Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

คุณครูคนใหม่

นิทานก่อนนอนเรื่อง “คุณครูคนใหม่” เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งในช่วงที่ตัวเองได้ไปเรียนปริญญาโทด้านการศึกษาปฐมวัย และได้เรียนรู้ทฤษฎีทางการศึกษาที่เรียกว่า ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ซึ่งเชื่อว่า เด็กแต่ละคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน การจัดการเรียนรู้ให้เด็กจึงจำเป็นต้องดูตามความถนัดของเด็ก แล้วส่งเสริมเด็กอย่างเหมาะสม แม้นิทานเรื่องนี้จะไม่ได้พูดถึงทฤษฎีดังกล่าวโดยตรง แต่แง่มุมที่นิทานเรื่องนี้พูดถึง ก็น่าจะให้ข้อคิดที่ดีทั้งกับคุณพ่อคุณแม่ คุณครู รวมถึงอาจใช้เป็นนิทานที่เล่าให้เด็กฟัง เพื่อให้เด็กตระหนักถึงความถนัดของแต่ละบุคคลที่มีต่างกัน และยอมรับในความแตกต่างของกันและกันมากขึ้น ขอให้มีความสุขกับนิทานเรื่องนี้นะครับ

นิทานเรื่อง คุณครูคนใหม่

นานมาแล้ว  มีพระราชากับพระราชินีคู่หนึ่งทรงมีพระโอรสและพระธิดารวมสี่พระองค์ เจ้าชายและเจ้าหญิงองค์น้อยทั้งสี่ต่างน่ารักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่น่าเสียดายที่ทุกพระองค์ไม่ถนัดในการเล่าเรียนเขียนอ่าน ใครต่อใครจึงมักซุบซิบนินทาว่าทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงคงเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้อนาคต!

พระราชากับพระราชินีทรงกังวลใจมากต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองพระองค์จึงเชิญนักปราชญ์อาวุโสให้มาเป็นครูของเจ้าชายและเจ้าหญิง  แต่เมื่อจอมปราชญ์สอนหนังสือให้ลูกศิษย์ทั้งสี่ไปได้ไม่นาน  เขาก็ได้แต่ส่ายหัว เพราะในขณะที่เขาพยายามถ่ายทอดความรู้ให้เจ้าชายและเจ้าหญิงอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าความรู้ต่าง ๆ จะไม่เข้าหัวลูกศิษย์ทั้งสี่เอาเสียเลย จอมปราชญ์จึงขอลาออกจากตำแหน่งพร้อมกับรำพึงเบา ๆ ว่า “เด็กพวกนี้คงไม่มีอนาคตเป็นแน่”

เมื่อจอมปราชญ์ไม่ยอมสอนหนังสือต่อ  พระราชากับพระราชินีจึงต้องเชิญครูสาวคนเก่งซึ่งเป็นครูชื่อดังให้มาเป็นคุณครูคนใหม่ของเจ้าชายและเจ้าหญิง แต่เมื่อครูสาวเริ่มสอนหนังสือให้ลูกศิษย์ทั้งสี่ด้วยการพูดจ๋อย ๆ ๆ ๆ ไม่ยอมหยุด เจ้าชายกับเจ้าหญิงก็ได้แต่นั่งฟังหน้าจ๋อย ๆ ๆ ๆ เพราะคิดตามคำพูดของคุณครูไม่ทัน ท้ายที่สุด  ครูสาวก็ได้แต่ปลง แล้วขอลาออกพร้อมกับคิดในใจว่า “เด็กพวกนี้คงไม่มีอนาคตจริง ๆ ”

หลังจากที่ครูสาวลาออกไปแล้ว  พระราชากับพระราชินีจึงให้ทหารไปป่าวประกาศรับสมัครคนที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นคุณครูคนใหม่ของพระโอรสและพระธิดา

