Posted in นิทานก่อนนอน, นิทานนำบุญ, นิทานสอนใจ

เด็กน้อยกับปิศาจ : นิทานสอนใจเรื่องความรอบคอบ

นิทานเรื่องนี้เล่าถึง “เด็กน้อยผู้มีน้ำใจ” ที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางคำสอนของแม่ให้รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากใต้พื้นดิน เด็กน้อยไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วยทันทีโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา แต่สิ่งที่เขาช่วยกลับไม่ใช่คนตกทุกข์ได้ยาก หากแต่เป็น “ปิศาจร้าย” ที่ถูกขังไว้ในหม้อมนตรา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เด็กน้อยต้องเผชิญบทเรียนสำคัญของชีวิต ความใจดีที่ขาดความรอบคอบอาจกลายเป็นอันตรายต่อตัวเองและคนที่รักได้ เด็กน้อยต้องใช้ไหวพริบเอาตัวรอดจากปิศาจผู้เนรคุณ ด้วยความกล้า ความฉลาด และความรักที่มีต่อแม่ของเขา

นิทานเรื่อง “เด็กน้อยกับปิศาจ” ไม่ได้สอนเพียงเรื่องของความกล้าและความดีเท่านั้น แต่ยังสอนให้เด็กรู้จักใช้ “สติ” และ “การคิดไตร่ตรอง” ก่อนลงมือทำสิ่งใด เพื่อให้ความดีที่ทำกลายเป็นพลังแห่งปัญญา ไม่ใช่ความประมาทที่นำภัยมาสู่ตนเอง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กน้อยคนหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กับแม่ผู้เป็นที่รักของเขา

อยู่มาวันหนึ่ง ในขณะที่เด็กน้อยสะพายย่ามออกไปเก็บผักและหาหน่อไม้ในป่าเพื่อนำมาให้แม่ทำกับข้าว จู่ ๆ เด็กน้อยก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากใต้พื้นดิน

เด็กน้อยนึกถึงคำที่แม่เคยสอนให้เขารู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เด็กน้อยจึงตัดสินใจขุดดินจนกระทั่งพบหม้อดินซึ่งมีปิศาจถูกขังอยู่ในนั้น

เมื่อเจ้าปิศาจรู้ว่าเด็กน้อยแสนซื่อเป็นคนขุดดินจนเจอหม้อมนตรา มันจึงแกล้งทำเสียงน่าสงสารแล้วร้องขอให้เด็กน้อยช่วยปล่อยมันออกไปจากหม้อ

เด็กน้อยฟังคำของเจ้าปิศาจก็นึกเห็นใจจนลืมคิดให้รอบคอบ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหลงกลแกะผ้ายันต์ที่ปิดปากหม้อออก แล้วปล่อยให้เจ้าปิศาจร้ายได้เป็นอิสระ

เมื่อเจ้าปิศาจออกมาสู่โลกภายนอก มันก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น หลังจากนั้น มันก็คว้าตัวเด็กน้อยเอาไว้ด้วยมืออันใหญ่ยักษ์ของมัน พร้อมกับอ้าปากกว้างทำท่าจะจับเด็กน้อยกินให้หายหิว

เด็กน้อยตกใจมากที่เห็นเจ้าปิศาจคิดเนรคุณ แต่เด็กน้อยก็ยังพอมีสติ เขาจึงรีบตะโกนบอกเจ้าปิศาจให้ใจเย็น ๆ แล้วขอร้องเจ้าปิศาจว่า “หากท่านคิดจะกินหนู อย่างน้อย…ในฐานะที่หนูช่วยท่านเอาไว้ หนูอยากขออนุญาตไปลาแม่และขอกินอาหารแสนอร่อยฝีมือแม่อีกสักครั้งจะได้ไหม”

เมื่อเด็กน้อยพูดถึงแม่และอาหารฝีมือแม่ เจ้าปิศาจซึ่งจากแม่มานานก็เห็นใจ มันจึงยอมปล่อยตัวเด็กน้อยเป็นการชั่วคราว โดยมันขอตามไปชิมอาหารที่แม่ของเด็กน้อยทำด้วย

เด็กน้อยโล่งใจที่เขารอดพ้นจากการถูกกินมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ในขณะเดียวกัน การพาปิศาจกลับบ้านก็เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะมันอาจจับแม่ของเขากินเสียอีกคนหนึ่ง เด็กน้อยไม่อยากให้แม่ได้รับอันตราย เขาจึงคิดแผนจัดการกับเจ้าปิศาจด้วยการสืบหาจุดอ่อนของมัน

