“ซินเดอเรลล่า” เป็นนิทานอมตะซึ่งมีโครงเรื่องและภาพจำในเรื่องที่โดดเด่นมาก ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับแม่เลี้ยงใจร้าย นางฟ้าประจำตัว ฟักทองที่กลายเป็นรถม้า หนูที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นม้า การสิ้นสุดของอำนาจเวทมนตร์ตอนเที่ยงคืน และรองเท้าแก้วที่นางเอกทำหลุดไว้ ความครบรสของนิทานเรื่องซินเดอเรลล่า ทำให้ผู้คนทั่วโลกหลงรักนิทานเรื่องนี้ และเมื่อสืบค้นกลับไปพบว่า ซินเดอเรลล่า เป็นนิทานที่มีโครงเรื่องปรากฏอยู่ในประเทศต่าง ๆ มากมาย ส่วนซินเดอเรลล่า ที่นำมาลงในเว็บไซต์นี้ พี่นำบุญทำการเขียนนิทานเรื่องซินเดอเรลล่าโดยยึดโครงเรื่องตามแบบต้นฉบับ แต่ใส่รายละเอียดตามสไตล์การเขียนนิทานของตัวเอง คือสิ่งต่าง ๆ ต้องมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป มีการสอดแทรกความสนุก และมีข้อคิดที่ดีงามซ่อนอยู่ด้วย
นิทานเรื่อง ซินเดอเรลล่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสาวน้อยคนหนึ่งชื่อว่า “ซินเดอเรลล่า”
ซินเดอเรลล่าเป็นลูกสาวของเศรษฐี แม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ต่อมาคุณพ่อก็แต่งงานใหม่กับหญิงม่ายที่มีลูกติดสองคนเป็นผู้หญิงทั้งคู่ คุณพ่ออยากให้ซินเดอเรลล่ามีเพื่อนและมีแม่คอยดูแล ซึ่งในตอนแรก ๆ ซินเดอเรลล่าก็มีความสุขดี แต่เมื่อพ่อของซินเดอเรลล่าเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน แม่เลี้ยงที่เคยใจดีก็กลับกลายเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย แม่เลี้ยงไล่ให้ซินเดอเรลล่าไปนอนในห้องใต้หลังคาที่คับแคบและเก่าซอมซ่อ นอกจากนี้ แม่เลี้ยงก็ยังตัดเงินค่าขนม ริบชุดสวย ๆ ให้กินแต่อาหารเหลือ ๆ และที่แย่ที่สุดก็คือ แม่เลี้ยงใช้ให้ซินเดอเรลล่าทำงานทุกอย่าง ราวกับซินเดอเรลล่าเป็นคนรับใช้ แม่เลี้ยงไม่เคยรักซินเดอเรลล่าเลย ซึ่งนั่นทำให้ซินเดอเรลล่ามีแต่ความทุกข์
อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาผู้ปกครองเมืองทั้งเมือง ได้ส่งจดหมายเชิญให้สาวโสดทุกคนไปร่วมงานเต้นรำที่พระราชวัง พระราชาทรงต้องการให้เจ้าชายผู้เป็นโอรสเพียงองค์เดียวมีโอกาสได้พบและเฟ้นหาคู่ครองจากงานเต้นรำครั้งนี้
เมื่อหญิงสาวทั่วทั้งเมืองทราบข่าว ทุกคนก็พากันตื่นเต้นและฝันหวานว่าตนเองอาจจะมีโอกาสได้แต่งงานกับเจ้าชายรูปงาม หากว่าเจ้าชายทรงถูกใจ
แม่เลี้ยงใจร้ายและลูกสาวทั้งสองคนเอาจริงเอาจังกับงานเต้นรำในครั้งนี้มาก พวกเธอถึงขั้น อาบน้ำแร่ แช่น้ำนม เปลี่ยนทรงผม ฝึกแต่งหน้า และเตรียมชุดราตรีสีฉูดฉาด โป๊ ๆ วับ ๆ แวม ๆ เพื่อที่จะดึงดูดสายตาของเจ้าชายกันอย่างเต็มที่
