นิทานธรรมะเรื่องนี้ แต่งขึ้นในช่วงชีวิตที่ผู้เขียนเข้าวัดปฏิบัติธรรม ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผู้เขียนต้องเผชิญกับทุกข์ในหลาย ๆ ลักษณะ แต่หลังจากเจริญสติผ่านจุดหนึ่งไปแล้ว จึงได้พบความจริงว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความอยากให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามใจเรา (หรือพูดง่าย ๆ คือเป็นไปตามกิเลสของเรา) ยิ่งอยากก็ยิ่งทุกข์ หยุดอยากก็หยุดทุกข์ นิทานเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น ผู้เขียนจึงขอมอบนิทานเรื่องนี้ไว้เป็นนิทานสอนใจแก่ทุก ๆ คนนะครับ
นิทานเรื่อง ผลพระจันทร์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกระต่ายน้อยตัวหนึ่งได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าเก่าแก่เกี่ยวกับ “ผลพระจันทร์” ที่มีรสชาติหวานฉ่ำชื่นใจและออกผลเพียงแค่ร้อยปีต่อครั้งเท่านั้น กระต่ายน้อยอยากชิมผลไม้ลูกสีเหลืองสุกสว่างในตำนานมากเหลือเกิน มันจึงเดินทางเข้าไปในป่า แล้วนั่งรอเวลาให้ต้นพระจันทร์ที่สูงเสียดฟ้าออกผลด้วยหัวใจที่กระวนกระวายไร้ความสุข
ยิ่งนานวัน กระต่ายน้อยก็ยิ่งอยากชิมผลพระจันทร์มากขึ้นเรื่อย ๆ มันคิดและฝันเรื่องผลพระจันทร์จนใจไม่เหลือที่ว่างไว้ใส่ความสุข กระต่ายน้อยรอคอยวันที่ต้นพระจันทร์จะออกผลด้วยความกลัดกลุ้ม จนกระทั่งวันหนึ่ง ต้นพระจันทร์ก็ใจดียอมออกผลพระจันทร์ผลน้อย ๆ ที่ปลายยอดของมันเพื่อให้กระต่ายน้อยคลายความร้อนลนลงไปบ้าง
วันต่อมา เมื่อกระต่ายน้อยตื่นนอนและเห็นผลพระจันทร์ลูกเล็ก ๆ ที่ปลายยอดของต้นพระจันทร์ กระต่ายน้อยกลับยิ่งตื่นเต้นและคิดว่ามันควรรีบหาวิธีจองผลพระจันทร์ก่อนที่จะมีใครมาแย่งผลไม้หายากนี้ไป กระต่ายน้อยคิด ๆ ๆ แล้วตัดสินใจจะเอากระดาษไปห่อผลพระจันทร์พร้อมกับเขียนชื่อจับจองเอาไว้ก่อน
กระต่ายน้อยเริ่มทำตามสิ่งที่คิดด้วยการปีนขึ้นไปที่ยอดของต้นพระจันทร์ แต่เนื่องจากต้นพระจันทร์เป็นต้นไม้โบราณที่สูงเสียดฟ้า กระต่ายน้อยปีนขึ้นไปได้ไม่เท่าไหร่ แขนขาของมันก็หมดแรง ท้ายที่สุด มันจึงต้องยอมปีนกลับลงมาที่พื้น
เมื่อการปีนต้นไม้ไม่ได้ผล กระต่ายน้อยจึงทำที่สอยผลพระจันทร์ซึ่งมีหน้าตาคล้าย ๆ กับที่สอยมะม่วงเผื่อไว้ใช้สอยผลพระจันทร์ตอนที่มันโตได้ที่ กระต่ายน้อยใช้เวลาทำที่สอยอยู่นาน 5 วันจนเจ็บมือไปหมด แต่อนิจจา! เมื่อกระต่ายน้อยลองถือที่สอยดูปรากฏว่ามันยาวและหนักเกินกว่าที่กระต่ายน้อยตัวเล็ก ๆ จะถือไหว ด้วยเหตุนี้ กระต่ายน้อยจึงต้องคิดวิธีใหม่
กระต่ายน้อยร้อนรนกระวนกระวายคิดหาวิธีต่าง ๆ ไม่ยอมหยุด มันคิดจะทำบันไดเอาไว้พาดกับต้นพระจันทร์ แต่คิดไปคิดมา ถ้าทำบันไดจริง มันคงเป็นบันไดที่สูงมาก ๆ และก็คงทำยากมาก ๆ ด้วย
กระต่ายน้อยเลยคิดวิธีอื่น ทั้งการขี่นกขึ้นไปเก็บผลพระจันทร์, การวิ่งชนต้นพระจันทร์ให้ผลพระจันทร์ร่วงลงมา, การตัดต้นพระจันทร์ทิ้งเพื่อจะได้เก็บผลพระจันทร์ได้ง่าย ๆ แต่เมื่อใคร่ครวญแล้ว ทุกวิธีที่กระต่ายน้อยคิด ดูจะไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
“ผลไม้แสนอร่อยที่ชิมแล้วน่าจะทำให้มีความสุข…ทำไมจึงทำให้ฉันทุกข์ใจได้ถึงขนาดนี้นะ” กระต่ายน้อยรำพึง
ความกระวนกระวายใจทั้งยามหลับยามตื่น, ความพยายามจนเจ็บมือและเหนื่อยล้า, ความปรารถนาที่ไม่เป็นอย่างที่หวัง ทำให้กระต่ายน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางคิดว่า
“ฉันควรอยู่กับความทุกข์เพื่อรอเวลาลิ้มรสความสุขที่ยังมาไม่ถึงจากการได้ชิมผลพระจันทร์ หรือฉันควรปล่อยวางและยอมรับว่าทุกสิ่งอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการได้ทั้งหมดหรอก”
กระต่ายน้อยครุ่นคิดอยู่สักพัก มันเหนื่อยล้า ท้อแท้ และท้ายที่สุดมันก็ตัดสินใจหยุดตะเกียกตะกายไขว่คว้าผลพระจันทร์มาชิมอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก
ทันทีที่กระต่ายน้อยตัดสินใจเช่นนั้น ความทุกข์ที่ทับถมอยู่ในใจก็หายวับไปเป็นปลิดทิ้ง!
