“หนูน้อยหมวกแดง” เป็นนิทานโบราณของยุโรปที่เล่าลืบต่อกันมาเนิ่นนานโดยไม่ทราบผู้แต่ง จนกระทั่งนักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อ Charles Perrault ได้รวบรวมนิทานโบราณเป็นหนังสือและพิมพ์จำหน่ายครั้งแรกในปี 1697 ซึ่งทำให้นิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงแพร่หลายไปทั่วโลก และ มีการเล่าใหม่ด้วยสำนวนและภาษาต่าง ๆ อีกมากมาย
ในส่วนของนิทานเรื่อง “หนูน้อยหมวกแดง” ที่นำมาลงในเว็บไซต์นี้ เป็นการนำนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงมาเล่าใหม่โดยยึดโครงเรื่องดั้งเดิมเป็นหลัก แต่พี่นำบุญเติมความเป็นนิทานนำบุญเข้าไปด้วยการเล่าเรื่องให้มีเหตุมีผลสอดรับกันทั้งเรื่อง หลีกเลี่ยงฉากรุนแรง พร้อมกับสอดแทรกข้อคิดสอนใจอย่างสนุกสนาน พี่นำบุญหวังว่าทุก ๆ คนจะมีความสุขกับนิทานเรื่อง “หนูน้อยหมวกแดง” ที่เล่าใหม่โดยพี่นำบุญนะครับ
นิทาน หนูน้อยหมวกแดง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า “หนูน้อยหมวกแดง” หนูน้อยหมวกแดงอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กับคุณแม่ของเธอที่ชายป่า
วันหนึ่ง คุณแม่บอกให้หนูน้อยหมวกแดงเอาผลไม้ไปเยี่ยมคุณยายที่อาศัยอยู่ที่บ้านกลางป่า แต่เนื่องจากบ้านกลางป่าอยู่ไกลมาก คุณแม่จึงเตือนว่า “อย่าเถลไถลและอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าเด็ดขาด” เมื่อหนูน้อยหมวกแดงตกปากรับคุณ คุณแม่จึงให้หนูน้อยหมวกแดงออกเดินทางตั้งแต่เช้า
ทันทีที่หนูน้อยหมวกแดงเดินทางเข้าไปในป่า เธอก็เผลอตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น หนูน้อยหมวกแดงมองดูนก มองดูลิง มองกระต่าย มองดูผีเสื้อ มองไปมองมาจนลืมคำเตือนทุกอย่างของคุณแม่
ในขณะที่หนูน้อยหมวกแดงกำลังเพลินกับการเดินเล่นอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีหมาป่าตัวหนึ่ง มันได้กลิ่นหอม ๆ ของเนื้อหนูน้อยหมวกแดง มันจึงแอบซุ่มมองหนูน้อยหมวกแดง และคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
ในตอนแรก เจ้าหมาป่าคิดจะกินหนูน้อยหมวกแดงทันที แต่เมื่อมันเห็นหนูน้อยหมวกแดงถือตะกร้าเหมือนกำลังจะไปเยี่ยมใครบางคน มันจึงคิดแผนร้ายที่จะกินทีเดียวทั้งสองคน เพื่อให้อิ่มเป็นสองเท่า หมาป่าจึงออกอุบายด้วยการวิ่งไปรอหนูน้อยหมวกแดงระหว่างทาง พอหนูน้อยหมวกมาถึง มันก็แกล้งทักทายว่า “ฮัลโหล” อย่างเป็นมิตร แล้วมันก็ถามไถ่หนูน้อยหมวกแดงว่า “จะไปที่ไหน”