ซินเดอเรลล่ากวาดบ้านไป ถูบ้านไป พลางมองพี่สาวและแม่เลี้ยงเปลี่ยนชุดลองชุดตั้งแต่เช้าจรดเย็น ในใจของซินเดอเรลล่าเองก็อยากจะไปร่วมงานด้วย เพราะเธอไม่เคยเห็นเลยว่า ในพระราชวัง มันมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่เมื่อซินเดอเรลล่าบอกแม่เลี้ยงว่า เธออยากจะขอตามไปด้วย แม่เลี้ยงกลับไม่อนุญาต แถมยังว่าซินเดอเรลล่าว่าไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว มักใหญ่ใฝ่สูง ใส่เสื้อผ้าปุปะมอมแมมอย่างกับผ้าขี้ริ้ว แล้วยังคิดจะไปร่วมงานในพระราชวังอีก คำพูดของแม่เลี้ยงทำให้ซินเดอเรลล่าเสียใจมาก เธอจึงขึ้นไปนอนร้องไห้อยู่ที่ห้องใต้หลังคาอย่างน่าสงสารเป็นที่สุด
ในขณะที่ซินเดอเรลล่ากำลังร้องไห้ นางฟ้าประจำตัวของซินเดอเรลล่าก็แอบมองสาวน้อยด้วยความสงสาร นางฟ้าคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลย ที่ลูกสาวแท้ ๆ ของเศรษฐีผู้เป็นเจ้าของบ้านและเป็นเจ้าของสมบัติทั้งหมดจะต้องถูกแม่เลี้ยงใจร้ายรังแกอยู่เช่นนี้ นางฟ้าประจำตัวจึงคิดว่า แม้เธอจะมีฤทธิ์เพียงแค่เล็กน้อย แต่เธอก็ควรจะทำอะไรสักอย่างก่อนที่ซินเดอเรลล่าจะหมดเรี่ยวแรงในการต่อสู้กับความทุกข์ที่รุมเร้าอยู่ทุกวี่ทุกวัน
เมื่อถึงวันงาน แม่เลี้ยงใจร้ายและลูกสาวทั้งสองคนก็พากันแต่งเนื้อแต่งตัวจนเกือบจะสวย จากนั้น พวกเขาก็นั่งรถม้า “กุบกับ กุบกับ” ไปร่วมงานตั้งแต่หัววัน เหลือก็เพียงซินเดอเรลล่าเท่านั้น ที่ต้องอยู่เฝ้าบ้านและทำงานบ้านต่าง ๆ ตามที่แม่เลี้ยงสั่งเอาไว้ มิหนำซ้ำ แม่เลี้ยงยังกำชับไม่ให้ซินเดอเรลล่าออกจากบ้านโดยเด็ดขาด
ครั้นเมื่อเสียงเพลงจากงานเต้นรำดังแว่วมา ซินเดอเรลล่าผู้น่าสงสารก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เธอรู้สึกเศร้ามาก ๆ แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้ ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด
ในขณะที่ซินเดอเรลล่ากำลังร้องไห้ จู่ ๆ นางฟ้าประจำตัวก็ปรากฏกายขึ้น นางฟ้าบอกซินเดอเรลล่าว่า เธอจะช่วยให้ซินเดอเรลล่าสมหวัง จากนั้น นางฟ้าก็เริ่มร่ายคาถาเสกชุดราตรีสีขาวที่ดูเรียบร้อยแต่งดงาม พร้อมกับรองเท้าแก้วให้ซินเดอเรลล่าได้สวมใส่ หลังจากนั้น นางฟ้าก็เนรมิตฟักทองกับพวกหนูในบ้าน ให้กลายเป็นรถม้าและคนขับรถม้า เพื่อพาซินเดอเรลล่านั่ง “กุบกับ กุบกับ กุบกับ” ไปร่วมงานเหมือนกับหญิงสาวคนอื่น ๆ แต่ก่อนที่ซินเดอเรลล่าจะเดินทาง นางฟ้าได้เตือนซินเดอเรลล่าว่า ซินเดอเรลล่าต้องกลับมาบ้านก่อนเที่ยงคืน เพราะเวทมนตร์อันน้อยนิดของนางฟ้าจะมีฤทธิ์ถึงแค่เวลาเที่ยงคืนเท่านั้น
