นิทานเรื่อง “อัศวินกระดาษวิเศษ” ที่แต่งโดย “นำบุญ นามเป็นบุญ” เป็นนิทานผจญภัยที่ทั้งสนุกและมีข้อคิดที่น่าสนใจ เมื่อเด็ก ๆ อ่านนิทานเรื่องนี้แล้ว อาจนำสิ่งที่ได้อ่าน ไปเขียน “บันทึกการอ่าน” เพื่อส่งคุณครู ส่วนคุณพ่อคุณแม่หรือคุณครู เมื่ออ่านนิทานเรื่องนี้จบแล้ว ก็อาจชวนให้เด็ก ๆ ทำกิจกรรมเล่นพับกระดาษเป็นเครื่องบิน กบ ปืนกระดาษ หรือพับเป็นรูปอื่น ๆ ได้ตามใจชอบ เพราะการพับกระดาษเป็นกิจกรรมที่ฝึกสมองได้ดีกิจกรรมหนึ่งเลยครับ ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนิทานเรื่องนี้นะครับ
นิทานเรื่อง อัศวินกระดาษวิเศษ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงผู้น่าสงสารพระองค์หนึ่งทรงถูกยักษ์ใจร้ายจับตัวไปจากพระราชวัง
พระราชาผู้เป็นพระบิดาจึงส่งกองทหารให้ติดตามไปช่วยเจ้าหญิง แต่ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารของยักษ์ ประกอบกับความดุร้ายและวิชาอาคมอันแก่กล้า กองทหารจึงแตกกระเจิงไม่อาจช่วยเจ้าหญิงให้กลับมายังพระราชวังได้ ด้วยเหตุนี้ พระราชาจึงจำเป็นต้องออกไปติดประกาศตามที่ต่าง ๆ เพื่อขอให้คนดีมีฝีมือจากทั่วทุกสารทิศอาสามาช่วยเจ้าหญิง
แม้พระราชาจะทรงตั้งรางวัลอย่างงามให้แก่ผู้ที่ช่วยเจ้าหญิงได้สำเร็จ แต่เพราะยักษ์ตนนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความดุร้ายและวิชาอาคม ใครต่อใครจึงพากันเกรงกลัวจนไม่กล้าไปช่วยเจ้าหญิงเลยแม้แต่คนเดียว
โชคดีที่ในขณะนั้น มีชายหนุ่มพเนจรคนหนึ่งเดินทางผ่านมาในเมืองและเห็นประกาศของพระราชา ชายหนุ่มจึงอาสาไปช่วยเจ้าหญิงโดยมิได้หวังรางวัลแต่อย่างใด ชายหนุ่มคิดเพียงว่าเขาอยากช่วยเจ้าหญิงผู้น่าสงสารให้ปลอดภัยจากยักษ์ใหญ่ใจร้ายก็เท่านั้น
ชายหนุ่มพเนจรเป็นคนที่มีจิตใจดี ทั้งยังมีสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดและมีของวิเศษเป็นกระดาษขนาดต่าง ๆ ที่สามารถนำมาพับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อะไรก็ได้ตามแต่ใจปรารถนา
เมื่อพระราชาทรงอนุญาตให้ชายหนุ่มไปช่วยเจ้าหญิงได้ ชายหนุ่มพเนจรจึงหยิบกระดาษวิเศษสีเหลืองแผ่นใหญ่ออกมา แล้วคิดหาทางพับกระดาษวิเศษเป็นอะไรสักอย่าง เพื่อใช้มันช่วยเจ้าหญิงที่ถูกยักษ์จับไปขังเอาไว้ในถ้ำเวทมนตร์ซึ่งอยู่บนภูเขาที่อยู่ไกลโพ้น
ชายหนุ่มใช้เวลาคิดอยู่สักพัก จากนั้น เขาก็ตัดสินใจพับกระดาษวิเศษให้กลายเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ ชายหนุ่มลงมือพับ พับ แล้วก็พับ ไม่นานนัก เครื่องบินที่ทำจากกระดาษวิเศษก็เสร็จสมบูรณ์ ชายหนุ่มรีบกระโดดขึ้นไปนั่งบนเครื่องบิน แล้วสั่งให้เครื่องบินมุ่งหน้าตรงไปยังภูเขาซึ่งเป็นที่อยู่ของยักษ์ทันที
ยิ่งเครื่องบินบินเข้าใกล้ภูเขาเวทมนตร์มากขึ้นเท่าใด หมอกควันก็ยิ่งปกคลุมจนชายหนุ่ม มองเห็นเส้นทางได้ยากมากขึ้นเท่านั้น และก่อนที่จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ชายหนุ่มจึงตัดสินใจบังคับให้เครื่องบินค่อยๆ ร่อนลงสู่พื้นดินอย่างนุ่มนวล
