Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

ดอกไม้ของใคร

นิทานก่อนนอนเรื่องสั้น ๆ เรื่องนี้ เป็นนิทานก่อนนอนที่สั้น กระชับ แต่มีข้อคิดสอนใจ แถมยังมีปริศนาให้คาดเดานิดหน่อยในตอนกลางเรื่อง หวังว่าเด็ก ๆ จะชอบนิทานเรื่องนี้กันนะครับ

นิทานเรื่อง ดอกไม้ของใคร

กาลครั้งหนึ่ง มีต้นไม้ต้นหนึ่งขึ้นอยู่บนก้อนเมฆ  ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นไม้ที่ไม่สูงนัก แต่มันมีดอกขนาดใหญ่ยักษ์….ใหญ่กว่ารถยนต์เสียด้วยซ้ำ

เช้าวันหนึ่ง เป็นวันที่สายลมพัดแรงไปหน่อย  ดอกไม้ดอกยักษ์จึงปลิดปลิวจากต้น แล้วค่อย ๆ ร่วงลงมาที่สนามหญ้าหน้าบ้านของเจ้ากระรอกอย่างช้า ๆ

วันนั้น เจ้ากระรอกตื่นสาย  เจ้ากระต่ายที่เดินออกกำลังกายจึงเห็นดอกไม้ยักษ์ก่อนใครเพื่อน  เจ้ากระต่ายตื่นเต้นที่เห็นดอกไม้ขนาดยักษ์ ซึ่งมีสีสวยสด แถมยังมีกลิ่นหอมอย่างที่มันไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน   มันจึงตั้งใจจะเข้าไปแบกดอกไม้ยักษ์กลับบ้าน

ในขณะนั้นเอง  เจ้ากระรอกตื่นขึ้นมาเห็นเข้าพอดี  เจ้ากระรอกจึงรีบวิ่งออกจากบ้าน  แล้วบอกกับเจ้ากระต่ายว่า  “เธอเอาดอกไม้ยักษ์ไปไม่ได้นะ  ดอกไม้ยักษ์ตกในบ้านของฉัน  มันก็ต้องเป็นดอกไม้ของฉัน”

เมื่อเจ้ากระต่ายได้ฟัง มันก็รีบค้านว่า  “ถึงมันจะตกในเขตบ้านของเธอ แต่ฉันเห็นดอกไม้ดอกนี้เป็นคนแรก  เพราะฉะนั้น มันก็ต้องเป็นดอกไม้ของฉันถึงจะถูก”

กระต่ายกับกระรอกทะเลาะกันวุ่นวาย  แต่หลังจากที่ทั้งคู่เถียงกันได้สักพัก  นางฟ้าจากก้อนเมฆก็เหาะลงมา  แล้วบอกกับกระรอกและกระต่ายว่า “ขอโทษนะ  ฉันได้ยินเสียงพวกเธอทะเลาะกันอยู่นานแล้ว    ดอกไม้ดอกนี้เป็นดอกไม้จากต้นไม้บนก้อนเมฆ  ดังนั้น  ฉันจึงรู้ดีว่าดอกไม้ดอกนี้ควรเป็นดอกไม้ของใคร

เมื่อกระต่ายกับกระรอกได้ฟัง  ทั้งคู่ก็พอเดาได้ว่านางฟ้าคงอ้างว่าเธอเป็นเจ้าของตัวจริงของดอกไม้ดอกนี้แน่ ๆ  กระต่ายกับกระรอกที่ทะเลาะกันจนคอแห้งได้แต่ก้มหน้ามองพื้นด้วยความเสียดาย  พลางคิดว่าถ้าพวกมันไม่ทะเลาะกัน  บางที พวกมันอาจจะได้ชื่นชมดอกไม้ยักษ์นานกว่านี้อีกนิด

แต่แล้ว  นางฟ้าก็ทำให้กระรอกและกระต่าย รวมทั้งสัตว์อื่น ๆ ที่มายืนมุงดูต้องแปลกใจ  เมื่อ นางฟ้าบอกกับพวกมันว่า “ดอกไม้ดอกนี้ไม่ใช่ของเธอนะกระรอก  แล้วก็ไม่ของเธอด้วยนะกระต่าย มันคงไม่มีค่าสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นดอกไม้ของใครแค่คนเดียว  แต่มันจะมีค่ามากขึ้นมาก เมื่อมันได้เป็นดอกไม้ของพวกเราทุกคน”