หนูน้อยหมวกแดง ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกหลอก แถมลืมคำเตือนของคุณแม่ หนูน้อยหมวกแดงจึงเล่าให้หมาป่าฟังว่า “หนูกำลังจะไปเยี่ยมคุณยาย เพราะว่าคุณยายไม่สบาย” หมาป่าจึงหลอกให้หนูน้อยหมวกแดงไปเก็บดอกไม้สวย ๆ เสียก่อน ก่อนที่จะไปเยี่ยมคุณยายที่บ้าน หนูน้อยหมวกแดงหลงกลหมาป่า จึงเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปเก็บดอกไม้ ส่วนเจ้าหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ เมื่อมันเห็นหนูน้อยหมวกแดงเดินลับตาไปแล้ว มันก็รีบวิ่งไปที่บ้านของคุณยาย โดยตั้งใจที่จะจัดการกับคุณยาย ก่อนที่หนูน้อยหมวกแดงจะไปถึง
แต่โชคดียังดี เพราะในขณะที่หมาป่าวิ่งไปที่บ้านของคุณยาย คุณยายได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคนวิ่งมา คุณยายจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง แล้วแอบมองไปที่นอกหน้าต่าง
เมื่อคุณยายเห็นหมาป่าวิ่งตรงมา คุณยายจึงรีบไปซ่อนตัวในห้องน้ำแล้วก็ล็อคกลอนทันที จากนั้น คุณยายก็แอบดูว่า เจ้าหมาป่าจะมาที่บ้านของคุณยายเพื่ออะไร
เมื่อหมาป่าไปถึงบ้านของคุณยาย มันก็เคาะประตูเสียงดัง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” แล้วมันก็ดัดเสียงเลียนแบบหนูน้อยหมวกแดงว่า “สวัสดีค่ะคุณยาย คุณแม่รู้ว่าคุณยายป่วย เลยให้หนูเอาผลไม้มาให้คุณยายกิน ขอหนูเข้าไปกินคุณยาย เอ้ย! ขอหนูเข้าไปในบ้าน แล้วเอาผลไม้ให้คุณยายกินได้ไหมคะ”
หมาป่ารอฟังเสียงตอบจากคุณยายอยู่สักพัก แต่เมื่อทุกอย่างเงียบสนิท หมาป่าจึงเปิดประตูเข้าไป
เมื่อมันเปิดประตูเข้าไป หมาป่าพบว่า ไม่มีใครอยู่ในบ้านเลย หมาป่าคิดว่าคุณยายอาจจะไปหาหมอหรือไปที่อื่น มันจึงบ่นเสียดาย แต่ไม่เป็นไร มันคิดว่า เดี๋ยวจับหนูน้อยหมวกแดงกินก่อน แล้วค่อยกินคุณยายก็ได้ จากนั้น มันก็รีบเอาเสื้อผ้าของคุณยายมาใส่ แล้วไปนอนปลอมตัวเป็นคุณยายอยู่บนเตียงทันที
เมื่อคุณยายรู้ว่า หลานสาวกำลังตกอยู่ในอันตราย คุณยายจึงคิดว่า ตนเองควรจะลงมือทำอะไรสักอย่าง ในขณะนั้นเอง หนูน้อยหมวกแดงก็มาถึงบ้านของคุณยาย หนูน้อยหมวกแดงเคาะประตูบ้านเสียงดัง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” จากนั้น เธอก็พูดว่า “สวัสดีค่ะคุณยาย คุณแม่รู้ว่าคุณยายป่วย เลยให้หนูเอาผลไม้มาให้คุณยายกิน ขอหนูเข้าไปในบ้านแล้วเอาผลไม้ให้คุณยายกินได้ไหมคะ”
หมาป่าที่ปลอมตัวเป็นคุณยาย รีบดัดเสียง แล้วตอบหนูน้อยหมวกแดงว่า “เชิญเข้ามาเลยจ้ะหลาน ยายรอกินหลาน เอ้ย! ยายรอกินผลไม้อยู่แล้วล่ะจ้า”