การยอมรับและเลิกดิ้นรน…ทำให้จิตใจสบายและมีความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ
กระต่ายน้อยยิ้มด้วยความประหลาดใจ มันไม่เคยรู้มาก่อนว่าบางทีแค่หยุดความอยาก…ความสงบสุขก็ปรากฏขึ้นมาในใจได้อย่างง่าย ๆ
กระต่ายน้อยยิ้มให้กับความเขลาของตัวเองที่ทุรนทุรายอยู่นาน มันตัดสินใจนอนพักเก็บแรงเตรียมกลับบ้านโดยไม่หวังอะไรให้ใจเป็นทุกข์อีก
กระต่ายน้อยหลับไปนานเพราะความเหนื่อย และในช่วงที่กระต่ายน้อยหลับอยู่นั้น ผลไม้พิเศษอย่างผลพระจันทร์ก็ค่อย ๆ สุกพร้อมกับเปล่งประกายสีเหลืองนวลตาออกมา
สายลมพัดผลพระจันทร์ที่สุกจนได้ที่ให้ส่ายไหวไปตามแรงลม จนเมื่อกระต่ายน้อยตื่น มันก็พบว่าสายลมได้พัดผลพระจันทร์ที่มันเคยปรารถนาให้ตกลงมาที่พื้นใกล้ ๆ กับที่นอนของมันนั่นเอง
การดิ้นรนอยากได้สิ่งต่าง ๆ ทำให้ความสงบสุขในใจหายไป แต่ถ้าปล่อยวางและยอมรับทุกอย่างตามที่ธรรมชาติจัดสรรไว้ให้ บางที…สิ่งดี ๆ ก็อาจเกิดขึ้นกับเราได้โดยที่เราไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายเลยด้วยซ้ำ
และแล้ว…เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงอย่างมีความสุข
#นิทานนำบุญ

ชอบมากค่ะ ช่วยเตือนสติได้ดีเลยค่ะว่าบางครั้งเราควรปล่อยวางบ้าง ขอบคุณนะคะ
LikeLike
สาธุ
LikeLike
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ลูกชายวัย 6 ขวบ มักชอบให้อ่านนิทานของคุณนำบุญให้ฟัง แกชอบฟังทุกเรื่องเลยค่ะ
LikeLike
ดีใจจังเลยครับ หากมีโอกาสได้พบเจอกันที่ไหน ก็พาลูกชายมาทักทายได้เลยนะครับ ขอบคุณคุณแม่ที่เลือกนิทานนำบุญ ให้เป็นนิทานเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้ลูกนะครับ ผมดีใจจริง ๆ
LikeLike
ผมเป็นพระที่ชอบอ่านนิทาน
LikeLike
ผมแต่งนิทานเรื่องผลพระจันทร์ ตอนที่ไปเจริญสติที่วัดกับพระอาจารย์ล่ะครับ 🙂 เรื่องหลายเรื่องที่เคยคิดว่ารู้แล้ว เข้าใจแล้ว แต่เมื่อได้ลงมือเจริญสติอย่างจริงจังในช่วงเวลาหนึ่ง ก็ทำให้ได้รู้ว่า ตัวเองยังรู้น้อยและเข้าใจอะไร ๆ ไม่ถูกต้องอยู่เต็มไปหมด การเจริญสติมีคุณค่ามาก พุทธศาสนาก็คุณแก่ชีวิต ขอบพระคุณที่แวะอ่านนิทานนำบุญนะครับ
LikeLike
รู้สึกชอบค่ะ แต่คำว่าร้อนลนทำให้ขัดใจอยู่นิดนึงค่ะ น่าจะต้องเขียนว่าร้อนรนนะคะ 🙂
LikeLike
ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ ผมแก้ไขการสะกดตามคำแนะนำแล้ว หากพบจุดที่สะกดผิดอีก ขอรบกวนแจ้งมาอีกนะครับ 🙂
LikeLike