Posted in นิทาน, เด็ก

นิทานเรื่อง ตุ๊กตาไร้แขน

นิทานก่อนนอนเรื่อง ตุ๊กตาไร้แขน เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นความตั้งใจที่ผมอยากจะลองเริ่มต้นกลับมาแต่งนิทานอย่างจริงจังอีกครั้ง พร้อม ๆ กับการตัวเองมาอยู่ที่จังหวัดนครพนม

นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานเรื่องแรกที่แต่ง โดยใช้ตุ๊กตาเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแรงบันดาลใจ ผมใช้เวลาในการแต่งนิทานเรื่องนี้อยู่หลายสัปดาห์ เพราะต้องวิ่งวุ่นกับการสร้างบ้านไปด้วย และต้องต่อสู้กับความขี้เกียจ รวมถึงความรู้สึกน้อยใจที่นิทานถูกละเมิดลิขสิทธิ์อยู่บ่อยครั้ง แต่ในที่สุด ผมก็แต่งนิทานเรื่องนี้เสร็จจนได้ (เสร็จก่อนที่บ้านจะพร้อมเข้าอยู่)

ผมหวังว่า นิทานที่ผมตั้งใจแต่งเรื่องนี้จะถูกใจคุณผู้อ่านบ้างนะครับ หลาย ๆ ส่วนอาจไม่สมบูรณ์เหมือนนิทานที่เคยแต่งลงในนิตยสารขวัญเรือน แต่เชื่อเถอะว่า ผมได้พยายามแต่งภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ ที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ ขอให้มีความสุขกับนิทานเรื่องนี้กันนะครับ

นิทานเรื่อง ตุ๊กตาไร้แขน

กาลครั้งหนึ่ง ณ ร้านขายของเก่าซึ่งมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมอยู่เสมอ ๆ   มีตุ๊กตาเศษผ้าที่เก่าคร่ำคร่าตัวหนึ่ง ถูกวางปนอยู่กับตุ๊กตาตัวอื่น ๆ ในร้านแห่งนั้น  ตุ๊กตาตัวนี้มีชื่อว่า “มินา”   มินาเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ถูกเจ้าของเดิมทิ้งมานานแล้ว  ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเจ้าของ เดิมโตเป็นผู้ใหญ่จึงเลิกเล่นตุ๊กตาแบบเด็ก ๆ  หรืออาจเป็นเพราะมินาเป็นตุ๊กตาที่เก่าเสียจนแขนของมันหลุดหายไปทั้งสองข้าง ทำให้เจ้าของเดิมไม่อยากเก็บมันเอาไว้อีกต่อไป

แม้มินาจะเป็นตุ๊กตาที่ชำรุด ไร้แขน  แถมยังถูกทิ้งจนกลายมาเป็นสินค้ามือสองในร้านขายของเก่า  แต่มินาก็ยังคงมีความทรงจำที่ดีและมีความภูมิใจที่ครั้งหนึ่งมันเคยได้ทำหน้าที่ของตุ๊กตาผู้มอบความสุขให้แก่เจ้าของเดิมในสมัยที่เธอยังเป็นเด็กน้อย  มินาจึงมักนั่งอมยิ้มอยู่นิ่ง ๆ ในร้านขายของเก่าแห่งนั้นอย่างมีความสุข โดยหวังว่าสักวัน มันจะมีโอกาสได้พบกับเจ้าของใหม่ที่ต้องการได้มันไปเป็นเพื่อน

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี  แม้ตุ๊กตาในร้านจะถูกซื้อออกไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า  แต่มินาก็ยังเป็นตุ๊กตาที่คงค้างอยู่ในร้าน  โดยไม่มีใครสนใจรับมินาไปดูแลเลยแม้แต่คนเดียว  

จนกระทั่งวันหนึ่ง  เจ้าของร้านอยากระบายของในร้านออกไปให้ได้มาก ๆ   เจ้าของร้านจึงหยิบมินาแถมให้ลูกค้าที่ซื้อตุ๊กตาในวันนั้น 

“คุณลูกค้าซื้อตุ๊กตาไปตั้งเยอะ  ชั้นขอแถมตุ๊กตาผ้าตัวนี้ให้อีกตัวแล้วกันนะ”

