Posted in ครอบครัว, ความรัก, นิทานก่อนนอน, นิทานนำบุญ, นิทานาสอนใจเด็ก, นิทานเด็ก

ฉันชอบเธออย่างที่เธอเป็นมากที่สุด

“แอปเปิ้ล แอปเปิ้ล แอปเปิ้ล มะละกอ มะละกอ มะละกอ

กล้วย กล้วย กล้วย ส้ม ส้ม ส้ม

แอปเปิ้ล มะละกอ กล้วย ส้ม”

แอปเปิ้ลเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ยิ่งถ้าวันไหนได้ปลูกผักในสวน แอปเปิ้ลจะอยู่ในสวนได้ทั้งวัน

กล้วยเป็นเด็กที่ชอบศึกษาหาความรู้ ถ้าวันไหนกล้วยได้อยู่บ้านอ่านหนังสือหรือได้ไปห้องสมุด กล้วยจะมีความรู้สึกเหมือนได้ท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง

เมื่อถึงวันเกิดของลูก ๆ คุณแม่เห็นว่าลูก ๆ เป็นเด็กที่น่ารัก ไม่ดื้อไม่ซน และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เสมอ คุณแม่จึงซื้อของขวัญเป็นตุ๊กตามาฝากลูกสาวคนละหนึ่งตัว

มะละกอได้ตุ๊กตาหมีที่มีชุดเป็นลายดอกไม้แสนอ่อนหวาน

ส่วนส้มไม่ได้ตุ๊กตาหมีเหมือนพี่ ๆ แต่เธอได้ตุ๊กตาเด็กไม่ใส่เสื้อแถมมีหัวจุก ซึ่งพี่ ๆ พากันร้องเพลงว่า “จ่อกกวิก กวิก กวิก กวิก กวิก กวิก กวิก กวิก กวิก จ่อก จ่อก กวิก กูลิติแกว็ด” กันอย่างสนุกสนาน

ในเวลาต่อมา เมื่อคุณแม่ไม่อยู่ มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่คาดคิด

ในขณะเดียวกัน ตุ๊กตาหมีของมะละกอก็ส่งยิ้มให้มะละกอ พอมะละกอเห็น เธอก็ตาโตด้วยความประหลาดใจ แต่เธอก็ยิ้มตอบด้วยความดีใจ ที่จะได้มีเพื่อนเล่น

ส่วนตุ๊กตาเด็กหัวจุกที่ดูคล้ายกุมารทองของส้มนั้น มันรู้สึกว่าตัวของมันไม่น่ารักเหมือนตุ๊กตาตัวอื่น ๆ แถมมันยังไม่มีเสื้อใส่เสียด้วย เมื่อสบโอกาส เจ้าตุ๊กตาก็พยายามส่งยิ้มให้ส้มอย่างเจียมตัว แต่เมื่อส้มมองมาที่มัน ส้มกลับมีสีหน้านิ่งเฉย!

ในวินาทีนั้น ส้มเพิ่งได้สติเพราะมัวแต่คิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ส้มเพิ่งสังเกตเห็นว่าตุ๊กตาของเธอมีชีวิต และมีสีหน้าแปลก ๆ ด้วยเหตุนี้ ส้มจึงพูดกับตุ๊กตาว่า “เธอเป็นอะไรไปเหรอ ปวดห้องน้ำรึเปล่าจ๊ะ?”

ส้มมองเจ้าตุ๊กตาหัวจุกของเธอด้วยความเอ็นดู จากนั้น ส้มก็บอกกับเจ้าตุ๊กตาหัวจุกว่า

เจ้าตุ๊กตาหัวจุกเขินจนหน้าแดงไปหมด เพราะตลอดเวลา มันไม่เคยรู้สึกว่ามันมีค่าสำหรับใครเลย แต่ในวันนี้ มันรู้สึกว่า ตัวมันมีค่าจริง ๆ เมื่อได้อยู่กับเพื่อนใหม่ที่เห็นคุณค่าของมัน

ครั้นเมื่อคุณแม่กลับมา เด็กทุกคนก็ไม่ลืมที่จะไปหอมแก้มคุณแม่ เพราะนอกจากคุณแม่จะมอบของขวัญแสนพิเศษให้กับลูก ๆ ทุกคนแล้ว คุณแม่ยังรู้ใจลูก ๆ ทุกคนอย่างทะลุปรุโปร่ง

ถ้าใครจะหอม ขอฝากหอมด้วยสักสองสามฟอด จากนั้น ก็ขอให้ทุกคนเข้านอนอย่างมีความสุขนะจ๊ะ

ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ :

  • ทุกคนมีคุณค่าในแบบของตัวเอง แม้จะไม่เหมือนใคร
  • การยอมรับความแตกต่างคือพื้นฐานของความรักแท้จริง
  • ความคิดสร้างสรรค์สามารถเปลี่ยนสิ่งธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งพิเศษ

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

ครูจะกอดลูกไว้ด้วยใจรัก (แบบกระชับ)

ชื่อเสียงในการสอนและความรักเด็กของคุณครูจรัสศรีทำให้ผู้คนในเมืองพาลูกหลานมาเรียนที่โรงเรียนเล็ก ๆ เก่า ๆ ของคุณครูจรัสศรีกันหมด   แม้จะมีเด็กมาเรียนมาก  แต่คุณครูจรัสศรีก็ไม่เคยคิดเอาเปรียบ  คุณครูจรัสศรีมักจัดสรรเงินค่าเทอมไปจ้างครู  จ้างทีมสนับสนุนการทำงานของครู  จ้างทีมแม่ครัวและแม่บ้าน  แล้วฝึกอบรมให้ทุกคนดูแลเด็ก ๆ ด้วยหัวใจ   

เมื่อเศรษฐีย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์ในเมืองเล็ก ๆ  เศรษฐีพยายามค้นหาโรงเรียนให้ลูกสาวสุดที่รัก แต่เมืองทั้งเมืองมีโรงเรียนประถมแค่แห่งเดียว เป็นโรงเรียนที่ทั้งเล็กและเก่า แถมครูใหญ่ยังต้องมาสอนหนังสือด้วยตัวเอง  เศรษฐีจึงคิดว่า โรงเรียนคงไม่มีคุณภาพแน่ ๆ  ด้วยเหตุนี้ เศรษฐีจึงเรียกประชุมผู้จัดการให้ช่วยกันคิด “แผนธุรกิจ” ในการสร้างโรงเรียนประถม เพื่อใช้เป็นโรงเรียนของลูกสาว และเพื่อการสร้างรายได้จากเด็กนักเรียน

ผู้จัดการอีกคนหนึ่งเสนอว่า หากสร้างอาคารเรียนให้ทันสมัย เป็นตึกสัก 7 ชั้น แต่ละชั้นตกแต่งด้วยรูปแบบที่ต่างกัน เช่น ตกแต่งเป็นชั้นอวกาศ ชั้นวิทยาศาสตร์ ชั้นกีฬา ชั้นสร้างศิลปิน ชั้นของเล่น ชั้นสวนสนุก ชั้นสวนสัตว์  พ่อแม่น่าจะแย่งกันส่งลูกมาเรียน

เศรษฐีคิดตามแล้วสั่งให้ผู้จัดการทั้งหมดสร้างโรงเรียนให้เสร็จภายในเวลา 6 เดือน

เศรษฐีแปลกใจที่พ่อแม่ในเมืองแห่งนี้ ไม่มีใครส่งลูกมาเรียนที่โรงเรียนของเขาเลย  

“ลูกต้องสืบให้ได้นะว่า โรงเรียนคู่แข่งของเราตกแต่งโรงเรียนยังไง ใช้หลักสูตรจากประเทศไหนและมีการใช้ A.I.หรือมีอะไรที่ทันสมัยกว่าโรงเรียนของเราหรือเปล่า”  เศรษฐีกำชับ

วันแรกที่ลูกสาวเศรษฐีไปโรงเรียน  คุณครูจรัสศรีเป็นคนมารับเด็กหญิงตัวน้อยที่รถของคุณพ่อ จากนั้น คุณครูจรัสศรีก็ทักทายนักเรียนใหม่ว่า  “สวัสดีจ้ะคนดี ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ ครูชื่อครูจรัสศรี ไม่ใช่จรัสหมีหรือจะจับหมีนะจ๊ะ ถึงครูจะตัวใหญ่เหมือนหมี แต่ครูก็น่ารักไม่แพ้หมีแพนด้านะ”  จากนั้น  คุณครูตัวใหญ่ก็พานักเรียนตัวเล็กเดินไปยังห้องเรียน

ลูกสาวเศรษฐีตื่นเต้นที่จะได้ปลูกดอกไม้ของตัวเองบ้าง  เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า  เธอสามารถมีส่วนร่วมในการทำให้โรงเรียนน่าอยู่ได้  เพราะโรงเรียนของพ่อใช้วิธีจ้างคนให้มาตกแต่งให้ทั้งหมด   

ในเรื่องของหลักสูตรที่ใช้   ลูกสาวเศรษฐีถามคุณครูจรัสศรีว่า  คุณครูจรัสศรีใช้หลักสูตรจากประเทศไหนมาทำการสอน  ตอนแรก คุณครูจรัสศรีค่อนข้างแปลกใจกับคำถาม  แต่พอนึกทบทวนดู  คุณครูจรัสศรีก็ตอบลูกศิษย์ตัวน้อยว่า “หลักสูตรของครูน่าจะเป็นหลักสูตรจากประเทศหัวใจนะ”  