แต่อนิจจา…เมื่อชาวเมืองได้ฟังประกาศ  ทุกคนก็พากันส่ายหน้า เพราะขนาดจอมปราชญ์และครูสาวชื่อดังยังสอนเจ้าชายกับเจ้าหญิงให้เก่งไม่ได้…แล้วใครจะไปสอนได้อีก

เจ้าชายและเจ้าหญิงต่างเสียใจที่ไม่มีใครยอมมาเป็นคุณครูให้พวกพระองค์เลย  จริง ๆ แล้ว…เจ้าชายและเจ้าหญิงต่างตั้งใจเรียนกันอย่างเต็มที่  แต่ถึงกระนั้น  ทั้งสี่พระองค์ก็ยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณครูทั้งสองท่านสอน  เจ้าชายและเจ้าหญิงรู้สึกว่าพวกพระองค์ช่างไร้ความสามารถเสียเหลือเกิน ทุกพระองค์จึงได้แต่ปรับทุกข์ให้กันฟังว่า “พวกเราคงไม่มีอนาคตอีกต่อไปแล้ว”

ในขณะนั้นเอง มีชายหนุ่มคนหนึ่งเพิ่งเรียนจบวิชาครูมาได้ไม่นานแต่เขามีจิตวิญญาณของความเป็นครูอย่างเต็มเปี่ยม  เมื่อชายหนุ่มทราบข่าวจากเหล่าทหาร เขาจึงรีบเดินทางไปยังพระราชวังโดยเป้าหมายเดียวของเขาคือการช่วยเหลือเจ้าชายและเจ้าหญิงให้มีอนาคตที่สดใส  

ครั้นเมื่อพระราชาเห็นชายหนุ่มหน้าอ่อนมาสมัครเป็นคุณครูคนใหม่ แถมเขายังมีผลการเรียนตั้งแต่เด็กจนโตไม่สู้ดีนัก พระราชาจึงตั้งใจที่จะปฏิเสธ  แต่โชคดีที่พระราชินีเห็นว่าถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้  ชายหนุ่มจึงได้ทดลองสอนเจ้าชายและเจ้าหญิงตามที่ตั้งใจเอาไว้

ชายหนุ่มผู้เรียนหนังสือไม่เก่งเข้าใจความรู้สึกของลูกศิษย์ที่เรียนหนังสือไม่เก่งเป็นอย่างดี  ดังนั้น แทนที่เขาจะยัดเยียดความรู้ให้ทุกคนในคราวเดียว เขากลับใช้วิธีการสอนแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีการวาดภาพประกอบเสริมความเข้าใจ, ดัดแปลงการเรียนเป็นเกมสนุก ๆ แล้วให้ลูกศิษย์ได้ทดลองทำสิ่งต่าง ๆ จนเกิดความรู้จากการปฏิบัติจริง นอกจากนี้ ครูหนุ่มยังชอบสอนหนังสือเพียงครั้งละครึ่งชั่วโมง  จากนั้น เขาก็จะชวนลูกศิษย์ให้ลองไปทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การเล่นกีฬา, การวาดภาพ, การทำขนมและการเล่นดนตรีสลับสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละวัน

วิธีการสอนของชายหนุ่มดูแปลกและแตกต่างจากคุณครูคนก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด  แต่ดูเหมือนว่าเจ้าชายและเจ้าหญิงจะเข้าใจบทเรียนได้มากกว่าเก่า หนำซ้ำ กิจกรรมที่ได้ลองทำเพิ่ม เติมก็ทำให้เจ้าชายและเจ้าหญิงค้นพบความเก่งกาจที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเองอย่างไม่คาดฝัน