เมื่อลูกค้ามองมินา  ลูกค้าก็รีบบอกเจ้าของร้านว่า “ไม่เป็นไรค่ะ  เจ้าตุ๊กตาตัวนี้ก็น่ารักนะคะ แต่มันแขนขาดทั้งสองข้าง หมดสภาพความเป็นตุ๊กตาไปแล้ว  หนูขอไม่รับไว้นะคะ”

นั่นเป็นครั้งแรกที่มินาได้ฟังความรู้สึกที่ลูกค้ามีต่อมัน  และในวันนั้น  มินายังคงได้ฟังความรู้สึกที่ลูกค้าคนอื่น ๆ มีต่อมันอีกหลายต่อหลายครั้ง 

“หนูขอไม่รับไว้นะคะ ที่บ้านหนูมีตุ๊กตาเยอะแล้ว ถ้าจะเอาตุ๊กตาเข้าไปเพิ่ม ก็ขอคัดเอาตัวที่ชอบจริง ๆ  ส่วนตุ๊กตาแขนขาดแบบนี้  รับไปก็คงเอาไปทิ้ง เพราะบ้านไม่มีที่เก็บแล้วค่ะ”  ลูกค้าอีกคนปฏิเสธ

“พอดีผมซื้อตุ๊กตาไปเป็นของขวัญ  ถ้าเอาตุ๊กตาไร้แขนไปให้ใคร  เขาคงโมโหหาว่าเอาขยะไปให้  ผมต้องขอโทษจริง ๆ ที่รับมันไว้ไม่ได้ครับ”  ลูกค้าผู้ชายปฏิเสธอย่างสุภาพ

คืนวันนั้น หลังจากที่เจ้าของร้านปิดร้าน  โดยไม่มีใครยอมรับตุ๊กตาไร้แขนกลับไปบ้านด้วย  มินาที่เคยยิ้มแย้มด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข  ก็กลายเป็นตุ๊กตาที่มีสีหน้าอมทุกข์  เพราะมันได้รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงที่ผู้คนมีต่อมัน 

“ตุ๊กตาไร้แขน ก็คือขยะที่หมดสภาพความเป็นตุ๊กตาไปแล้ว  ไม่มีใครรัก ไม่มีใครต้องการ และไม่มีค่าใด ๆ อีกต่อไป”

มินาจมดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ของความท้อแท้  มันไม่เหลือความเชื่อมั่นหรือความภูมิใจใด ๆ ในตัวเองอีก  มินาอยากมีแขนเหมือนกับตุ๊กตาตัวอื่น ๆ  เพื่อที่มันจะได้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง  มินาร้องไห้ตลอดทั้งคืน  มันร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตาเลยแม้สักหยด  ในที่สุด  มินาก็หมดแรงหลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว

ค่ำคืนนั้น  เหล่านางฟ้าในดินแดนแห่งความสุขได้ยินเสียงร้องไห้ดังแว่วมาเกือบตลอดทั้งคืน  เสียงร้องไห้ของตุ๊กตาที่มีหน้าที่สร้างความสุขให้เด็ก ๆ เป็นเสียงร้องไห้ที่น่าสงสารที่สุดในบรรดาเสียงร้องไห้ทั้งหลาย  นางฟ้าองค์หนึ่งจึงอาสาไปช่วยมินา เพื่อให้ตุ๊กตาที่น่าสงสารพ้นจากช่วงเวลาแห่งความหม่นหมอง

ในตอนรุ่งสาง  มินาตื่นขึ้นมาโดยมีนางฟ้าองค์น้อยปรากฏตัวอยู่ห่างจากมันไม่มากนัก  เมื่อนางฟ้าเห็นว่ามินาตื่นแล้ว  นางฟ้าจึงเอ่ยปากถามมินาว่า  “เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น  ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอตลอดทั้งคืน  เธอต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม  ฉันพอจะช่วยอะไรเธอได้ไหม”

เมื่อมินาได้ฟังถ้อยคำของนางฟ้า  มินาก็มีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง  แต่มันพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วอ้อนวอนนางฟ้าด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า  “นางฟ้าจ๋า ฉันเพิ่งรู้ว่าการที่ฉันไม่มีแขน ทำให้ใคร ๆ ต่างไม่ต้องการฉัน  ฉันคือสิ่งของไร้ค่า ที่หมดสภาพความเป็นตุ๊กตาไปแล้ว”  มินาหยุดพูดนิดหนึ่ง  มันพยายามกลั้นความทุกข์ที่ท่วมท้นอยู่ในใจ  จากนั้น มันจึงพูดต่อไปอย่างน่าสงสารว่า  “นางฟ้าจ๋า ฉันอยากจะกลับมาเป็นตุ๊กตาที่มีคุณค่าอีกครั้ง  นางฟ้าพอจะช่วยฉันได้ไหม  แค่เนรมิตแขนทั้งสองข้างให้ฉัน  มันคงไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไปนะจ๊ะ”