เมื่อหนูน้อยหมวกแดงเดินเข้าไปในบ้าน หนูน้อยหมวกแดงก็บอกคุณยายว่า “วันนี้คุณยายเสียงแปลกแปลกนะคะ คุณยายเป็นหวัดลงคอหรือเปล่าคะ” หมาป่ารีบดัดเสียงตอบว่า “ใช่จ้ะ ยายรอกลืนหลานลงคอ เอ้ย ยายเป็นหวัดลงคอน่ะจ้า”
ครั้นเมื่อหนูน้อยหมวกแดงเดินเข้าไปใกล้ ๆ เตียงของคุณยาย หนูน้อยหมวกแดง ก็สงสัย จึงถามคุณยายว่า “ทำไมวันนี้ จมูกของคุณยายถึงได้ดูบวม ๆ ยาว ๆ แถมปากก็ดูใหญ่ โอ้โห ดูฟันสิคะ ทั้งเหลือง ทั้งแหลม นี่คุณยายไม่ได้แปรงฟันเลยเหรอคะ” หมาป่ารีบดัดเสียงตอบว่า “ใช่จ้ะหลาน หลานช่วยแปรงฟันให้ยายหน่อยได้ไหมจ๊ะ มามะ มามะ เดี๋ยวยาวจะอ้าปากกว้าง ๆ รอนะจ๊ะ”
หมาป่าหลับตา อ้าปากกว้าง รอจังหวะที่จะงับหนูน้อยหมวกแดงทันทีที่เธอยื่นมือหรือชะโงกหัวเข้าไปใกล้ ๆ แต่ขณะที่หนูน้อยหมวกแดงกำลังเดินไปหยิบแปรงสีฟัน คุณยายที่แอบอยู่ที่ห้องน้ำก็เปิดประตู โผล่หน้าออกมา พร้อมกับส่งสัญญาณด้วยการเอานิ้วชี้ แตะที่ริมฝีปากเพื่อบอกให้หนูน้อยหมวกแดงอย่าเอะอะไป จากนั้น คุณยายก็ค่อย ๆ ย่องไปที่หมาป่า และในเสี้ยววินาทีก่อนที่หมาป่าจะทันตั้งตัว คุณยายก็เอาท่อนไม้ ยัดเข้าไปขวางในปากของเจ้าหมาป่า ทำให้หมาป่าหุบปากงับใครต่อไปอีกไม่ได้
หมาป่าตกใจมาก มันอ้าปากให้ใหญ่ขึ้นก็ไม่ได้ หุบปากให้เล็กลงก็ไม่ได้ หมาป่าโกรธจัด แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อหมาป่าเห็นว่าคุณยายหันไปหยิบไม้พลอง เดินมาหามัน มันก็กลัวว่าจะถูกคุณยายตี มันจึงรีบวิ่งหนีออกจากบ้าน เผ่นแน่บเข้าไปในป่า แล้วก็ไม่กลับออกมาอีกเลย
หนูน้อยหมวกแดงตกใจมากต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น ถ้าคุณยายไม่ออกมาช่วย เธอคงถูกหมาป่ากินไปแล้วแน่ ๆ หนูน้อยหมวกแดงรู้สึกผิด ที่ตัวเองลืมคำเตือนของคุณแม่ ที่ไม่ให้เถลไถลและไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ที่หนูน้อยหมวกแดงสัญญากับตัวเองว่า จะจดจำไปตลอดชั่วชีวิต
เมื่อหนูน้อยหมวกแดงมอบของให้คุณยายเรียบร้อยแล้ว และเธอเห็นว่าคุณยายแข็งแรงดีแล้ว เธอก็รีบลาคุณยายกลับบ้าน ซึ่งในครั้งนี้ หนูน้อยหมวกแดงไม่ลืมคำเตือนที่คุณแม่บอก เธอรีบตรงกลับบ้านโดยไม่เถลไถล และถึงบ้านทันก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินพอดิบพอดี
ในที่สุด เรื่องราวต่าง ๆ ก็จบลงได้ด้วยดี
………………………………………
ถ้าใครอยากอ่าน “หนูน้อยหมวกแดง ภาค2” ลองกดดูที่ลิงค์ด้านล่างนะครับ สนุกแน่นอน
#นิทานนำบุญ
………………