เจ้าชายองค์โตทรงพบว่าพระองค์มีพรสวรรค์ในการเล่นกีฬาแทบทุกชนิด, เจ้าชายองค์รองทรงเพลินกับการเล่นดนตรีอย่างไม่รู้สึกเบื่อ, เจ้าหญิงอีกพระองค์ทรงมีความสุขทุกครั้งที่ได้ปรุงอาหารสูตรอร่อย, ส่วนเจ้าหญิงองค์สุดท้องก็วาดรูปได้สวยงามอย่างยากจะหาใครเทียบได้ เมื่อครูหนุ่มเห็นลูกศิษย์มีความสุขในการทำกิจกรรมต่าง ๆ  เขาจึงส่งเสริมให้เจ้าชายและเจ้าหญิงได้ฝึกฝนความสามารถในสิ่งที่ชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ  หลังจากนั้นไม่นาน  เจ้าชายและเจ้าหญิงก็มีโอกาสไปแสดงฝีมือตามความถนัดจนผู้คนในอาณาจักรข้างเคียงต่างยกย่องกันโดยถ้วนหน้า

ต่อมา เมื่อข่าวคราวเรื่องความสามารถของเจ้าชายและเจ้าหญิงเล่าลือมาเข้าหูชาวเมือง ผู้คนที่เคยดูแคลนเจ้าชายและเจ้าหญิงว่าเป็นเด็กไม่มีอนาคตก็เริ่มตระหนักว่า เด็กแต่ละคนล้วนมีความสามารถตามธรรมชาติที่แตกต่างกัน  ซึ่งหากผู้ใหญ่ช่วยเด็กค้นหาความถนัดทางธรรมชาติจนพบ  เด็กคนนั้นก็ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตได้เสมอ

นับจากวันนั้น  ชาวเมืองก็เริ่มมีทัศนคติต่อเด็กที่เรียนหนังสือไม่เก่งต่างไปจากเดิม ส่วนเจ้าชายและเจ้าหญิงก็ทรงมีความสุขมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

พระราชากับพระราชินีทรงดีใจที่เห็นลูก ๆ ค้นพบเส้นทางชีวิตในอนาคต   ทั้งสองพระองค์จึงตั้งใจจะมอบรางวัลให้แก่ครูหนุ่มผู้สร้างปาฏิหาริย์ แต่ครูหนุ่มกลับปฏิเสธรางวัลที่ทั้งสองพระองค์เสนอให้  โดยเขากล่าวต่อพระราชาและพระราชินีอย่างนอบน้อมว่า  “รางวัลอันยิ่งใหญ่ของครูคือการได้เห็นลูกศิษย์มีอนาคตที่สดใส และกระหม่อมก็ได้รางวัลนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” 

#นิทานนำบุญ

………………….

Posted in Uncategorized

นิทานเรื่องล่าสุด ปี2021

หมวด “นิทานเรื่องล่าสุดปี2021” เป็นหมวดพิเศษที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) จัดทำขึ้นในเว็บไซต์นิทานนำบุญ เพื่อรวมรวบนิทานใหม่ ๆ ประจำปี 2021 เอาไว้ด้วยกัน ก่อนที่จะแยกไปตามหมวดต่าง ๆ ของเว็บไซต์ในปีหน้า ทั้งนี้เพื่อให้คุณผู้อ่านสามารถเลือกอ่านนิทานใหม่ ๆ ของปี 2021 ได้สะดวกขึ้น (ถ้านำไปรวมตามหมวดที่มีอยู่แล้ว บางคนอาจสับสน เพราะตอนนี้นิทานในเว็บไซต์นิทานนำบุญมีมากกว่า 200 เรื่องแล้ว) ยังไงลองกดเลือกนิทานจากเมนูด้านบนดูนะครับ

