นิทานแต่ละเรื่องที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่ง มักมีที่มาจากสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว ซึ่งนิทานก่อนนอนเรื่อง “นักมองเมฆ” นี้ ก็มีที่มาในลักษณะเดียวกัน คือมาจาก “นิสัยของผมเอง” ถ้าให้สารภาพตามจริง ผมเองไม่รู้ตัวว่าเป็นคนที่มีนิสัยแบบตัวละครต่าง ๆ ในนิทานเรื่องนี้ จนกระทั่งช่วงชีวิตที่ได้ไปเจริญสติและปฎิบัติธรรมในวัด ผมก็ค่อย ๆ เห็นความจริงของตัวเองมากขึ้น ๆ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ได้เห็น ก็คือ “นิสัยของผมเอง” ที่จริงจังกับทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องที่ไม่ต้องจริงจังก็ได้ แม้คนที่มีนิสัยแบบนี้อาจประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่อาจล้มเหลว คือ ล้มเหลวในการมีความสุข ดังนั้น ผมจึงแต่งนิทานเรื่องนี้และใช้ตัวละคร “นักมองเมฆ” เป็นสื่อในการเตือนจิตสะกิดใจให้ทุก ๆ คน ได้กลับมาเข้าใกล้กับ “ความสุข” อีกครั้งด้วยการรู้จักปล่อยวาง และทำกิจต่าง ๆ เป็นหน้าที่ ซึ่งในมุมมองของผม นิทานเรื่องนี้น่าจะจัดว่าเป็นนิทานธรรมะก่อนนอน ที่อ่านได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ผู้อ่านอาจมีความเข้าใจในเรื่องราวที่ลึกซึ้งแตกต่างกัน
นิทานเรื่อง นักมองเมฆ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเมือง ๆ หนึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคนเก่ง ๆ มากมาย ทั้งนี้เพราะชาวเมืองเกือบทั้งหมดเอาจริงเอาจังกับทุกสิ่งที่ทำ พวกเขาจึงเชี่ยวชาญในงานด้านต่าง ๆ อย่างหาตัวจับได้ยาก
คุณ A เป็นนักทำอาหาร เขาฝึกทำอาหารกับคุณแม่มาตั้งแต่เด็ก แถมยังเข้าเรียนวิชาทำอาหารนานถึง 10 ปี พอเรียนจบ เขาก็เปิดร้านอาหารและทำอาหารขายอย่างเอาจริงเอาจัง อาหารที่เขาทำอร่อยจนได้รับคำชมจากลูกค้าไม่หยุดหย่อน คุณ A ร่ำรวยขึ้น แต่ตลอดเวลา…เขากลับรู้สึกว่าเขาไม่มีความสุขอย่างที่เคยนึกฝันเลย
คุณ ฺB เป็นนักจัดดอกไม้ คุณตากับคุณยายของคุณบีมีสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ท่านทั้งสองสอนให้หลานสาวรู้จักดอกไม้นานาชนิด คุณ B คิดว่าการเป็นนักจัดดอกไม้เป็นอาชีพที่จะทำให้เธอมีความสุข เธอจึงเลือกเรียนวิชาจัดดอกไม้นานถึง 10 ปี คุณ ฺB เอาจริงเอาจังกับการจัดดอกไม้มาก พอเธอมีฝีมือดีพอ เธอก็เปิดร้านรับจัดดอกไม้ แล้วทุ่มเทจัดดอกไม้ช่อสวย ๆ อย่างสุดกำลัง ลูกค้าชอบช่อดอกไม้ที่คุณฺ B จัด คุณ ฺB จึงมีงานล้นมือแทบไม่ได้หยุดพัก คุณ B ร่ำรวยจากการจัดดอกไม้ แต่ตลอดเวลา…เธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่มีความสุขอย่างที่เคยคิดฝันเลย
คุณ C เป็นหญิงสาวที่ฝันอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก เธอฝึกฝนร้องเพลงทุกวันไม่เคยหยุด แถมยังเรียนร้องเพลงอย่างเอาจริงเอาจังนานถึง 10 ปี ครั้นเมื่อเธอมีผลงานเพลง ผู้คนต่างก็ชื่นชอบเพลงที่เธอร้อง คุณ C เป็นนักร้องที่มีงานร้องเพลงทุกวัน และมีคนติดตามผลงานจนเธอกลายเป็นนักร้องแถวหน้า แต่ตลอดเวลา…เธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่มีความสุขอย่างที่เคยนึกฝันเลย