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็หยิบกระดาษวิเศษอีกแผ่นออกมาแล้วลงมือพับกระดาษครั้งใหม่ โดยคราวนี้เขาตั้งใจที่จะพับกระดาษวิเศษให้กลายเป็นกบภูเขา เพื่อใช้มันไต่เขาสำหรับการเดินทางภาคพื้นดิน
ชายหนุ่มลงมือพับกระดาษวิเศษด้วยความมุ่งมั่น เขาพับ พับแล้วก็พับ ไม่นานนัก กบภูเขาที่ทำขึ้นมาจากกระดาษวิเศษก็เสร็จสมบูรณ์
เมื่อกบที่พับขึ้นจากกระดาษวิเศษเริ่มมีชีวิต ชายหนุ่มก็รีบกระโดดขึ้นขี่หลังของเจ้ากบแล้วกบภูเขาก็พานายของมันไต่ขึ้นสู่ยอดเขาเวทมนตร์ที่สูงลิบ
เมื่อกบภูเขาพาชายหนุ่มมาถึงปากถ้ำของยักษ์ สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นก็คือหมาเวทมนตร์ตัวใหญ่ ที่นอนเฝ้าปากถ้ำด้วยแววตาถมึงทึง
ชายหนุ่มแอบซ่อนตัวอยู่หลังเหลี่ยมหินที่อยู่ไกลออกไปเพื่อไม่ให้หมาได้กลิ่น จากนั้น เขาก็ค่อย ๆ ใช้ความคิด แล้วลงมือพับกระดาษวิเศษอีกครั้ง โดยคราวนี้ เขาตั้งใจพับกระดาษให้กลายเป็นปืนรูปสามเหลี่ยมชนิดพิเศษ
ชายหนุ่มลงมือพับกระดาษวิเศษตามที่เขาคิด เขาพับ พับ แล้วก็พับ ไม่นานนัก ปืนสามเหลี่ยมชนิดพิเศษซึ่งสะบัดแล้วทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องก็เสร็จสมบูรณ์
ชายหนุ่มเฝ้ารอเวลาอย่างอดทนจนบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด เมื่อได้จังหวะ เขาก็สะบัดปืนสามเหลี่ยมจนมันส่งเสียงออกมาดังปั้ง!
เมื่อหมาเวทมนตร์ได้ยินเสียงปืน มันก็ตกใจจนเวทมนตร์แห่งความดุร้ายที่ยักษ์ร่ายคาถากำกับเอาไว้มลายหายไปจนหมดสิ้น เมื่อหมาได้สติ มันก็รีบวิ่งหนีลงจากภูเขาของยักษ์ใจร้ายอย่างไม่คิดชีวิต
หลังจากจัดการกับหมาเวทมนตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในถ้ำของเจ้ายักษ์ได้อย่างสบายใจ แต่อนิจจา! เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปในถ้ำได้เพียงไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มผู้กล้าหาญก็กลับต้องเผชิญหน้ากับเจ้ายักษ์ใจร้ายโดยที่เขาแทบไม่ทันได้ตั้งตัว
ชายหนุ่มเห็นยักษ์หันมามองที่ตัวเขาซึ่งเป็นผู้บุกรุกด้วยสายตาอันน่าสะพรึงกลัว ในขณะเดียวกัน เขาก็เห็นเจ้าหญิงผู้น่าสงสารถูกยักษ์ใจร้ายขังเอาไว้ในกรงโดยห้อยลงมาจากเพดานผนังถ้ำ ชายหนุ่มเชื่อว่าเขาคงไม่มีเวลาพับกระดาษวิเศษให้กลายเป็นอาวุธต่อสู้กับเจ้ายักษ์เป็นแน่ และเจ้ายักษ์ก็ทำท่าเหมือนพร้อมจะจัดการกับเขาได้ทุกขณะ สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มพอจะทำได้ก็คือ การหาวิธีเอาชนะยักษ์ด้วยสติปัญญาที่เขามีอยู่
ชายหนุ่มผู้กล้าหาญพยายามตั้งสติแล้วคิดหาทางจัดการกับเจ้ายักษ์ด้วยวิธีที่ยักษ์คาดไม่ถึง เขาพยายามประมวลความคิดอย่างรวดเร็วที่สุด และในชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง…ความคิดอันแสนวิเศษก็สว่างวาบขึ้นในใจของเขา