Posted in ครอบครัว, นิทานก่อนนอน, นิทานสอนใจเด็ก

นิทานก่อนนอนเรื่อง เด็กผู้หญิงแห่งความสุข | สอนเด็กให้เป็นเด็กดีรู้จักแบ่งปัน

นิทานก่อนนอนเรื่องสั้น ๆ เรื่อง “เด็กผู้หญิงแห่งความสุข” เป็นนิทานในยุคแรก ๆ ที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) เพิ่งเริ่มแต่งนิทานให้นิตยสารขวัญเรือนได้ไม่นานนัก นิทานเรื่องนี้ มีจุดเริ่มต้นจากชื่อตัวละคร ที่ผมตั้งใจนำชื่อของลูกพี่ลูกน้อง (ลูกครึ่งเกาหลี) ซึ่งเป็นลูกของน้าสาว มาใช้เป็นชื่อตัวละครหลักในเรื่อง คือ มิมิ และ ปิงปิง (แม้เราจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ผมอายุมากกว่าน้อง ๆ เยอะ) เมื่อได้ชื่อตัวละครแล้ว ผมจึงค่อยแต่งเรื่องราวเป็นนิทาน โดยนิทานในยุคแรก ๆ ที่แต่ง ส่วนใหญ่เนื้อเรื่องที่สดใสมาก และมักเป็นนิทานก่อนนอนสั้น ๆ ที่อ่านจบได้ในเวลาไม่นานนัก ผมหวังว่านิทานเรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านยิ้มและนอนหลับฝันดีนะครับ

นิทานเรื่อง เด็กผู้หญิงแห่งความสุข

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีเด็กผู้หญิงแสนดีคนหนึ่งชื่อว่ามิมิ   มิมิเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดู  เธอพูดแต่ถ้อยคำที่อ่อนหวาน  คิดแต่เรื่องที่ดีงาม  และทำทุก ๆ อย่างเพื่อให้คนรอบข้างมีความสุข  ความสุขของมิมิคือการทำให้ทุก ๆ คนมีความสุข  ดังนั้น ทุก ๆ คนจึงมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้กับมิมิ

เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิดของมิมิ  นางฟ้าใจดีนึกอยากจะทำให้เด็กน้อยแสนดีมีความสุขบ้าง  ด้วยเหตุนี้ นางฟ้าจึงมอบดินสอวิเศษให้แก่มิมิหนึ่งแท่ง

ดินสอวิเศษของนางฟ้าเป็นดินสอมหัศจรรย์  ถ้ามิมิอยากได้อะไรเป็นของขวัญ  เพียงแค่มิมิวาดภาพสิ่งนั้นลงในกระดาษ  ฉับพลัน! สิ่งที่มิมิวาดก็จะกลายเป็นจริงขึ้นมาราวกับมีปาฏิหาริย์  นางฟ้าดีใจที่ได้มอบของขวัญให้แก่มิมิ  แต่มิมิกลับกลุ้มใจ เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะวาดอะไรให้ตัวเองดี

มิมิถามปิงปิงน้องชายว่า เธอควรวาดภาพอะไรมากที่สุด  ปิงปิงนิ่งคิด แล้วบอกกับพี่สาวว่า  ถ้าเป็นเขา…เขาคงวาดภาพกระต่ายขาวขนปุยสักคู่หนึ่ง  มิมิรู้ดีว่าปิงปิงชอบกระต่ายขาวมากที่สุด  เธอเองก็ชอบกระต่ายขาวไม่แพ้น้องชาย  แต่ความสุขของมิมิคือการทำให้คนรอบข้างมีความสุข  ดังนั้น มิมิจึงวาดภาพกระต่ายน้อยบ่าวสาวด้วยดินสอวิเศษ  แล้วมอบกระต่ายขาวขนปุยทั้งสองตัวให้แก่ปิงปิงด้วยความรัก

มิมิไปถามโมเมเพื่อนสนิทว่าเธอควรวาดภาพอะไรมากที่สุด  โมเมนิ่งคิด แล้วบอกกับมิมิว่า ถ้าเป็นเธอ…เธอคงวาดภาพหมีแพนด้าที่แสนน่ารักสักตัวสองตัว  มิมิรู้ดีว่าโมเมชอบหมีแพนด้ามากที่สุด  ดังนั้น มิมิจึงวาดภาพหมีแพนด้าคู่รักด้วยดินสอวิเศษ  จากนั้น เธอก็มอบหมีแพนด้าที่แสนน่ารักให้แก่โมเมเป็นของขวัญ