หลังจากที่ซินเดอเรลล่าตกปากรับคำ เธอก็ขึ้นรถม้า “กุบกับ กุบกับ” แล้วเดินทางไปยังงานเลี้ยงของเจ้าชายทันที
ที่งานเต้นรำ เจ้าชายเดินทักทายหญิงสาวทุกคนด้วยความสุภาพ ตลอดงาน หญิงสาวทุกคน รวมทั้งพี่เลี้ยงของซินเดอเรลล่า พยายามชวนให้เจ้าชายเต้นรำด้วย แต่เจ้าชายปฏิเสธหญิงสาวเหล่านั้นโดยอ้างว่า ขอเดินทักทายแขกทุกคนให้ทั่วเสียก่อน แต่ในความเป็นจริง เจ้าชายไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบแต่งตัววับ ๆ แวม ๆ โป๊ ๆ หรือ ใส่เครื่องเพชรวูบวาบ ทำผมตั้งสูงราวกับอนุสาวรีย์ ฉีดน้ำหอมที่มีกลิ่นฟุ้งคล้ายกับยาฆ่ายุงที่ชวนให้ปวดหัว รวมทั้งพวกที่ชอบโบ๊ะแป้งบนหน้าจนหนาเตอะราวกับเกราะกันกระสุน ครั้นเมื่อเจ้าชายเดินทักทายหญิงสาวไปเรื่อย ๆ จนมาพบกับหญิงสาวคนสุดท้าย ซึ่งก็คือซินเดอเรลล่า พระองค์ก็ทรงตกตะลึงที่เห็นหญิงสาวที่มีความสดใสสมวัย แต่งกายเรียบร้อยงดงาม สวมรองเท้าที่ทำจากแก้ว แถมยังไม่มีทีท่าว่าอยากจะเสนอตัวขอเต้นรำกับพระองค์เลยแม้แต่น้อย เจ้าชายรู้สึกได้ทันทีว่า นี่คือหญิงสาวที่พระองค์อยากรู้จัก ครั้นเมื่อเจ้าชายขอเต้นรำกับซินเดอเรลล่า และทั้งคู่ได้พูดคุยกันระหว่างการเต้นรำ เจ้าชายก็ยิ่งประทับใจและคิดว่าพระองค์ได้พบกับหญิงสาวที่พระองค์ทรงอยากอยู่ด้วยตลอดชั่วชีวิตเข้าให้เสียแล้ว
ในขณะที่เจ้าชายกำลังตัดสินใจที่จะเอ่ยปากถามชื่อและขอแต่งงานกับซินเดอเรลล่า ซินเดอเรลล่าบังเอิญหันไปเห็นนาฬิกาที่หอนาฬิกาบอกเวลาจวนเจียนจะเที่ยงคืน ซินเดอเรลล่านึกถึงคำเตือนของนางฟ้าขึ้นมาได้ เธอตกใจมาก เธอจึงรีบวิ่งออกจากงานเลี้ยงโดยไม่ได้กล่าวลาเจ้าชาย ทั้งยังพลาดพลั้งทำรองเท้าแก้วหลุดไว้ที่บันไดเสียอีก ซินเดอเรลล่าออกจากพระราชวังได้ทันก่อนที่เวทมนตร์จะสลายไปเพียงครู่เดียว ซินเดอเรลล่าคิดว่า ตลอดทั้งชาตินี้ เธอคงไม่มีโอกาสได้พบกับเจ้าชายรูปงามอีกแล้ว
หลังจากซินเดอเรลล่าวิ่งหนีไป เจ้าชายก็ทรงแปลกใจมาก ที่จู่ ๆ สาวน้อยที่แสนน่ารักก็จากพระองค์ไปอย่างร้อนรน แต่ความรักที่เจ้าชายมีต่อเธอทำให้พระองค์ตั้งใจว่า พระองค์จะทำทุกวิถีทางที่จะตามหาเธอให้จงได้ ครั้นเมื่อทหารมาแจ้งให้เจ้าชายทราบว่า หญิงสาวที่เจ้าชายทรงเต้นรำด้วย ได้ทำรองเท้าแก้วหลุดไว้ที่บันได เจ้าชายจึงสั่งให้ทหารนำรองเท้าแก้วคู่นั้น ไปให้หญิงสาวทั่วทั้งอาณาจักรได้ลองสวม ซึ่งหากใครสวมรองเท้าได้พอดี ก็ให้เชิญตัวมาหาพระองค์ที่พระราชวังทันที