 นางฟ้ามองตุ๊กตาเศษผ้าที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสาร  ทุกคำพูดของมินาสะท้อนความรู้สึกของมันออกมาได้อย่างชัดแจ้ง  แม้การเนรมิตแขนทั้งสองข้างให้มินาจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่นางฟ้ามองเห็นปัญหาบางอย่างที่สำคัญกว่า  นางฟ้าผู้เมตตาจึงบอกกับมินาว่า  “ฉันยินดีที่จะเนรมิตแขนใหม่ให้เธอนะจ๊ะ  แต่ตามกฎของนางฟ้า  เธอต้องทำความดีมาแลก”  นางฟ้าส่งยิ้มให้มินา จากนั้น นางฟ้าจึงพูดต่อไปว่า “เอาอย่างนี้ดีไหม  ถ้าเธอลองใช้ความเป็นตุ๊กตาในตัวเธอ ทำให้ผู้คนรู้สึกดีหรือมีความสุขได้สัก 3 คน  ฉันก็จะเนรมิตแขนใหม่ที่เข้ากับเธอให้ทันทีสู้ ๆ นะ ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้”

กำลังใจจากนางฟ้าและโอกาสในการกลับมามีแขนอีกครั้ง  ทำให้มินารู้สึกมีความหวัง

แม้มินาจะสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปมาก  แต่นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้มันกลับมาเป็นตุ๊กตาที่มีค่าได้อีกครั้ง มันจึงตั้งใจที่จะทำหน้าที่ในฐานะของตุ๊กตาตัวหนึ่งอย่างเต็มที่

ช่วงสายของวันนั้น  มีคุณแม่คนหนึ่งอุ้มลูกน้อยเข้ามาในร้านขายของเก่า  ในขณะที่คุณแม่เลือกของอยู่นั้น  เด็กน้อยมองไปรอบ ๆ ตัวความด้วยรู้สึกหวาดกลัวสถานที่ที่ไม่คุ้นตา   มินาสังเกตเห็นสีหน้าของเด็กน้อยที่เหมือนกำลังจะร้องไห้  มีนาจึงใช้พลังของตุ๊กตา ส่งเสียงร้องเพลงที่แสนน่ารัก เพื่อให้เด็กน้อยคลายความหวาดกลัวลงไปบ้าง

“มาซิมา มาซิมา  เชิญเธอเข้าสู่ดินแดนตุ๊กตา   มาซิมา มาซิมา  โลกจะสดใสถ้าเธอยิ้มออกมา” 

เสียงร้องเพลงของตุ๊กตาเป็นเสียงพิเศษที่มีแต่เด็กเล็ก ๆ เท่านั้นที่สามารถได้ยินได้   เมื่อเด็กน้อยได้ฟังเสียงเพลงจากมินา  และเมื่อเด็กน้อยมองไปยังตุ๊กตาไร้แขนที่ส่งยิ้มพร้อมกับทำหน้าตลก ๆ ชวนให้หัวเราะ เด็กน้อยก็ยิ้มตอบ แถมยังส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี จนคุณแม่ถึงกับแปลกใจ

หลังจากที่คุณแม่กับเด็กน้อยออกจากร้านไปแล้ว  ในเวลาต่อมา  มีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าเหมือนคนอมทุกข์   หญิงสาวก้มหน้าหยิบของเก่าในร้านขึ้นมาดูชิ้นแล้วชิ้นเล่า แต่ใจของเธอกลับล่องลอยไปอยู่ที่อื่น  มินาสังเกตเห็นสีหน้าของหญิงสาวและเห็นน้ำตาของเธอโดยบังเอิญ 

“สาวน้อยคงเจอเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจมากแน่ ๆ”  มินาคิด  ด้วยเหตุนี้  มินาจึงตัดสินใจใช้พลังของตุ๊กตา ส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความห่วงใยว่า “สาวน้อย ถ้าเธอมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ เธอเล่าให้ฉันฟังได้นะ  ตุ๊กตาอย่างฉันเป็นนักฟังที่ดี และฉันก็ไม่เคยเอาเรื่องของใครไปเล่าต่อให้คนอื่นรู้ด้วยนะ”