ในเรื่องของการใช้คอมพิวเตอร์  อินเตอร์เน็ต หรือ A.I.   ลูกสาวเศรษฐีพยายามสังเกตและหาคำตอบตามที่พ่อมอบหมาย  แต่ในห้องเรียนไม่มีอุปกรณ์ทันสมัยใด ๆ  เลย   จนกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยง  ลูกสาวเศรษฐีพบว่า   มีทีมครูอีกทีมหนึ่ง ชื่อ ทีมสนับสนุนการทำงานของครู  เข้ามาพูดคุยกับคุณครูจรัสศรีพร้อมกับนำเอกสารปึกใหญ่มาด้วย

ลูกสาวเศรษฐีค่อนข้างตกใจที่เธอเพิ่งรู้ว่า  A.I.ที่โรงเรียนของพ่อใช้แทนครู เป็นเครื่องมือที่เชื่อถือไม่ได้เสมอไป การใช้ A.I. แทนครูจึงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก

ทันทีที่เศรษฐีลงจากรถ แทนที่เศรษฐีจะถามลูกสาวว่าหิวไหม เหนื่อยไหม  เศรษฐีผู้ร้อนรนกลับรีบกระซิบถามลูกสาวด้วยเสียงที่เบาที่สุดว่า “วันนี้ สืบอะไรมาได้บ้าง” 

จริง ๆ แล้ว คุณครูจรัสศรีพอจะทราบว่า คุณพ่อของเด็กน้อยเป็นเศรษฐีและเป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งใหม่ ส่วนเด็กน้อยเป็นเด็กกำพร้าที่เพิ่งเสียคุณแม่ไปได้ไม่นานนัก  การที่เศรษฐีส่งลูกสาวมาเรียนที่โรงเรียนจึงเป็นเรื่องที่คุณครูจรัสศรีรู้สึกแปลกใจมาตั้งแต่ต้น  แต่เมื่อคุณครูจรัสศรีได้เห็นท่าทีและได้ฟังคำพูดของเศรษฐีที่มีกับลูก  คุณครูจรัสศรีจึงมองลูกศิษย์ด้วยความสงสาร จากนั้น คุณครูจรัสศรีจึงตัดสินใจ ปกป้องลูกศิษย์ตัวน้อยด้วยหัวใจของครูที่รักลูกศิษย์เหมือนลูกแท้ ๆ

เมื่อลูกสาวเศรษฐีเดินพ้นสายตาไปแล้ว  คุณครูจรัสศรีก็หันมามองเศรษฐีด้วยสีหน้าของคุณครูที่เข้มงวดที่สุด แล้วพูดกับเศรษฐีว่า “ครูรู้แล้วนะว่าคุณพ่อส่งลูกสาวมาเรียนที่นี่เพราะอะไร ครูเอง แม้จะเพิ่งได้เป็นครูของลูกสาวคุณพ่อแค่เพียงวันเดียว แต่ครูก็อยากปกป้องเค้าให้ดีที่สุด ครูจึงอยากเตือนคุณพ่อว่า หัวใจของลูกเป็นสิ่งที่มีค่ามากนะคะ อย่าเห็นแก่ความต้องการของตัวเอง จนลืมปกป้องหัวใจของเค้า อย่าสั่งให้ลูกเป็นอย่างอื่นเลย ให้ลูกได้เป็นลูก เป็นเด็กนักเรียนธรรมดา ๆ แต่เป็นคนสำคัญที่สุดของพ่อ  จะไม่ดีกว่าเหรอคะ”

หลังจากนั้น  คุณครูจรัสศรีก็ปล่อยให้เศรษฐีปลูกต้นไม้กับลูกสาวกันตามลำพัง  ครั้นเมื่อสองพ่อลูกปลูกต้นไม้เสร็จ  พวกเขาก็ลาคุณครูขึ้นรถกลับบ้าน  โดยที่เศรษฐีไม่ได้ถามเรื่องภารกิจลับใด ๆ กับลูกสาวอีก

เศรษฐีนึกขอบคุณคุณครูจรัสศรีที่เตือนสติเขา   เศรษฐีรับรู้ได้ว่า คุณครูหวังดีและพยายามปกป้องลูกสาวของเขาจากพ่อที่ไม่เอาไหน  เศรษฐีรู้แล้วว่า เพราะเหตุใดผู้คนจึงพาเด็ก ๆ มาเรียนหนังสือกันที่นี่ 

Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานเรื่อง ครูจะกอดลูกไว้ด้วยใจรัก