นอกจากคุณ A คุณ ฺB และคุณ C แล้ว ชาวเมืองคนอื่น ๆ ที่เอาจริงเอาจัง ล้วนเก่งกาจ ร่ำรวยและได้รับคำชื่นชมไม่แพ้กัน แต่พวกเขากลับไม่มีความสุขเลยสักคน
วันหนึ่ง ชาวเมืองสังเกตเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งเรียกตัวเองว่า “Z…นักมองเมฆ”
Z เป็นเด็กที่รักการมองเมฆเป็นชีวิตจิตใจ ชาวเมืองมักเห็น Z นอนมองดูก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าพลางยิ้มให้ก้อนเมฆทุกวันไม่เคยเบื่อ Z มองเมฆบ้าง พักบ้าง ดูเหมือนไม่เอาจริงเอาจังสักเท่าไหร่ บางทีเขาอาจเป็นนักมองเมฆที่ไม่น่าชื่นชมนัก แต่ชาวเมืองกลับแปลกใจที่แซดดูสดใสและเหมือนมีความสุขมากกว่าชาวเมืองคนอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
รอยยิ้มบนใบหน้า การทำสิ่งที่รักแบบทีเล่นทีจริงและความสุขที่คนอื่น ๆ ไม่มี ทำให้ชาวเมืองที่เป็นนักอะไรต่อมิอะไรเริ่มครุ่นคิด พวกเขาคิดว่า บางทีการทุ่มเทแบบสุดกำลังและเอาจริงเอาจังมากเกินไป อาจเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องนักในการทำสิ่งที่รักที่ชอบ เพราะหากมันเป็นวิธีที่ถูก พวกเขาก็คงมีความสุขไปนานแล้ว
ชาวเมืองจึงตัดสินใจลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ นั่นคือการทำสิ่งที่รักที่ฝันแบบไม่เอาจริงเอาจังจนเกินไป ทำแบบเหนื่อยก็พักหนักก็วาง
เมื่อชาวเมืองทดลองเปลี่ยนวิธีทำงานเลียนแบบ Z นักมองเมฆ เพียงวันแรก…พวกเขาก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
คุณ A รู้สึกว่าการทำอาหารอย่างสบาย ๆ พักบ้าง ยิ้มบ้าง ช่วยทำให้เขามีความสุขมากขึ้น
คุณ ฺB รู้สึกว่าการค่อย ๆ จัดดอกไม้ แล้วพักชื่นชมความงามของดอกไม้ ทำให้เธอมีความสุขมากขึ้นจริง ๆ
คุณ C รู้สึกว่าการร้องเพลงแบบสบาย ๆ เลือกร้องเพลงที่ชอบ ในสถานที่ที่ชอบ ทำให้การร้องเพลงเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขอย่างวิเศษสุด
ส่วนชาวเมืองคนอื่น ๆ ที่ลดความจริงจังขึงขังในการทำสิ่งที่ชอบลง แล้วเติมรอยยิ้มให้ตัวเองในขณะทำสิ่งเหล่านั้น ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผลงานที่ได้แทบไม่ต่างกับตอนที่ทำแบบจริงจังขึงขัง แต่รู้สึกมีความสุขมากกว่าเยอะ”
Z นักมองเมฆดีใจที่เห็นชาวเมืองมีความสุขในสิ่งที่ทำมากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ เพราะเมฆที่นักมองเมฆอย่างเขาเห็น มีรูปร่างเหมือนผู้คนในเมืองที่กำลังทำสิ่งที่รักด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
#นิทานนำบุญ
…………….

“การทำสิ่งต่าง ๆ อย่างพอเหมาะพอดี จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากกว่าการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเอาจริงเอาจังมากเกินไป”
LikeLike
นิทานสนุกได้ข้อคิดดีมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะ
LikeLike
ดีใจที่ชอบ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
LikeLike