มิมิไปถามคุณลุงกับคุณป้าว่าเธอควรวาดภาพอะไรมากที่สุด  คุณลุงกับคุณป้าซึ่งเป็นเจ้าของสวนผลไม้จึงช่วยกันคิด  จากนั้น ทั้งคู่ก็บอกกับมิมิว่า ถ้าเป็นพวกเขา…พวกเขาคงวาดภาพยีราฟคอยาวเพื่อเอาไว้ขี่เก็บผลไม้ในสวน  มิมิรู้ดีว่าคุณลุงกับคุณป้าอยากได้ยีราฟมากที่สุด  เธอเองก็ชอบยีราฟไม่น้อยไปกว่าท่านทั้งสอง  แต่ความสุขของมิมิคือการทำให้คนรอบข้างมีความสุข  ดังนั้น มิมิจึงวาดยีราฟให้คุณลุงกับคุณป้าคนละหนึ่งตัว

มิมิเที่ยวถามใครต่อใครว่าเธอควรวาดอะไรมากที่สุด  แต่เพราะความสุขของมิมิคือการทำให้คนรอบข้างมีความสุข   ดังนั้น มิมิจึงต้องวาดภาพสัตว์ต่าง ๆ ให้คนนู้นคนนี้จนดินสอวิเศษกุดจุ๊ดจู๋  ไม่เหลือไส้ดินสอพอให้เธอวาดอะไรให้แก่ตัวเองเลยแม้แต่อย่างเดียว

แม้มิมิจะไม่มีอะไรมอบให้แก่ตัวเองเป็นของขวัญ  แต่เด็กน้อยกลับชื่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ทำให้คนรอบข้างมีความสุขในวันเกิดของเธอ  มิมินึกขอบคุณนางฟ้าที่มอบดินสออันแสนวิเศษให้แก่เธอในวันแห่งความสุขเช่นนี้  และหนึ่งปีหลังจากนั้น  ผู้คนที่ได้รับของขวัญจากมิมิก็ทำให้มิมิต้องแปลกใจ  เมื่อพวกเขาพร้อมใจกันนำลูกของสัตว์ต่าง ๆ มามอบให้แก่มิมิเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนจิตใจอันดีงามของเด็กน้อยผู้เป็นที่รักของทุก ๆ คน   มิมิมีความสุขมากที่ได้ลูกกระต่าย  ลูกแพนด้า  ลูกยีราฟ  ฯลฯ  มาเป็นเพื่อนเล่นกับเธอ  และแน่นอนว่า…ลูกสัตว์ที่แสนน่ารักเหล่านั้นก็มีความสุขที่ได้มาอยู่ใกล้ ๆ กับเด็กที่มีจิตใจดีงามอย่างมิมิ   และแล้ว…นิทานแห่งความสุขก็จบลงท่ามกลางความสุขของทุก ๆ คน

#นิทานนำบุญ

…………………………..

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

สาวน้อยกับเจ้าชายในฝัน

นิทานก่อนนอนเกี่ยวกับความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวเป็นนิทานที่แต่งได้ไม่ยาก แต่การแต่งนิทานประเภทนี้ให้น่าประทับใจเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่าย นิทานเรื่อง “สาวน้อยกับเจ้าชายในฝัน” เป็นนิทานเกี่ยวกับความรักเรื่องหนึ่งที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ในฐานะผู้แต่งเชื่อว่า น่าจะเป็นนิทานอีกเรื่องที่ถูกใจทั้งเด็ก ๆ และคนที่ชอบอ่านนิทานให้แฟนฟังก่อนนอน หวังว่านิทานเรื่องนี้จะสร้างความสุขให้แก่ผู้อ่านทุก ๆ คนได้นะครับ