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ชายหนุ่มเคยได้ยินมาว่า ในโลกใบนี้ไม่มีใครสามารถพับกระดาษทีละครึ่งแผ่นไปเรื่อย ๆ ได้เกิน 9 ทบ เพราะการพับกระดาษทีละครึ่งแผ่นในแต่ละทบนั้น จะทำให้กระดาษหนาขึ้นและแข็งแรงขึ้นจนเปรียบได้กับเหล็กเพชรเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจออกอุบายชมยักษ์ว่า เจ้ายักษ์ช่างแข็งแรงและเก่งกาจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ชายหนุ่มพยายามป้อยอยักษ์ต่าง ๆ นานา จนกระทั่งยักษ์เริ่มตายใจ ชายหนุ่มก็แกล้งทำสีหน้าผิดหวัง แล้วบอกเจ้ายักษ์ไปว่า
“แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่มีสิ่งหนึ่งแข็งแกร่งกว่ากำลังของท่าน มันเป็นสิ่งที่ท่านไม่สามารถใช้พละกำลังเอาชนะมันได้ ซึ่งมันก็คือ..การเอาชนะกระดาษธรรมดาๆ 1 แผ่นด้วยการ พับมันทีละครึ่ง ๆ ให้ได้เกิน 9 ทบ”
เมื่อเจ้ายักษ์ได้ฟังถ้อยคำของชายหนุ่ม มันก็รู้สึกแปลกใจและโมโหโทโสไปในเวลาเดียวกัน การพับกระดาษทีละครึ่งแผ่นไปเรื่อย ๆ มันจะยากตรงไหน? กระดาษธรรมดา ๆ จะแข็งแรงไปกว่ากำลังของยักษ์ได้อย่างไร? เมื่อชายหนุ่มเห็นเจ้ายักษ์ติดกับดักที่เขาวางไว้ ชายหนุ่มจึงแกล้งทำหน้าซื่อ ๆ แล้ว ท้าทายเจ้ายักษ์ไปว่า
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าท่านพับกระดาษทีละครึ่ง ทีละครึ่งได้เกิน 9 ทบ ข้าพเจ้าจะยอมให้ท่านจับกินโดยไม่ขัดขืน แต่หากท่านทำไม่ได้ ข้าอยากขอให้ท่านยักษ์ผู้ยอดเยี่ยม, ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรกว่าใคร ช่วยปล่อยตัวเจ้าหญิงให้เป็นอิสระจะได้ไหม”
เมื่อยักษ์ใจร้ายได้ฟัง มันก็หัวเราะลั่น เพราะไม่มีทางที่ยักษ์อย่างมันจะพับกระดาษไม่ได้ มันจึงสัญญาว่าหากมันพับกระดาษไม่ได้ มันก็จะยอมปล่อยตัวเจ้าหญิงไป แต่หากมันพับกระดาษได้ มันจะจับชายหนุ่มกินทันที
ชายหนุ่มรีบตกลงตามเงื่อนไข แล้วปล่อยให้ยักษ์เลือกกระดาษที่จะใช้พับได้ตามใจชอบ เมื่อยักษ์ลงมือพับกระดาษ มันลองพับ พับ แล้วก็พับ แต่ไม่ว่ามันจะลองพับกระดาษทีละครึ่ง ทีละครึ่งอย่างไร หรือเปลี่ยนกระดาษจากแผ่นเล็กกระจิ๋วหลิวไปเป็นกระดาษแผ่นใหญ่ขนาดไหน มันก็ไม่สามารถพับกระดาษได้เกิน 9 ทบเลยแม้สักครั้ง ในที่สุด ยักษ์ใจร้ายก็ยอมรับว่ามันพับกระดาษทีละครึ่งแผ่นให้เกิน 9 ทบไม่ได้จริง ๆ
เจ้ายักษ์จึงยอมปล่อยตัวเจ้าหญิงตามสัญญา ทั้งยังชื่นชมชายหนุ่มว่าเป็นคนกล้าหาญแถมยังมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด (ในการล่อลวงให้มันหลงกล) อย่างหาตัวจับได้ยาก
ชายหนุ่มขอบคุณยักษ์ที่รักษาคำพูด เขากล่าวชื่นชมยักษ์ต่าง ๆ นานาเพื่อผูกมิตร จากนั้น ชายหนุ่มก็ลงมือพับกระดาษวิเศษเป็นม้า แล้วพาเจ้าหญิงขี่ม้ากระดาษกลับไปส่งยังพระราชวัง
เมื่อพระราชาทรงเห็นชายหนุ่มพาเจ้าหญิงกลับมายังพระราชวังได้อย่างปลอดภัย พระองค์ก็ทรงดีใจมาก พระราชาจึงขอร้องให้ชายหนุ่มอยู่คุ้มครองเจ้าหญิงในฐานะอัศวินคู่ใจ
หลายปีต่อมา เมื่อเจ้าหญิงและชายหนุ่มในฐานะอัศวินกระดาษวิเศษได้อยู่ใกล้ชิดกันและได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันอย่างลึกซึ้ง ในที่สุด ทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานกันและได้อยู่ครองรักกันท่ามกลางความยินดีของพระราชาและชาวเมืองทุกๆ คน
#นิทานนำบุญ
………………………………….