เมื่อหญิงสาวได้ยินเสียงพิเศษของมินาที่คนอื่นไม่สามารถได้ยิน  หญิงสาวก็เดินตรงมาหามินาอย่างช้า ๆ  พลางเอื้อมมือมาหยิบมินาเข้าไปแนบไว้ที่อ้อมอก  จากนั้น หญิงสาวก็พูดในใจกับมินา ซึ่งมินาฟังคำพูดทุกคำของหญิงสาวด้วยความตั้งใจ 

หญิงสาวระบายความทุกข์ใจของเธอที่ต้องผิดหวังกับเรื่องหลาย ๆ เรื่องในชีวิต  จนเธอรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า  หญิงสาวอยากได้กำลังใจจากใครสักคนที่พร้อมจะรับฟังความทุกข์ของเธอและยอมรับในตัวตนของเธอในแบบที่เธอเป็น  ซึ่งการที่มินายินดีรับฟังเสียงในใจของเธอ  มันก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจมากขึ้น เหมือนเธอไม่ได้อยู่ในโลกนี้เพียงลำพัง

เมื่อหญิงสาวรู้สึกดีขึ้น เธอจึงวางมินาลงตรงที่เดิมแล้วยิ้มให้มินาด้วยความรู้สึกขอบคุณ  จากนั้น เธอก็เดินออกจากร้านไปอย่างเงียบ ๆ

ในขณะนั้น  มินารู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งได้โอบกอดให้กำลังใจหญิงสาว และได้ส่งความรักให้สาวน้อย ในฐานะของตุ๊กตาตัวหนึ่งอย่างจริงใจที่สุด   มินารู้สึกว่าตัวเองได้ทำหน้าของตุ๊กตาอีกครั้ง  แต่ในขณะเดียวกัน  มันก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า  ทำไมตุ๊กตาไร้แขนอย่างมันจึงรู้สึกเหมือนได้ใช้แขนโอบกอดให้กำลังใจหญิงสาวจนเธอรู้สึกดีขึ้นได้

ระหว่างที่มินากำลังแปลกใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  จู่ ๆ ก็มีคุณครูคนหนึ่งพาเด็กนักเรียนตัวน้อยหลายต่อหลายคนเข้ามาในร้านขายของเก่า  คุณครูคงตั้งใจพานักเรียนมาทัศนศึกษา หรือเรียกง่าย ๆ ว่า พานักเรียนมาเปิดหูเปิดตา  แต่สิ่งหนึ่งที่มินาคาดไม่ถึงก็คือ  คุณครูอนุญาตให้เด็ก ๆ เลือกตุ๊กตาที่เหมาะกับตัวเองคนละตัว  เพราะคุณครูตั้งใจจะซื้อตุ๊กตามอบให้เด็กนักเรียนทุกคนเป็นของขวัญ ในฐานะที่เด็ก ๆ ตั้งใจเรียนและเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด

ทันทีที่เด็ก ๆ ได้ยินคำพูดของคุณครู  เด็ก ๆ ก็พากันเลือกตุ๊กตาที่ตัวเองชอบมากที่สุดจนทำให้ทั่วทั้งร้านมีแต่เสียงของเด็กน้อยที่พูดคำว่า “น่ารักจังเลย น่ารักจังเลย” ไม่ขาดปาก  

ในบรรดาเด็ก ๆ  เกือบยี่สิบคนที่คุณครูพามาเลือกตุ๊กตา  มีเด็กคนหนึ่งเดินมาหามินา พร้อมกับสังเกตแขนของมินา ซึ่งเป็นแขนที่ไม่มีใครมองเห็น!  หลังจากนั้น  เด็กน้อยก็เผลอพูดออกมาเบา ๆ ว่า “น่ารักจังเลย น่ากอดที่สุด ฉันชอบเธอที่สุดเลยนะ” 

มินาแปลกใจที่เด็กน้อยชมมันว่าน่ารัก  แต่เมื่อมินาสังเกตเด็กน้อยอย่างถี่ถ้วน    มินาก็พบว่าเด็กน้อยคนนั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ 