นิทานเรื่อง สาวน้อยกับเจ้าชายในฝัน

ลูกกวาดเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ชอบฟังนิทานมาก   เธอฝันว่าเมื่อเธอโตเป็นผู้ใหญ่  เจ้าชายที่เป็นเนื้อคู่ของเธอจะปรากฏตัวขึ้นและมาขอให้เธอเป็นเจ้าสาวของเขา   ลูกกวาดเชื่อว่าเจ้าชายของเธอน่าจะเรียนหนังสืออยู่ที่ไหนสักแห่งในโลก  และเพื่อให้เจ้าชายรู้ว่าเธอเฝ้ารอวันที่จะได้พบกัน  ดังนั้น  ลูกกวาดจึงวาดรูปตัวเองยืนเคียงคู่กับเจ้าชายในฝัน  แล้วม้วนภาพใส่ขวดแก้วโยนลงทะเล เพื่อสื่อความในใจไปยังเจ้าชายที่ลูกกวาดเชื่อว่า เธอกับเขาผูกพันกันอยู่ด้วยเยื่อใยแห่งความรัก

ทุก ๆ วัน  ลูกกวาดมักจะชวนเพื่อน ๆ  มานั่งล้อมวงฟังนิทานเคล้าเสียงคลื่นที่ริมหาด   เด็ก ๆ ทุกคนรักลูกกวาดเช่นเดียวกับที่ลูกกวาดรักพวกเขา    รอบวงนิทานจึงเต็มไปด้วยความฝันที่แสนสุข   จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง  ลูกกวาดจำต้องลาจากเพื่อน ๆ เพื่อตามคุณพ่อคุณแม่เข้าไปอยู่ในตัวเมือง   ความสุขรอบวงนิทานจึงสิ้นสุดลงพร้อม ๆ กับหยาดน้ำตาของเด็ก ๆ ที่เอ่อล้นออกมาด้วยความอาลัยรัก 

หลายปีผ่านไป  ลูกกวาดเติบโตขึ้นเป็นสาวน้อยที่ยังคงเชื่อมั่นในนิทานและความฝัน   ด้วยเหตุนี้  เธอจึงตัดสินใจขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ แล้วออกเดินทางเพื่อเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟัง พร้อมกับเฝ้าตามหาเจ้าชายในฝัน ผู้เป็นเจ้าของปราสาทที่มีดอกไม้งามบานสะพรั่ง

สาวน้อยดั้นด้นเดินทางไปทั่วทุกทวีป  เธอขี่ช้างย่ำป่า   ลอยข้ามผืนฟ้าไปกับเรือเหาะลำใหญ่  บุกข้ามทะเลทรายด้วยการขี่อูฐ  ไถลฝ่าดินแดนหิมะด้วยเลื่อนน้ำแข็ง  ล่องแก่งไปตามสายน้ำที่เชี่ยวกราก  ลูกกวาดสร้างความสุขให้เด็ก ๆ ในทุก ๆ พื้นที่ที่เธอเหยียบย่าง   เธอได้พบกับเจ้าชายและผู้คนมากมายทั่วทุกมุมโลก  แต่น่าเสียดายเหลือเกิน…เธอยังไม่เคยพบกับเจ้าชายที่เธอเฝ้าถวิลหามาตลอดชั่วชีวิต

วันหนึ่ง  ลูกกวาดแล่นเรือข้ามมหาสมุทรมาเทียบท่าที่ชายหาดของดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งเธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด   เมื่อสาวน้อยขึ้นฝั่ง  เธอมองเห็นปราสาทหลังเล็ก ๆ พร้อมกับสวนดอกไม้แสนสวยที่ดูคล้ายกับภาพที่เธอเคยวาดเอาไว้ในอดีต  ลูกกวาดก้าวตรงไปยังปราสาทที่อยู่เบื้องหน้าราวกับต้องมนตร์สะกด

