรงขัง
ถ้าผมหยิบกุญแจมาไขประตูกรงได้
เพื่อน ๆ ก็คงออกจากกรงได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องพังลูกกรงอย่างที่พยายามกันอยู่
แต่หนูตัวกระจิ๋วหลิว ที่ไร้ค่าไร้ประโยชน์อย่างผม…จะช่วยเพื่อน ๆ ได้ยังไงกันนะ
ในเสี้ยววินาทีนั้น
ความคิดบางอย่างก็สว่างวาบขึ้นในใจของผม
“ก็เพราะผมเป็นหนูตัวจิ๋วยังไงล่ะ…ผมจึงน่าจะช่วยเพื่อน ๆ ได้”
เมื่อผมคิดดังนั้น ผมเลยกระโดดออกจากถุงหน้าท้องของเจ้าจิงโจ๋
แล้วใช้ความจิ๋วของผม
เดินลอดซี่ลูกกรงออกไปอย่างสบาย ๆ จากนั้น ก็หยิบกุญแจมาไขกรง
พร้อมกับเปิดประตูให้เพื่อน ๆ ได้เป็นอิสระ
เพื่อน ๆ ดีใจกันมากที่ได้ออกจากกรงขัง
พวกเรารีบหนีออกจากบ้าน แล้วไปบอกเพื่อนสัตว์ให้ระวังนายพรานที่เข้ามาป้วนเปี้ยนในป่า
เมื่อเหตุร้ายผ่านไป ผมรู้เลยว่า เพื่อน ๆ ต่างก็ภูมิใจในตัวผม
ถึงผมจะเกิดมาตัวกระจิ๋วหลิว แต่ผมก็มีค่ามีความหมาย และมีประโยชน์ในแบบที่ผมเป็น
ผมดีใจที่ผมเป็นผม…เป็นหนูตัวจิ๋ว ที่มีข้อดีในแบบจิ๋ว ๆ
ใคร ๆ ต่างก็มีข้อดีในแบบที่ตัวเองเป็นทั้งนั้น
ผมภูมิใจในตัวเองมาก ส่วนเพื่อน ๆ ก็ดีใจที่เห็นผมมีความสุขและยิ้มจนตาหยีได้เสียที
#นิทานนำบุญ
………………….
