นิทานก่อนนอนเรื่อง นูอินกับลูกนกดึกดำบรรพ์ เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งเมื่อวันที่ 16 เดือนตุลาคม 2549 เพื่อส่งไปตีพิมพ์ในนิตยสารขวัญเรือน นับถึงวันนี้ (19 มกราคม 2566) ก็ผ่านมาแล้วประมาณ 17 ปี นานมากเลยนะครับ นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานก่อนนอนสั้น ๆ ผมคิดว่าตัวละครน่าสนใจดี เด็กคนไหนชอบเรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์อาจจะชอบนิทานเรื่องนี้เป็นพิเศษ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนิทานนะครับ
นิทานเรื่อง นูอินกับลูกนกดึกดำบรรพ์
นูอินเป็นเด็กยุคหิน พ่อกับแม่ของนูอินมีลูกเพียงคนเดียว นูอินจึงเหงาและอยากจะมีใครสักคนเป็นเพื่อน
อยู่มาวันหนึ่ง นูอินพบลูกนกดึกดำบรรพ์ตกลงมาจากรังบนยอดไม้ เจ้าลูกนกได้รับบาดเจ็บ มันส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร นูอินอยากช่วยเจ้าลูกนก เขาจึงอุ้มลูกนกดึกดำบรรพ์กลับไปรักษาตัวที่ถ้ำซึ่งเป็นบ้านของเขา
นูอินเฝ้าดูแลลูกนกตั้งแต่เช้าจรดค่ำตามคำแนะนำของพ่อกับแม่ ยิ่งนานวัน…นูอินก็ยิ่งผูกพันกับเจ้าลูกนกมากขึ้นเรื่อย ๆ จวบจนเมื่อเจ้าลูกนกหายจากอาการบาดเจ็บ เด็กน้อยผู้โดดเดี่ยวจึงตัดสินใจเลี้ยงลูกนกเอาไว้เป็นเพื่อนของเขา
ทุก ๆ วัน นูอินจะคอยหาของกินอร่อย ๆ มาให้เจ้าลูกนกไม่เคยขาด เขาชอบนำดอกไม้,ฝุ่นสีและลูกปัดหินมาตกแต่งตามเนื้อตัวของเจ้าลูกนกให้ดูสวยโดดเด่น นูอินมีความสุขมากที่ได้เล่นสนุกกับเจ้าลูกนก เขามักจะอุ้มเจ้าลูกนกไปเดินเที่ยวในที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ ๆ
เมื่อผู้คนเห็นลูกนกแสนสวยของนูอิน พวกเขาก็พากันมาห้อมล้อมและขอแตะเนื้อต้องตัวเจ้าลูกนกเป็นการใหญ่ นูอินไม่อยากให้ใครมายุ่งกับลูกนกที่เขารัก ดังนั้น นูอินจึงเลิกพาเจ้าลูกนกออกไปเดินเล่นนอกถ้ำอีก
นับจากวันนั้น เจ้าลูกนกก็จำต้องอุดอู้อยู่แต่ในถ้ำและคอยเป็นเพื่อนเล่นกับนูอินเพียงผู้เดียว แม้เจ้าลูกนกจะรักนูอินมาก แต่มันก็ไม่มีความสุขเอาเสียเลย เพราะจริง ๆ แล้วมันฝันที่จะโผบินไปบนฟากฟ้าเพื่อมีโอกาสกลับไปอยู่กับฝูงนกซึ่งเป็นเพื่อนพ้องพี่น้องของมัน
ในขณะที่นูอินมีความสุขที่ได้อยู่กับเจ้าลูกนกเพื่อนรัก แต่เจ้าลูกนกกลับเซื่องซึมไร้ชีวิตชีวาลงเรื่อย ๆ ไม่ช้าไม่นานนัก เจ้าลูกนกก็เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ จนท้ายที่สุด…มันก็ไม่มีเรี่ยวแรงแม้กระทั่งจะส่งเสียงร้องทักนูอินดังที่มันเคยทำได้
เมื่อนูอินเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น เขาจึงเที่ยวหาสมุนไพรดี ๆ มารักษาเจ้าลูกนกอย่างสุดความสามารถ แต่จนแล้วจนรอด เจ้าลูกนกก็ไม่มีทีท่าว่าจะแข็งแรงขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ มันยังอ่อนแรงลงจนดูเหมือนว่ามันกำลังจะลาจากโลกนี้ไป
นูอินห่วงเจ้าลูกนกจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ พ่อกับแม่ของนูอินเห็นท่าไม่เข้าที ท่านทั้งสองจึงเชิญคุณหมอให้มาช่วยตรวจอาการของเจ้าลูกนกโดยด่วน
คุณหมอยุคหินเป็นคุณหมอที่เก่งมาก คุณหมอตรวจเจ้าลูกนกไม่นานก็รู้ว่ามันป่วยเพราะเหงาและอยากกลับไปอยู่กับพวกของมัน เมื่อนูอินรู้สาเหตุที่ทำให้เจ้าลูกนกไม่สบาย เขาก็รู้สึกผิดที่รั้งเจ้าลูกนกเอาไว้โดยไม่ได้คิดถึงจิตใจของมันบ้าง
แม้นูอินจะรักเจ้าลูกนกมาก แต่ความรักคือการให้…ไม่ใช่การครอบครองเป็นเจ้าของ ด้วยเหตุนี้ นูอินจึงกระซิบบอกเจ้าลูกนกทั้งน้ำตาว่า ถ้าลูกนกแข็งแรงขึ้น เขาจะยอมปล่อยให้เจ้าลูกนกกลับไปใช้ชีวิตอิสระอยู่กับเพื่อนๆ และครอบครัวของมัน
เจ้าลูกนกดีใจมากที่ได้ฟังคำพูดของนูอิน เพราะนอกจากมันจะเป็นสิ่งที่เจ้าลูกนกต้องการแล้ว มันยังแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีที่นูอินมีให้แก่มันอย่างเต็มเปี่ยม
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าลูกนกจึงค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นจนกระทั่งมันมีแรงพอที่จะบินออกไปสู่แผ่นฟ้าอันกว้างใหญ่ได้
นูอินมีความสุขที่เห็นเจ้าลูกนกหายป่วย แม้การปล่อยให้เจ้าลูกนกกลับไปอยู่กับพวกพ้องพี่น้องของมันจะทำให้นูอินรู้สึกเหงา ๆ แต่เขาก็เชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพราะการทำให้เพื่อนมีความสุขเป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ดี
#นิทานนำบุญ
คำถามท้ายเรื่อง : เด็ก ๆ คิดว่า เจ้าลูกนกจะบินจากนูอินไปตลอดกาล หรือ คิดว่ามันจะบินกลับมาหานูอินในวันที่มันคิดถึง ฝากเด็ก ๆ คิดกันเล่น ๆ นะครับ

ลูกตอบว่าบินกลับมาเมื่อคิดถึงค่ะ
LikeLike
เป็นความคิดที่น่ารักมากเลยครับ ขอบคุณนะครับ
LikeLike