ในบรรดานิทานเกี่ยวกับพ่อมดแม่มดที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ได้แต่งเอาไว้ มีนิทานอยู่ 2 เรื่อง ที่ผมรักมากเป็นพิเศษ เรื่องแรกคือ “จุดจบของแม่มดน้อย” และอีกเรื่องคือนิทานก่อนนอนเรื่องนี้ “เวทมนตร์ของเจ้าตัวน้อย” นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานก่อนนอนในแนวนิทานรักแม่ คือ ลูก ๆ รักแม่และอยากหาของขวัญวันเกิดให้แม่ แต่ของขวัญที่จะทำให้คุณแม่มีความสุขคืออะไร? คงต้องไปหาคำตอบกันในนิทานนะครับ
นิทานเรื่อง เวทมนตร์ของเจ้าตัวน้อย
โมเม มูมมามและมอมแมมเป็นลูก ๆ ของแม่มดสาวพราวเสน่ห์ คุณแม่ของพวกเขาเป็นแม่มดที่อ่อนโยนและใจดีอย่างยากที่จะหาใครเทียบได้ เด็ก ๆ ทุกคนรักคุณแม่ของพวกเขามาก เมื่อใกล้ถึงวันเกิดของคุณแม่ พี่น้องทั้งสามจึงตกลงกันว่า พวกเขาจะจัดงานฉลองวันเกิดและมอบของขวัญสุดพิเศษให้แก่คุณแม่ผู้เป็นที่รัก
โมเมซึ่งเป็นพี่สาวคนโตตั้งใจที่จะเนรมิตดอกไม้แสนสวยเพื่อมอบให้คุณแม่เป็นของขวัญวันเกิด ส่วนมูมมามซึ่งเป็นลูกชายคนกลางก็เฝ้าฝึกซ้อมคาถาเพื่อเตรียมเสกขนมเค้กอร่อย ๆ ให้คุณแม่ผู้ชอบรับประทานขนมหวาน ๆ เป็นชีวิตจิตใจ
ฝ่ายมอมแมมน้องคนเล็กดูน่าเห็นใจเป็นที่สุด เพราะนอกจากที่เขาจะเด็กกว่าใคร ๆ แล้ว เขายังเพิ่งเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลเวทมนตร์ได้ไม่นานนัก ด้วยเหตุนี้ อำนาจมนตราของเขาจึงมีอยู่จำกัด ไม่เพียงพอที่จะเนรมิตของขวัญพิเศษใดใดให้แก่คุณแม่ได้ แต่ด้วยความที่เด็กน้อยอยากจะทำให้คุณแม่รู้ว่าเขารักคุณแม่ไม่แพ้พี่ ๆ มอมแมมจึงบากบั่นไปขอยืมตำราคาถาวิเศษจากห้องสมุด แล้วเฝ้าฝึกฝนว่าคาถาตามตำราเล่มนั้นทีละบทสองบท จนในที่สุด เขาก็พร้อมที่จะเนรมิตของขวัญชิ้นเล็ก ๆ เพื่อมอบให้คุณแม่เป็นของขวัญในวันคล้ายวันเกิด
และแล้ว..วันที่ทุก ๆ คนรอคอยก็มาถึง เด็ก ๆ เชิญคุณแม่มานั่งในห้องนั่งเล่นที่พวกเขาช่วยกันตกแต่งจนกลายเป็นห้องที่แสนน่ารัก เสียงดนตรีอ่อนหวานจากกล่องดนตรีทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นกระจุ๋มกระจิ๋ม เด็ก ๆ ให้คุณแม่นั่งที่เก้าตัวนุ่ม จากนั้น พวกเขาก็เริ่มว่าคาถาเพื่อเสกของขวัญให้แก่คุณแม่ทีละคน
โมเมท่องคาถางึมงำว่า “โอมมะลุกกุ๊กกุ๋ยดุกดุ๋ยดุกดุ๋ย…ปลูกต้นไม้อย่าลืมใส่ปุ๋ย” เมื่อโมเมว่าคาถาจบ รอบ ๆ ตัวของคุณแม่ก็รายล้อมไปด้วยดอกไม้สีรุ้งเต็มไปหมด!
เมื่อมูมมามเห็นพี่สาวเสกดอกไม้มากมายให้คุณแม่ เขาจึงนึกอยากหาทางทำให้คุณแม่พอใจมากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้ มูมมามจึงตั้งใจรวบรวมสมาธิ แล้วร่ายคาถาด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า “โอมมะลุกกุ๊กกิ๊กดุ้กดิ้กดุ้กดิ้ก…อยากกินเผ็ดต้องไปกินพริก” เมื่อสิ้นเสียง…ขนมเค้กขนาดยักษ์ที่สูงถึงเจ็ดชั้นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของคุณแม่ทันที!
มอมแมมมองของขวัญของพี่ ๆ ตาปริบ ๆ ฝีมืออย่างเขาคงไม่สามารถเสกของขวัญดี ๆ อย่างของพี่ ๆ ได้เป็นแน่ แต่ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่เกินตัว มอมแมมจึงคิดหาของขวัญชิ้นใหม่เพื่อไม่ให้น้อยหน้าพี่ ๆ
อำนาจเวทมนตร์อันน้อยนิดของพ่อมดตัวเล็ก ๆ จะเนรมิตอะไรให้ถูกใจคุณแม่ได้บ้างไหมหนอ? มอมแมมเพ่งมองขนมเค้กเจ็ดชั้นของมูมมามอยู่พักใหญ่ ในที่สุด ความคิดที่แสนวิเศษก็สว่างวาบขึ้นในใจของเด็กน้อยผู้ไม่ยอมจำนนต่ออุปสรรค
มอมแมมค่อย ๆ นึกทบทวนถึงคาถาบทหนึ่งที่เขาเฝ้าฝึกฝนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เมื่อคิดได้ เขาก็เริ่มเอ่ยถ้อยคาถาอย่างช้า ๆ ว่า “โอมมะลุกกุ๊กก๋อยดุกด๋อยดุกด๋อย…ผัดคะน้าใส่น้ำมันหอย” เมื่อมอมแมมท่องคาถาจบ ขนมเค้กเจ็ดชั้นก็สว่างไสวไปด้วยเปลวไฟจากเทียนไขแท่งเล็ก ๆ ซึ่งมีจำนวนเท่ากับอายุของคุณแม่พอดิบพอดีไม่มีขาด
คุณแม่ปลื้มใจมากที่เห็นความตั้งใจของลูก ๆ ทั้งสาม ส่วนโมเมกับมูมมามต่างก็ภูมิใจในฝีมือของน้องชายตัวกระเปี๊ยกที่ใช้เวทมนตร์ได้ดีชนิดที่พี่ ๆ คาดไม่ถึง
ความรักของลูก ๆ ทำให้หัวใจของผู้เป็นแม่อิ่มเอมไปด้วยความสุข
และในค่ำคืนนั้น สามพี่น้องก็แย่งกันกอดคุณแม่นัวเนียหนุบหนับ เวลาแห่งรักดำเนินต่อไปนานแสนนาน จนกระทั่งท้ายที่สุด เด็ก ๆ ทั้งสามก็นอนหลับปุ๋ยไปในอ้อมกอดของคุณแม่ ท่ามกลางแสงเทียนอันอบอุ่นในราตรีที่แสนวิเศษ
#อ่านนิทานจบเด็ก ๆ อยากให้ของขวัญด้วยการกอดใครดีนะ
#นิทานนำบุญ
………………