เมื่อนางฟ้าพูดจบ  นางฟ้าก็ยิ้มแล้วให้สัตว์ทุกตัวแบ่งกลีบดอกไม้กันคนละกลีบ  แล้วชวนให้นำกลีบดอกไม้ยักษ์ไปใช้แทนเรือเพื่อให้สัตว์ต่าง ๆ ได้นอนในเรือกลีบดอกไม้ เพื่อมองดูเมฆบนท้องฟ้าในวันที่อากาศแสนสดใส

กระรอกและกระต่ายซึ่งงุนงงกับคำพูดที่เกินความคาดหมายของนางฟ้า ต่างยอมทำตามคำแนะนำของนางฟ้าแต่โดยดี  ซึ่งหลังจากที่ทั้งคู่ได้ล่องเรือกลีบดอกไม้ในทะเลสาบสักพัก  พวกมันก็ค่อย ๆ เข้าใจความหมายและคุณค่าของคำว่า “ดอกไม้ของพวกเรา” มากขึ้น  ๆ

เพียงแค่ไม่เห็นแก่ตัวและรู้จักแบ่งปัน  ของสิ่งหนึ่งก็มีค่ามากขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ 

เจ้ากระรอกกับเจ้ากระต่ายต่างอมยิ้มมองท้องฟ้า จากนั้น  พวกมันก็คิดในใจเหมือน ๆ กันว่า “การแบ่งปันนี่…ดีจังนะ” 

#นิทานนำบุญ

…………………

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

เจ้าชายใฝ่ทำดี

ในสมัยที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) ทำหนังสือรวมนิทานเล่มแรกเพื่อจำหน่ายในชื่อหนังสือ “นิทานเจ้าชาย นิยายเจ้าหญิง” นิทานก่อนนอนเรื่อง เจ้าชายใฝ่ทำดี เป็นนิทานก่อนนอนเรื่องสั้น ๆ เรื่องแรก ที่ผมเลือกนำมาพิมพ์ โดยจัดเรียงให้อยู่เป็นนิทานเรื่องที่หนึ่งของหนังสือเล่มนั้น ทำไมนิทานเรื่องนี้จึงได้รับเลือกให้เป็นนิทานในเล่มและเป็นนิทานเรื่องแรก คำตอบก็คือ นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานที่มีข้อคิดสอนใจที่ดีสำหรับเด็กทุกคน ทั้งที่เรียนเก่งและเรียนไม่เก่ง ส่วนเนื้อเรื่องถือว่ามีความสนุกพอที่จะใช้เป็นนิทานเรื่องแรกของเล่ม และเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายคล้ายเป็นนิทานอุ่นเครื่องก่อนที่จะอ่านนิทานเรื่องอื่น ๆ ต่อไป ผมหวังว่านิทานเรื่องนี้จะเป็นนิทานอีกเรื่องที่ถูกใจทุก ๆ คนนะครับ

นิทานเรื่อง  เจ้าชายใฝ่ทำดี

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งชื่อว่า “อาณาจักรเชฟ”   พระราชาผู้ครองนครแห่งนี้ทรงเป็นพระราชาผู้เก่งกาจ  ส่วนพระราชินีก็เป็นพระราชินีที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา   ด้วยเหตุนี้  ผู้คนชาวเชฟจึงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่พรั่งพร้อมไปด้วยความสุข

เมื่อพระราชินีทรงให้กำเนิดพระโอรส  ไพร่ฟ้าประชาชนจึงพากันคาดหวังว่า  เจ้าชายองค์น้อยจะเติบโตขึ้นเป็นเจ้าชายผู้ชาญฉลาดและมีความสามารถไม่แพ้พระบิดา   แต่หลังจากที่เจ้าชายเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน   ความหวังของประชาชนก็ค่อย ๆ ริบหรี่ลง  เพราะเจ้าชายทรงไม่แตกฉานในด้านการศึกษา  โดยพระองค์มักจะสอบได้เป็นที่สุดท้ายของห้องอยู่เสมอ ๆ

 ข่าวคราวความไม่เอาถ่านของเจ้าชายทำให้พระราชาแห่งเมืองต่าง ๆ ที่เคยพ่ายแพ้ต่อพระราชาแห่งอาณาจักรเชฟเริ่มมีความหวัง  พระราชาแห่งเมืองต่าง ๆ พากันสะสมกำลังพลและเฝ้ารอวันที่เจ้าชายจะขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระบิดา  โดยพระราชาที่คิดร้ายเหล่านั้นต่างมีความเห็นคล้าย ๆ กันว่า  การเอาชนะเจ้าชายผู้โง่เขลาคงทำได้ง่ายกว่าการเอาชนะพระบิดาซึ่งเป็นพระราชาที่ทรงปรีชาสามารถ