เธอมองเห็นเจ้าชายผมยาวท่าทางใจดีกำลังนั่งเล่านิทานอยู่ท่ามกลางเด็ก ๆ ที่มีแววตาฟุ้งฝัน   หัวใจของหญิงสาวเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  และยิ่งเมื่อเจ้าชายหันมาสบตากับเธอพร้อมกับเรียกชื่อของเธอได้อย่างถูกต้อง…ดั่งคนที่เคยสนิทสนมกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน  หญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นก็เกิดอาการขวยเขินและรู้สึกวูบวาบหวั่นไหวไปหมด!

ในขณะที่ลูกกวาดกำลังตกอยู่ในภวังค์   ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของปราสาทก็เดินตรงเข้ามาหาหญิงสาว แล้วเฉลยความจริงว่าเขาเป็นหนึ่งในเพื่อนเก่าที่เคยล้อมวงเล่านิทานกับเธอสมัยที่ทุกคนยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ    ชายหนุ่มสารภาพต่อไปว่า หลังจากที่ลูกกวาดจากทุกคนไปได้ไม่นาน  เขาก็เริ่มตระหนักว่าเขามิอาจที่จะอยู่โดยปราศจากเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่าลูกกวาดได้   เขานั่งร้องไห้อยู่ที่ชายหาดจนน้ำตาเหือดแห้ง  และแล้ว…ท้องทะเลก็เห็นใจเขา  เพราะมีเกลียวคลื่นลูกใหญ่พัดพาขวดแก้วใบหนึ่งมาเกยที่หาดทรายใกล้ ๆ กับที่ ๆ เขานั่งอยู่  ซึ่งหลังจากที่เขาเปิดขวดและคลี่กระดาษในขวดออกดู  เขาก็รู้ว่าเขายังมีโอกาสที่จะได้พบกับเด็กผู้หญิงที่เขาหลงรักอีกครั้ง    

หลังจากวันนั้น  เขาตั้งใจเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และหาโอกาสตามพ่อของเขาออกทะเล  เขาเริ่มฝึกฝนวิธีดำน้ำและเฝ้าค้นหาสมบัติตามเรืออับปางที่จมอยู่ใต้ห้วงทะเลลึก  ซึ่งหลังจากที่เขาผจญกับคมเขี้ยวของเหล่าฉลามอยู่นานหลายปี   ในที่สุด  เขาก็ค้นพบสมบัติของโจรสลัด และนำมันมาเป็นทุนในการสร้างปราสาทหลังน้อยเพื่อรอคอยให้หญิงสาวผู้เป็นที่รักหวนกลับมาหา

ลูกกวาดฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความตื้นตันใจ   เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า เพื่อนเก่าของเธอก็คือเจ้าชายที่เธอเที่ยวตามหามาโดยตลอด   สาวน้อยมองชายหนุ่มที่ทุ่มชีวิตสร้างปราสาทหลังน้อยเพื่อรอคอยการกลับมาของเธอ  ชายหนุ่มคนนี้คือคนที่ปลูกดอกไม้ตามภาพที่เธอเคยวาดฝัน   และที่สำคัญ..เขายังคงเชื่อในพลังแห่งนิทานและใช้นิทานสร้างความสุขให้แก่เด็ก ๆ ทั้งหลายดังที่เธอได้เห็น

ลูกกวาดหลงรักเจ้าชายของเธอมาก  และเมื่อชายหนุ่มเอ่ยปากขอความรักจากเธอ  เธอก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะปฏิเสธความปรารถนาดีของเขา   ในที่สุด  ลูกกวาดก็ได้อยู่เคียงคู่กับเจ้าชายของเธอในปราสาทหลังน้อยที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก…ดังที่เธอเคยฝันเอาไว้

#นิทานนำบุญ

………………………………..