ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยสื่อออนไลน์และข้อมูลมากมาย นิทานก่อนนอนยังคงเป็นสื่อที่ทรงพลังในการสอนใจเด็กและผู้ใหญ่ นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงกับกระจกวิเศษ” ไม่ได้เป็นเพียงนิทานเด็กที่เล่าเพื่อความสนุก แต่เป็นนิทานสอนใจที่ช่วยให้ผู้อ่านทุกวัยตระหนักถึงความสำคัญของการรู้เท่าทันสื่อ และการใช้วิจารณญาณก่อนเชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ได้ยินหรือเห็นในโลกออนไลน์
หลายครั้งเราพบโฆษณาขายของที่บรรยายสรรพคุณอย่างน่าเชื่อถือ หรือข้อความที่ชวนให้ทำตามโดยอ้างเหตุผลที่ดูสมจริง แต่หากตรวจสอบลึกลงไป อาจพบว่าเป็นข้อมูลที่บิดเบือนหรือมีเจตนาแอบแฝง นิทานเรื่องนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนความจริงในสังคมปัจจุบัน ผ่านการเล่าเรื่องที่สนุกสนานและเข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับใช้เป็นนิทานก่อนนอน นิทานเด็กดี และนิทานสอนใจที่ช่วยให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน
คุณค่าของนิทาน เจ้าหญิงกับกระจกวิเศษ อยู่ที่การสอนให้เด็กกล้าใช้วิจารณญาณ กล้าที่จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และรู้จักปรึกษาพ่อแม่เมื่อพบสิ่งที่น่าสงสัย ขณะเดียวกันก็เตือนผู้ใหญ่ให้รู้บทบาทของตนเองในการเป็นที่พึ่งที่ลูกไว้ใจได้ นิทานเรื่องนี้จึงไม่ใช่เพียงนิทานแฟนตาซี แต่เป็นนิทานอมตะที่เหมาะกับทุกวัย และควรค่าแก่การอ่านและแบ่งปันต่อ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดให้กับสังคมในยุคดิจิทัล
มาอ่านนิทานเรื่อง “เจ้าหญิงกับกระจกวิเศษ” ด้วยกันนะครับ
กาลครั้งหนึ่ง มีเจ้าหญิงองค์หนึ่ง เป็นเจ้าหญิงที่ทั้งสวย ทั้งฉลาด และเชื่อฟังพ่อแม่เป็นที่สุด
วันหนึ่ง มีแม่มดสาวตนหนึ่ง ค้นพบกระจกวิเศษประจำตระกูล นางจึงถามกระจกวิเศษว่า “กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี” เมื่อกระจกวิเศษตอบว่า “ก็ต้องเป็นเจ้าหญิงน่ะสิ ทั่วทั้งปฐพี ไม่มีใครดีและงามเกิน”
ทันทีที่ได้ฟัง แม่มดก็โกรธจัด เพราะนางคิดว่าตนสวยที่สุด เมื่อกระจกวิเศษเห็นเช่นนั้น แทนที่มันจะปรามให้สงบ กระจกวิเศษกลับยุให้แม่มด หาทางจัดการกับเจ้าหญิงเสีย
แม่มดสาวคิดอยู่สักพัก ในที่สุด นางจึงวางแผนส่งกระจกวิเศษไปเป็นของขวัญให้เจ้าหญิงเพื่อให้กระจกยุให้เจ้าหญิงทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งามต่าง ๆ เพื่อให้เจ้าหญิงกลายเป็นคนไม่ดี
เมื่อถึงวันเกิดของเจ้าหญิง แม่มดก็ทำตามแผนโดยแกล้งทำทีเป็นมีไมตรีจิต แล้วมอบกระจกให้เจ้าหญิงโดยบอกว่า กระจกที่มอบให้ เป็นกระจกวิเศษที่ตอบคำถามได้ทุกอย่าง (ราวกับอินเตอร์เน็ตหรือเอไอในสมัยนี้)
เจ้าหญิงตื่นเต้นและพอใจมาก จึงนำกระจกวิเศษไปไว้ที่ห้อง ครั้นเมื่อกระจกวิเศษ ได้อยู่กับเจ้าหญิงตามลำพัง กระจกก็เริ่มยุให้เจ้าหญิงทดลองทำสิ่งไม่ดีไม่งาม โดยอ้างว่า เรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ เพราะมันเป็นชีวิตของเรา!