หลังจากที่เด็กน้อยพาเจ้าปิศาจเดินวนอยู่ในป่าและหลอกถามสลับกับเยินยอต่าง ๆ นานา ในที่สุด เด็กน้อยก็ได้รู้ว่าบุคคลที่เจ้าปิศาจกลัวจนหัวหดก็คือฤาษีจอมขมังเวทย์ผู้ซึ่งเป็นคนเนรมิตหม้อมนตราและจับเจ้าปิศาจขังเอาไว้นานนับร้อย ๆ ปี

แม้ตอนนี้เด็กน้อยจะไม่รู้ว่าท่านฤาษียังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เขาก็มีแผนดี ๆ ที่น่าจะทำให้เขาจัดการกับเจ้าปิศาจได้สำเร็จ

เมื่อเด็กน้อยคิดแผนการได้ เขาก็พาปิศาจเดินวนกลับไปยังจุดที่เขาขุดเจอหม้อมนตรา เด็กน้อยรอจังหวะที่เจ้าปิศาจเผลอแล้วจึงรีบทำตามแผนที่วางไว้ จากนั้น เด็กน้อยก็พาปิศาจเดินตรงไปยังชายป่าซึ่งเป็นเส้นทางสู่บ้านของเขา…ในช่วงที่แม่กำลังทำอาหารอยู่พอดี

กลิ่นหอมของอาหารฝีมือแม่ทำให้เจ้าปิศาจท้องร้องจ๊อก ๆ เมื่อเด็กน้อยเห็นเจ้าปิศาจหิวจนขาดสมาธิ เด็กน้อยจึงแกล้งบอกเจ้าปิศาจว่า “ท่านปิศาจจ๋า หนูเพิ่งนึกได้ว่าที่ปากทางก่อนออกจากป่า มีอาศรมของฤาษีตั้งอยู่ตรงนั้นด้วย บางทีอาจจะเป็นที่พักของฤาษีจอมขมังเวทย์ก็ได้ หนูว่าท่านน่าจะแปลงร่างให้เล็กลงแล้วเข้าไปซ่อนอยู่ในย่ามของหนูเสียก่อนนะ”

เจ้าปิศาจที่หิวจัดเห็นว่าการเข้าไปหลบอยู่ในย่ามของเด็กน้อยแสนซื่อไม่ใช่เรื่องเสียหาย มันจึงแปลงกายแล้วกระโจนเข้าไปในย่ามของเด็กน้อยอย่างไม่รอช้า

ทันทีที่เจ้าปิศาจกระโดดเข้าไปในย่าม เด็กน้อยก็รีบหยิบผ้ายันต์ที่เขาแอบซุกเอาไว้ออกมา แล้วจัดการนำมันปิดปากหม้อมนตราที่เขาซ่อนเอาไว้ในย่ามตามแผนที่วางไว้

เมื่อเด็กน้อยใช้ยันต์ของฤาษีจอมขมังเวทย์ปิดปากหม้อมนตราแล้ว เจ้าปิศาจจึงถูกขังอยู่ในหม้อใบนั้นดังเดิม

เจ้าปิศาจเพิ่งรู้ตัวว่ามันโดนเด็กน้อยหลอกให้หลงกลอย่างคาดไม่ถึง มันพยายามโอด-ครวญสุดชีวิต แต่คราวนี้เด็กน้อยไม่เชื่อคารมของมันอีกแล้ว มิหนำซ้ำ…เด็กน้อยยังเขียนข้อความเตือนไว้ไม่ให้ใครเผลอแกะผ้ายันต์ออกจากปากหม้ออีกเป็นอันขาด

เด็กน้อยดีใจเหลือเกินที่เขาสามารถจัดการกับเจ้าปิศาจได้สำเร็จ แม้การช่วยเหลือผู้อื่นจะเป็นสิ่งที่ดี แต่เด็กน้อยก็ได้เรียนรู้แล้วว่า เขาควรคิดให้รอบคอบและช่วยแต่คนที่ควรได้รับความช่วยเหลือจริง ๆ เท่านั้น

เด็กน้อยยิ้มและถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากนั้น เขาก็จัดการฝังหม้อมนตราให้พ้นหูพ้นตาของผู้คนทั้งหลาย

ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :

  • ความดีต้องมาพร้อมกับสติและการไตร่ตรองเสมอ
  • อย่าตัดสินใจช่วยใครเพียงเพราะคำพูดหรือความสงสารในชั่วขณะ
  • คนฉลาดคือคนที่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง
  • ความรักและความห่วงใยในครอบครัวเป็นพลังให้เราฝ่าฟันอันตรายได้
ภาพเด็กน้อยถือย่ามยืนมองหม้อดินที่มีปิศาจถูกขังอยู่ เป็นฉากในนิทานเรื่องเด็กน้อยกับปิศาจ
เด็กน้อยผู้มีน้ำใจเผชิญหน้ากับปิศาจร้ายจากหม้อมนตรา

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.