ชาวเมืองเชฟพากันหวาดหวั่นเมื่อทราบข่าวการสะสมกำลังพลของฝ่ายศัตรู   ส่วนตัวเจ้าชายเองก็ทรงตระหนักดีถึงภาระที่พระองค์ต้องแบกรับเอาไว้   การเป็นเจ้าชายที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และมันก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ยากขึ้นไปอีก  เมื่อทุก ๆ คนต่างคาดหวังให้เจ้าชายดีเลิศเช่นเดียวกับพระบิดาของพระองค์   เจ้าชายทรงกลุ้มพระทัยมาก  ดังนั้น   พระองค์จึงนำเรื่องไปปรึกษาพระมารดาที่พระองค์รักแสนรัก

พระราชินีทรงเห็นใจพระโอรสมาก  พระองค์ไม่อยากให้เจ้าชายต้องทุกข์ใจอยู่เช่นนี้   พระราชินีจึงปลอบเจ้าชายว่า  “แม้ความรู้จะเป็นสิ่งสำคัญ  แต่ความดีเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า   แม่รู้ว่าลูกของแม่เรียนหนังสือไม่เก่ง  แต่ลูกของแม่ก็มีสิ่งวิเศษติดตัวอยู่  นั่นก็คือ…ลูกเป็นเด็กที่มีจิตใจงดงาม  ซึ่งแม่เชื่อว่า หากลูกยึดมั่นในการทำดีต่อทุก ๆ คนเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ   ผลแห่งความดีก็จะทำให้ลูกสามารถดูแลชาวเมืองเชฟให้อยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างแน่นอน”

เจ้าชายไม่เข้าใจในคำพูดของพระมารดามากนัก  แต่พระองค์ก็ทรงเชื่อและพร้อมที่จะทำตามคำแนะนำของพระมารดาโดยไม่มีข้อโต้แย้ง  นับจากวันนั้น  เจ้าชายจึงตั้งใจที่จะทำดีต่อคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น  พระองค์ทรงเป็นเพื่อนที่ดีของมิตรสหาย  ทรงมีน้ำใจต่อข้าราชบริพาร  รวมทั้งยังคอยเอาใจใส่และช่วยเหลือประชาชนของพระองค์อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย   เจ้าชายทรงทำดีต่อทุก ๆ คนอย่างสม่ำเสมอ (เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเรียนหนังสือไม่เก่งอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง)  และเมื่อถึงวันที่พระองค์ต้องขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดา  สิ่งที่ทุก ๆ คนคาดการณ์เอาไว้ก็เกิดขึ้น

กองทัพข้าศึกจากเมืองต่าง ๆ บุกตรงมายังอาณาจักรเชฟทันทีที่ทราบข่าวการขึ้นครองราชย์ของเจ้าชาย   กองทัพฝ่ายข้าศึกต่างมั่นใจว่า พวกเขาจะสามารถเอาชนะเจ้าชายที่เรียนหนังสือไม่เก่งพระองค์นี้ได้อย่างไม่มีปัญหา   แต่แล้ว…สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น  เพราะความดีที่เจ้าชายทรงกระทำต่อทุก ๆ คน กลับผูกใจให้เพื่อน ๆ ที่เก่งกาจในวิชาต่าง ๆ อาสามาช่วยพระองค์ดูแลประเทศให้เข้มแข็ง  ในขณะเดียวกัน ข้าราชการ ทหารและประชาชนต่างก็ร่วมแรงร่วมใจกันสนับสนุนพระราชาองค์ใหม่ผู้เป็นที่รักของพวกเขา   ด้วยเหตุนี้  เมื่อกองทัพของเหล่าข้าศึกบุกเข้าประชิดเมือง  กองทัพแห่งอาณาจักเชพจึงสามารถต้านทานและปกป้องอาณาจักเชฟเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ในที่สุด  คำพูดของพระราชินีก็ได้รับการพิสูจน์  แม้ความรู้จะเป็นสิ่งสำคัญ  แต่ความดีกลับเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า   เจ้าชายทรงประจักษ์ในคำพูดของพระมารดาอย่างชัดแจ้ง   และพระองค์ก็ทรงยึดมั่นในการทำดีต่อทุก ๆ คนสืบมา…ตลอดชั่วรัชกาลอันเปี่ยมสุขของพระองค์

#นิทานนำบุญ

………………………………..

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานเพื่อนและมิตรภาพ

#นิทานนำบุญ

…………………………..