กระจกแนะให้เจ้าหญิงนอนดึก ๆ หรือหนีออกไปเที่ยวเล่นนอกวังในตอนกลางคืน รวมทั้งชักชวนให้สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เล่นการพนัน ตามแบบที่วัยรุ่นชอบทำกัน
คำแนะนำของกระจกวิเศษ ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกแปลก ๆ เพราะคำพูดของกระจกวิเศษต่างจากคำสอนของพ่อกับแม่โดยสิ้นเชิง
เจ้าหญิงคิดว่ากระจกวิเศษ น่าจะมีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ แต่เพื่อความแน่ใจ เจ้าหญิงจึงแกล้งถามว่า “กระจกวิเศษจ๋า ถ้าหญิงทำตามที่พี่กระจกบอก แล้วเสด็จพ่อกับเสด็จแม่จับได้ หญิงควรทำอย่างไรดีล่ะจ๊ะ”
เมื่อกระจกวิเศษได้ฟัง มันจึงแกล้งตอบว่า “ถ้าพระราชากับพระราชินีจับได้ เจ้าหญิงก็แค่แต่งเรื่องโกหกเพื่อเอาตัวรอด เดี๋ยวท่านก็หลงเชื่อเองแหละ”
การโกหกพ่อแม่เป็นเรื่องที่ไม่ดี เจ้าหญิงจึงมั่นใจว่า กระจกวิเศษ ต้องคิดร้ายกับพระองค์แน่ ๆ (รวมทั้งแม่มดที่นำกระจกมาให้ก็คงมีแผนการร้ายซ่อนอยู่) ด้วยเหตุนี้ เจ้าหญิงจึงนำเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ซึ่งเมื่อทั้งสองพระองค์ได้ฟัง ทั้งสองก็นำกระจกมาสอบสวน จากนั้น ก็จัดการทำลายกระจกตัวร้ายเพื่อไม่ให้มันไปเสี้ยมสอนใคร ๆ ให้ทำเรื่องเลวร้ายได้อีก นอกจากนี้ พระราชากับพระราชินีก็ให้พ่อมดหลวง ไปจับแม่มดมาขังไว้ เพื่อรอการลงโทษ
โชคดีเหลือเกินที่เจ้าหญิง ไม่ได้มีหน้าตาที่งดงามเท่านั้น แต่พระองค์ยังเฉลียวฉลาด และรู้จักนำเรื่องที่ได้พบได้ฟัง ไปปรึกษาหารือพ่อกับแม่ เพื่อให้ท่านช่วยคิด คุณสมบัติต่าง ๆ นี้เองที่ทำให้เจ้าหญิงรอดจากผู้ประสงค์ร้าย
ในที่สุด กระจกวิเศษของตระกูลแม่มดก็หมดโอกาสไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ใคร ๆ อีก ส่วนแม่มดที่มีจิตใจชั่วร้าย ก็ต้องรับโทษอยู่ในคุกเวทมนตร์ และได้ใช้เวลาสำนึกผิดอยู่ในคุกไปอีกนานแสนนาน
#นิทานนำบุญ
หมายเหตุ : หากชอบนิทานเรื่องนี้ รบกวนคลิกชมแบนเนอร์โฆษณาสักนิด เพื่อสนับสนุนให้เว็บไซต์นิทานนำบุญมีรายได้นะครับ ขอบคุณมากครับ 💛

Banner โฆษณา อยู่ตรงไหนหรอคะ หาไม่เจอค่ะพอดีอยากกดให้ค่ะ เพื่อเป็นการสนับสนุนนิทานนำบุญSent from my iPhone
LikeLike
บางที จะมีโฆษณาขึ้นมาคั่นในนิทานครับ แต่มันจะขึ้นอัตโนมัติ (บางคนก็จะไม่เห็น) ถ้าเห็นเมื่อไหร่ รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
LikeLike
ได้เลยค่ะ ยินดีค่ะ
LikeLike
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
LikeLike