Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

อึน้อยปราบยักษ์

นิทานก่อนนอนไทยพื้นบ้านเรื่อง “อึน้อยปราบยักษ์” เรื่องนี้ เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ดัดแปลงจากนิทานในความทรงจำเรื่อง “ก้อนขี้รบยักษ์” ที่ได้ฟังจากคุณยายคันธรส สมัยที่ผมทำรายการเด็กชื่อ “บ้านน้อยซอยเก้า” และค้นพบต้นฉบับนิทานไทยพื้นบ้านอีกเรื่องที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน คือเรื่อง “ปลาดุกรบยักษ์” ผมจึงนำนิทานทั้งสองเรื่องมาเรียบเรียงใหม่ โดยยึดนิทานเรื่อง “ก้อนขี้รบยักษ์” เป็นแนวทาง แต่ขัดเกลาให้เหมาะสำหรับเด็กในยุคนี้มากขึ้น หวังว่าเด็ก ๆ จะยิ้มกว้างกับนิทานเรื่องนี้นะครับ

นิทานก่อนนอนไทยพื้นบ้านเรื่อง “อึน้อยปราบยักษ์”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มียักษ์เกเรตนหนึ่ง ชอบรังแกผู้คนและสัตว์ทั้งหลาย จนใครต่อใครพากันชิงชังเจ้ายักษ์กันโดยถ้วนหน้า แต่เพราะยักษ์เกเรตัวใหญ่และมีเรี่ยวแรงมากกว่าใคร ๆ ผู้คนและสัตว์น้อยใหญ่จึงพากันกลัว ไม่กล้าทำอะไรกับเจ้ายักษ์เกเรตนนี้

อยู่มาวันหนึ่ง เจ้ายักษ์เกเรประกาศว่าจะมาจับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านไปเป็นคนรับใช้ แต่เนื่องจากยักษ์ตัวใหญ่มาก มันจึงต้องการจับเด็กหลายคนไปใช้งาน (เด็กที่ฟังนิทานอยู่ตอนนี้ คนไหนที่อยากเป็นคนรับใช้ของยักษ์ ให้ยกมือขึ้น แต่ถ้าใครไม่อยาก ให้แตะตัวหรือกอดคนเล่านิทานเอาไว้ดี ๆ นะจ๊ะ)

เมื่อคุณยายผู้แสนใจดี ซึ่งอาศัยในหมู่บ้านได้ทราบข่าว คุณยายจึงกังวลว่าหลานจะถูกจับไปเป็นคนรับใช้ของยักษ์ ด้วยเหตุนี้ คุณยายจึงไปที่หน้าหิ้งพระ แล้วสวดมนต์ขอพรให้พระคุ้มครอง แต่เนื่องจากคุณยายไม่รู้หนังสือและไม่รู้จักบทสวดมนต์ คุณยายจึงท่องบทสวดตามนิทานที่เคยฟังว่า

“นะ…..โม…..ตัส….สะ….หนู…มา…ทำ….ไม…น่ะ

ทุติ ยัมปิ นะ….โม…..ตัส…..สะ…. มา….อีก…..แล้ว……น่ะ

ตติ ยัมปิ นะ…..โม…..ตัส……สะ…. นั่นแน่….ยัง…..มา…..อีก…..น่ะ

ไป ๆ อย่าหาทำ อย่าก่อกรรม จำขึ้นใจ สาธุ สาธุ สาธุ”

เด็ก ๆ ที่ฟังนิทานเรื่องนี้อยู่ อาจหัวเราะการสวดมนต์ของคุณยายว่าคงไม่ได้ผล แต่ในโลกของนิทาน อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะในขณะที่คุณยายสวดมนต์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล มีอึน้อยกองหนึ่งบังเอิญสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่พอดี อึน้อยไม่อยากให้คุณยายเป็นกังวล ในขณะเดียวกัน อึน้อยก็เคยได้ยินเกี่ยวกับความเกเรของเจ้ายักษ์มานานแล้ว อึน้อยไม่กลัวที่จะถูกยักษ์ทำร้าย (เพราะอึไม่มีชีวิต ทำอะไรอึ อึก็ไม่เจ็บ แถมยังเปลี่ยนสภาพให้แข็ง ให้เหลว ให้เละ ให้เฟะ ให้กระจายปู้ดป้าดได้หมด) อึน้อยจึงตัดสินใจออกเดินทางไปสู้กับเจ้ายักษ์

แม้อึน้อยจะมีความกล้าอย่างบ้าบิ่นที่จะไปประกาศสู้รบกับเจ้ายักษ์เกเร แต่ลำพังอึน้อยเพียงกองเดียว คงไม่สามารถที่จะจัดการกับเจ้ายักษ์ได้

แต่โชคยังดี เพราะในขณะที่อึน้อยออกเดินทางไปยังบ้านของเจ้ายักษ์ มีปลาดุกตัวหนึ่งมองเห็นอึน้อยเข้า ปลาดุกจึงถามว่าอึน้อยจะไปไหน อึน้อยตอบว่า “ฉันจะไปปราบยักษ์” ปลาดุกมีความแค้นเคืองเจ้ายักษ์อยู่แล้ว มันจึงขอติดตามอึน้อยไปด้วย

ต่อมา มีตะขาบตัวหนึ่งมองเห็นอึน้อยกับปลาดุกกำลังเดินทาง ตะขาบจึงถามถามว่าอึน้อยจะไปไหน อึน้อยตอบว่า “ฉันจะไปปราบยักษ์” ตะขาบมีความแค้นเคืองเจ้ายักษ์อยู่แล้ว มันจึงขอติดตามอึน้อยไปด้วย