หลังจากได้ฟังคำสั่งของเจ้าชาย วันรุ่งขึ้น ทหารก็พากันไปตามหาเจ้าของรองเท้าแก้วโดยไปเคาะประตูบ้านทีละหลังดัง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” แล้วให้หญิงสาวทุกคนได้ลองสวมรองเท้าแก้วตามที่เจ้าชายออกคำสั่ง ทหารพยายามตามหาหญิงสาวอยู่หลายวัน แต่พวกเขาก็ไม่พบหญิงสาวที่สวมรองเท้าแก้วได้พอดิบพอดีเลยซักคน
ครั้นเมื่อทหารมาถึงบ้านหลังสุดท้ายซึ่งก็คือบ้านของซินเดอเรลล่า และให้ผู้หญิงทุกคนลองสวมรองเท้าแก้ว แม่เลี้ยงและพี่ ๆ ของซินเดอเรลล่าต่างก็พยายาม “งอนิ้วเท้า” และพยายามทำสีหน้า เหมือนตัวเองสวมรองเท้าแก้วได้พอดิบพอดีไม่มีปัญหา
วิธีโกงของแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงทั้งสองหลอกทหารไม่สำเร็จ เพราะรองเท้าแก้วเป็นรองเท้าใส ๆ แค่มองทะลุเข้าไปก็รู้แล้วว่าใครงอเท้าอยู่ ในที่สุด หญิงสาวคนสุดท้ายของอาณาจักรที่ยังไม่ได้ลองสวมรองเท้าแก้วก็เหลือเพียงคนเดียวนั่นก็คือ “ซินเดอเรลล่า” นั่นเอง
ในตอนแรก แม่เลี้ยงพยายามขัดขวางไม่ให้ซินเดอเรลล่าได้ลองสวมรองเท้าแก้วโดยอ้างว่า ซินเดอเรลล่าไม่ได้ไปร่วมในงานเลี้ยง จึงไม่มีทางเป็นเจ้าของรองเท้าแก้วคู่นี้แน่ ๆ แต่ด้วยคำสั่งของเจ้าชายที่ต้องการให้ทุกคนได้ลองสวมรองเท้าแก้ว ดังนั้น ทหารจึงยืนยันที่จะให้ซินเดอเรลล่าลองสวมรองเท้าแก้วให้ได้
เมื่อซินเดอเรลล่าลองสวมรองเท้าแก้ว เธอก็สอดเท้าเข้าไปในรองเท้าแก้วได้พอดิบพอดี แน่ล่ะ…ก็มันเป็นรองเท้าที่นางฟ้าเนรมิตไว้ให้ซินเดอเรลล่าใช้โดยเฉพาะ มันจึงเหมาะเจาะกับเท้าของซินเดอเรลล่ามากกว่าใคร ๆนั่นเอง ทหารต่างดีใจมากที่ตามหาหญิงสาวปริศนาได้สำเร็จ เมื่อทหารพาซินเดอเรลล่าไปพบกับเจ้าชายที่พระราชวังเจ้าชายก็จำหน้าของซินเดอเรลล่าได้ พระองค์จึงรีบบอกรักซินเดอเรลล่าก่อนที่ซินเดอเรลล่าจะหนีจากพระองค์ไปอีก
ในที่สุด ซินเดอเรลล่าก็ได้แต่งงานกับเจ้าชาย และเธอก็ได้เป็นเจ้าหญิงพระชายาของเจ้าชายรัชทายาท
นางฟ้าประจำตัวดีใจมากที่ซินเดอเรลล่า ไม่ต้องทนใช้ชีวิตอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้ายอีกต่อไป ส่วนแม่เลี้ยงใจร้ายกับลูกสาวทั้งสอง ที่รังแกซินเดอเรลล่าไว้มาก ทั้งหมดกลัวว่าซินเดอเรลล่าจะมาเอาผิด แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงจึงหนีออกจากเมือง และไม่เคยมีใครเคยได้ข่าวของแม่ใจร้ายกับลูก ๆ อีกเลย
#นิทานนำบุญ
……………………..
………………
สนุกมากค่ะ
LikeLike
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
LikeLike