สิ่งที่มินาสังเกตเห็นและอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กน้อยชอบมินามากกว่าตุ๊กตาตัวอื่น ๆ ก็คือ เด็กน้อยคนนั้นมีขาข้างหนึ่งเป็นขาเทียมที่ใช้แทนขาที่หายไป  

แม้เด็กน้อยจะไม่มีขาสมบูรณ์เหมือนเด็กคนอื่น แต่เด็กน้อยก็สามารถเดินมาหามินาได้ด้วยวิธีของตัวเอง  ในขณะเดียวกัน  แม้มินาจะไม่มีแขนแบบตุ๊กตาตัวอื่น ๆ   แต่มินาก็มีแขนที่มองไม่เห็นที่พร้อมจะกอดและปลอบใจทุก ๆ คนด้วยวิธีของตัวเอง

หลังจากที่เด็ก ๆ เลือกตุ๊กตาที่ชอบได้คนละตัวแล้ว  คุณครูได้ขอฝากตุ๊กตาทั้งหมดไว้ที่ร้านก่อน แล้วจะขับรถมารับตุ๊กตาทั้งหมดกลับไปในช่วงวันหยุด 

เมื่อคุณครูพาเด็กนักเรียนออกจากร้านไปหมดแล้ว  เจ้าของร้านก็ปิดร้าน  หลังจากนั้น  นางฟ้าก็มาปรากฏตัวต่อหน้าของมินาอีกครั้ง

ทันทีที่นางฟ้าปรากฏตัว  นางฟ้าก็พูดกับมินาว่า  “วันนี้ เธอได้ใช้ความเป็นตุ๊กตาในตัวเธอ ทำให้คนมีความสุขมากถึง 3 คนเลยนะ  ดังนั้น ฉันจะเนรมิตแขนใหม่ให้เธอตามสัญญา  ว่าแต่…เธอยังต้องการให้ฉันเนรมิตแขนให้เธออยู่ใช่ไหม”

มินาส่งยิ้มให้นางฟ้าแล้วตอบกลับไปว่า  “นางฟ้าจ๋า ถ้านางฟ้าไม่ว่าอะไร  ฉันอยากอธิษฐานขอสิ่งอื่นที่ไม่ใช่แขนจะได้ไหม”  

นางฟ้ามีสีหน้าแปลกใจ  มินาจึงอธิยายต่อไปว่า “เหตุการณ์วันนี้ ทำให้ฉันได้รู้แล้วว่า แม้ฉันจะเป็นตุ๊กตาไร้แขน แต่ฉันยังคงมีความเป็นตุ๊กตาอย่างเต็มเปี่ยม  ฉันเป็นตุ๊กตาที่พร้อมจะโอบกอดและมอบความรักให้แก่คนที่ต้องการ โดยที่ฉันไม่จำเป็นต้องมีแขนเลยด้วยซ้ำ”     มินาหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วจึงพูดต่อไปว่า  “ฉันคิดว่า ฉันมีความสุขกับทุกสิ่งที่ฉันเป็นอยู่  ดังนั้น  หากหากนางฟ้าจะกรุณา ฉันอยากขอให้นางฟ้าเนรมิตความสุขให้แก่สาวน้อยคนที่เล่าเรื่องราวทุกข์ใจให้ฉันฟังในวันนี้ เพื่อให้เธอกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งจะได้ไหมจ๊ะ”

นางฟ้ายิ้มให้มินา พลางพยักหน้าแทนคำตอบ 

นางฟ้าดีใจที่มินาค้นพบคุณค่าในตัวเอง คุณค่าของการเป็นผู้ส่งมอบความสุข ที่ไม่มีคำพูดของใครจะมาทำลายมันลงไปได้   ด้วยเหตุนี้  นางฟ้าจึงเนรมิตให้ความทุกข์ใจของสาวน้อยค่อย ๆ คลี่คลายลงตามคำขอของมินา 

หลังจากนั้นไม่กี่วัน  คุณครูก็มารับตุ๊กตาทั้งหมดรวมทั้งมินา เพื่อนำไปมอบให้แก่เด็ก ๆ ที่เฝ้ารอตุ๊กตาแสนรักของพวกเขา  ส่วนสาวน้อยก็ค่อย ๆ คลายความทุกข์และกลับมามีความสดใสอีกครั้งด้วยพรของนางฟ้า

ในที่สุด เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงอย่างมีความสุข

#นิทานนำบุญ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.