ต่อมา มีแมงป่องตัวหนึ่งมองเห็นอึน้อย ปลาดุกและตะขาบกำลังเดินทาง แมงป่องจึงถามถามว่าอึน้อยจะไปไหน อึน้อยตอบว่า “ฉันจะไปปราบยักษ์” แมงป่องมีความแค้นเคืองเจ้ายักษ์อยู่แล้ว มันจึงขอติดตามอึน้อยไปด้วย

ต่อมา มีนกแสกตัวหนึ่งมองเห็นอึน้อย ปลาดุก ตะขาบและแมงป่องกำลังเดินทาง นกแสกจึงถามว่าอึน้อยจะไปไหน อึน้อยตอบว่า “ฉันจะไปปราบยักษ์” นกแสกมีความแค้นเคืองเจ้ายักษ์อยู่แล้ว มันจึงขอติดตามอึน้อยไปด้วย

เมื่ออึน้อย ปลาดุก ตะขาบ แมงป่อง และนกแสก เดินทางไปถึงบ้านของยักษ์เกเร ทั้งหมดก็ปรึกษาหารือกันเพื่อหาวิธีในการปราบยักษ์ เมื่อหารือกันเรียบร้อย อึน้อย ปลาดุก ตะขาบ แมงป่อง และนกแสกก็พากันแยกย้ายเข้าประจำที่

ตกดึกคืนนั้น หลังจากที่เจ้ายักษ์เกเรดับไฟและเตรียมตัวเข้านอน ทันทีที่หัวของมันถึงหมอน แผนปราบยักษ์ก็เริ่มต้นขึ้น

ตะขาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอนเริ่มลงมือตามแผนด้วยการกัดที่หน้าของเจ้ายักษ์ ยักษ์เกเรทั้งเจ็บทั้งตกใจเพราะไม่รู้ว่าอะไรกัดมัน ยักษ์เกเรจึงลุกขึ้นเพื่อควานหาไม้ขีดมาจุดเทียน แต่อนิจจา…เมื่อยักษ์เกเรเอื้อมมือไปหยิบไม้ขีด แมงป่องที่ซ่อนตัวอยู่ตรงใกล้ ๆ กับไม้ขีดก็ต่อยเข้าที่มือของเจ้ายักษ์อย่างเต็มแรง เจ้ายักษ์ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด มันจินตนาการว่าบุคคลที่มาทำร้ายมันต้องเป็นตัวอะไรสักอย่างที่มีขนาดใหญ่และมีฤทธิ์มากแน่ ๆ เจ้ายักษ์เพิ่งเคยเจอคนที่แข็งแรงกว่ามัน เกเรกว่ามัน และกล้าจู่โจมมัน มันกลัวจนถึงกับต้องรีบลุกออกจากเตียงทั้ง ๆ ที่รอบตัวยังมืดตึ๊ดตื๋อ แต่เจ้ายักษ์เกเรโชคร้ายเหลือเกิน เพราะหลังจากที่เจ้ายักษ์เดินไปได้ไม่กี่ก้าว มันก็เหยียบอึน้อยในสภาพอึเปียก ๆ เหลว ๆ ทำให้เจ้ายักษ์ลื่นล้มจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยอึเหม็น ๆ เจ้ายักษ์ขยะแขยงอะไรไม่รู้ที่เปรอะอยู่เต็มตัว มันพยายามหาน้ำมาล้าง จึงเอามือควานหาโอ่งเพื่อวักน้ำขึ้นล้างตัว แต่ทันทีที่มันควานพบโอ่งน้ำและจุ่มมือลงไป ปลาดุกก็ยักมือของยักษ์จนยักษ์ร้องจ้ากด้วยความเจ็บปวด ยักษ์เกเรเห็นที่ว่าคงแย่แน่ ๆ มันจึงรีบลุกขึ้นเพื่อหนีลงจากบ้าน แต่ในขณะที่มันยังคลำทางในความมืด นกแสกผู้มีตาดีในตอนกลางคืน ก็พุ่งตัวเข้าจิกเจ้ายักษ์เกเรอย่างไม่คิดชีวิต

ยักษ์เกเรถูกโจมตีจนสะบักสะบอมไปหมด ในจินตนาการของมัน ผู้ที่ทำร้ายมันอยู่ต้องเป็นตัวอะไรที่ร้ายกาจและเกเรมาก ๆ เป็นแน่ เจ้ายักษ์เกเรกลัวจนทำอะไรไม่ถูก มันทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับใช้มือกุมศีรษะแล้วร้องขอชีวิต ที่สำคัญ ยักษ์เกเรเพิ่งได้สำนึกว่า การทำร้ายหรือรังแกผู้อื่นเป็นเรื่องที่ร้ายกาจเพียงใด ด้วยเหตุนี้ นอกจากที่เจ้ายักษ์เกเรจะร้องขอชีวิตแล้ว มันยังพูดออกมาอีกว่า “เราควรอยู่ในโลกนี้ร่วมกันอย่างสันติเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ข้าก็จะไม่เบียดเบียนหรือรังแกใครอีกแล้ว โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด”

เมื่อยักษ์เกเรพูดออกมาเช่นนั้น อึน้อย ปลาดุก ตะขาบ แมงป่อง และนกแสกก็เห็นว่าเจ้ายักษ์ได้บทเรียนอันสมควรแล้ว ดังนั้น ทั้งหมดจึงถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจในการปราบยักษ์ และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา เจ้ายักษ์เกเรก็ไม่เคยรังแกใคร ๆ อีกเลย

#นิทานนำบุญ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.