นิทานก่อนนอนเรื่อง “ดอกไม้ของคุณยาย” เป็นนิทานก่อนนอนที่มีเนื้อเรื่องเรียบง่าย แต่มีข้อคิดสอนใจ และมีความอ่อนโยนที่น่าจะเหมาะสำหรับการใช้เป็นนิทานก่อนนอนที่ดีเรื่องหนึ่ง
นิทานเรื่อง ดอกไม้ของคุณยาย
หนูคะนิ้งเป็นเด็กผู้หญิงแสนดีที่มีจิตใจงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
วันหนึ่ง…หนูคะนิ้งได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้นำตะกร้าใส่ผลไม้ไปฝากคุณยายที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กลางป่าละเมาะ
คุณยายของคะนิ้งเป็นคนที่ชอบดอกไม้มาก ดังนั้น คุณแม่จึงบอกให้คะนิ้งแวะซื้อดอกไม้เพื่อนำไปฝากคุณยายด้วย คะนิ้งรับเหรียญสตางค์มากำไว้ในมือ เธอภูมิใจที่คุณแม่มอบหมายงานสำคัญนี้ให้แก่เธอ เธอตั้งใจว่า เธอจะต้องเลือกดอกไม้ที่สวยที่สุดเพื่อนำไปฝากคุณยายให้จงได้
ระหว่างทาง หนูคะนิ้งเฝ้าครุ่นคิดถึงสีหน้าของคุณยายเมื่อได้รับดอกไม้ที่เธอจะจัดหาไปให้ ดอกไม้แสนสวยที่มีกลิ่นหอมสดชื่นคงเป็นดอกไม้ที่หมาะสมที่สุดสำหรับคุณยายของคะนิ้ง
เมื่อหนูคะนิ้งเดินทางมาจนเกือบจะถึงร้านขายดอกไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของคุณยายมากนัก จู่ ๆ หนูคะนิ้ง ก็เหลือบไปเห็นหญิงชราผู้ยากจนคนหนึ่งกำลังนั่งสานผักตบชวาให้กลายเป็นตุ๊กตารูปสัตว์ต่าง ๆ อย่างตั้งอก ตั้งใจ หนูคะนิ้งนึกสงสารหญิงชราคนนี้อย่างบอกไม่ถูก เธอนึกในใจว่า ผู้สูงวัยอย่างหญิงชราไม่น่าที่จะต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งสานตุ๊กตาอยู่อย่างนี้ ด้วยความเป็นห่วง…หนูคะนิ้งจึงเดินตรงเข้าไปหาหญิงชรา แล้วนั่งลงทักทายหญิงชราด้วยความอ่อนน้อม
“คุณยายเป็นใครและกำลังทำอะไรอยู่คะ?” เด็กน้อยถามหญิงชราด้วยความสุภาพ
“ยายเป็นชาวนา…แต่ที่นาล่ม จึงต้องมานั่งสานตุ๊กตาเพื่อหารายได้” หญิงชราตอบเด็กน้อยอย่างตรงไปตรงมาที่สุด
หนูคะนิ้งรู้สึกชื่นชมเมื่อได้ทราบว่า หญิงชราเลือกการสานตุ๊กตาเป็นงานเลี้ยงชีพ หนูคะนิ้งเคยเห็นคนหลายคนเลือกที่จะหาเงินมาง่าย ๆ ด้วยการเป็นขอทานและนั่งขอเงินจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา หนูคะนิ้งรู้สึกชื่นชมหญิงชราอย่างจริงใจ ด้วยเหตุนี้ หนูคะนิ้งจึงตัดสินใจช่วยเหลือหญิงชราด้วยการปันเงินครึ่งหนึ่งที่คุณแม่ให้มาซื้อดอกไม้ อุดหนุนตุ๊กตาสานของหญิงชราผู้ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
หลังจากนั้นไม่นาน หนูคะนิ้งก็เดินทางมาถึงร้านขายดอกไม้ตามที่ตนเองตั้งใจเอาไว้ แรกทีเดียว หนูคะนิ้งคิดว่าเงินส่วนที่เหลือน่าจะเพียงพอในการซื้อดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ให้คุณยายได้สักช่อ แต่เนื่องจากในวันนั้นดอกไม้ค่อนข้างจะมีราคาแพง เงินส่วนที่เหลืออยู่จึงเพียงพอแค่สำหรับการซื้อเมล็ดพันธุ์ของดอกไม้เท่านั้น
แม้หนูคะนิ้งจะไม่สามารถซื้อดอกไม้ได้ดังที่ใจปรารถนา แต่เมื่อเจ้าของร้านขายดอกไม้สังเกตเห็นตุ๊กตารูปสัตว์ที่หนูคะนิ้งใส่เอาไว้ในตะกร้า เจ้าของร้านก็รู้สึกสงสัยว่า หนูคะนิ้งไปเอาตุ๊กตาที่แสนน่ารักนี้มาจากไหน และเมื่อหนูคะนิ้งเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าของร้านขายดอกไม้ฟัง เจ้าของร้านผู้แสนดีก็คิดในใจว่า เขาควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อสร้างกำลังใจให้กับเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่มีจิตใจงดงามคนนี้
เจ้าของร้านขายดอกไม้หายเข้าไปที่หลังร้านอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เขาก็หยิบถุงบรรจุเมล็ดพันธุ์ของดอกไม้ออกมาและส่งมันให้กับหนูคะนิ้ง
“ลองปลูกเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ดู ฉันคิดว่าคุณยายของหนูคงจะชอบมัน อ้อ! แล้วก็เลิกกังวลใจได้แล้ว เพราะฉันเชื่อว่า ถ้าหนูเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับคุณยายแล้วก็คุณแม่ฟัง ทุก ๆ คนคงจะภูมิใจในตัวหนู และดีใจมากกว่าการได้รับดอกไม้จากหนูเสียอีก”
จริงอย่างที่เจ้าของร้านขายดอกไม้ว่า เมื่อคุณยายได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากหนูคะนิ้ง คุณยายก็ดึงตัวหลานเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมอกด้วยความเอ็นดู นี่คือความงามอันยิ่งใหญ่ ที่งอกงามในจิตใจของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ความงามในจิตใจของหลานสาวมีค่ามากกว่าดอกไม้ช่อไหน ๆ ในโลกใบนี้ คุณยายมีความสุขมากและภูมิใจในตัวของหลานสาวมากที่สุด
และในเช้าวันรุ่งขึ้น เมล็ดพันธุ์ของดอกไม้ที่หนูคะนิ้งหว่านเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานก็ค่อย ๆ แทรกตัวขึ้นมาจากพื้นดินในสวนหลังบ้านของคุณยาย ซึ่งในเวลาต่อมา ต้นอ่อนเหล่านั้นก็เติบโต แล้วผลิดอกออกช่อพร้อมกับส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทั้งสวน
นี่คงเป็นรางวัลแห่งความดีที่เจ้าของร้านขายดอกไม้ตั้งใจที่จะมอบให้แก่คะนิ้ง และเมื่อหนูคะนิ้งเดินทางกลับบ้านในเย็นวันนั้น หนูคะนิ้งก็ไม่ลืมที่จะแวะหาเจ้าของร้านขายดอกไม้และมอบตุ๊กตาแสนสวยให้กับเจ้าของร้านขายดอกไม้เพื่อเป็นการขอบคุณ
#นิทานนำบุญ
………..
