Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

เจ้าหนูธนูวิเศษ

ตอนที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งนิทานเรื่อง “เจ้าหนูธนูวิเศษ” (เมื่อราว 20 ปีก่อน)  ตอนนั้น ผมแค่รู้สึกอยากแต่งนิทานที่ตัวเอกมีการใช้ธนูเป็นอาวุธ และสนุกกับชื่อเรื่อง ที่มีเสียงคล้องจองกันของคำว่า ธนู” กับ “เจ้าหนู” พอคิดไปคิดมา เลยได้ชื่อเรื่องว่า  “เจ้าหนูธนูวิเศษ” แหม! ชื่อเท่ราวกับวรรณกรรมเยาวชนระดับโลกเลยทีเดียว  นิทานเรื่องนี้จึงเป็นนิทานอีกเรื่องหนึ่งที่เริ่มแต่งจากชื่อเรื่อง โดยไม่มีแก่นเรื่อง (Theme) หรือ โครงเรื่อง (Plot)  เรียกว่า ค่อย ๆ คิดเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ในขณะที่แต่ง  เหมือนการต่อจิ๊กซอว์อยู่ในสมอง ต่อถูกก็ไปต่อ ต่อผิดก็ดึงออก แล้วคิดจิ๊กซอว์ใหม่ต่อเข้าไป จนได้นิทานเรื่องนี้ ซึ่งเป็นนิทานที่ผมรู้สึกว่า  น่าจะอยู่ในกลุ่มเดียวกับนิทานก่อนนอนเรื่องยาว ๆ อย่าง “กระต่ายแสงจันทร์”  คือมีทั้งความอ่อนโยนและมีฉากให้ตื่นเต้นอยู่นิด ๆ  ผมหวังว่าเด็ก ๆ จะชอบนิทานเรื่องนี้กันนะครับ

นิทานเรื่อง เจ้าหนูธนูวิเศษ

“ปันปัน” เป็นหลานของช่างทำธนูฝีมือเยี่ยม  พ่อกับแม่ของปันปันฝากเขาเอาไว้กับคุณปู่ก่อนที่พวกท่านจะลาขึ้นสวรรค์ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ  ปันปันเสียใจที่เขาไม่มีโอกาสได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่  แต่เขาก็ยังรู้สึกดีที่อย่างน้อยเขาก็ยังมีคุณปู่ผู้คอยเฝ้าห่วงใยเขาอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

ปันปันรักคุณปู่มาก  และแน่นอน…คุณปู่ก็รักปันปันด้วยเช่นกัน  ปันปันมักจะเฝ้ามองคุณปู่ในขณะที่ท่านกำลังลงมือทำธนูด้วยความตั้งอกตั้งใจ  เมื่อปันปันเห็นคุณปู่ทำธนูอยู่บ่อย ๆ ปันปันจึงนึกอยากที่จะทำธนูขึ้นมาบ้าง  ด้วยเหตุนี้  ปันปันจึงเริ่มต้นฝึกทำธนู  โดยเขามักจะขอให้คุณปู่ช่วยชี้แนะวิธีการทำธนูให้กับเขา

ธนูคันแรกของปันปันเสร็จสมบูรณ์ขึ้นในวันที่ปันปันมีอายุ 7 ขวบ  ปันปันภูมิใจในผลงานการทำธนูของเขามาก  และเมื่อปันปันอายุ 12 ขวบ  ปันปันก็กลายเป็นช่างทำธนูที่มีฝีมือในการทำธนูและยิงธนูไม่เป็นสองรองจากใคร

อยู่มาวันหนึ่ง  คุณปู่ของปันปันล้มป่วยลงด้วยอาการที่น่าเป็นห่วง  คุณหมอประจำหมู่บ้านต่างพากันถอนใจ เพราะอาการป่วยของคุณปู่หนักเกินกว่าที่แพทย์ประจำหมู่บ้านอย่างพวกเขาจะช่วยเยียวยาเอาไว้ได้

คุณหมอท่านหนึ่งได้เปรยกับปันปันว่า  หากได้หมอที่เก่งกว่านี้ อย่างเช่นหมอหลวงของพระราชามาช่วยทำการรักษา คุณปู่ก็น่าจะหายป่วยได้ไม่ยากนัก  ปันปันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาคงไม่อาจช่วยให้คุณปู่หายจากอาการป่วยที่แสนทรมานนี้ได้  ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าหมอหลวงคือหมอของพระราชา  ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่หมอหลวงจะมารักษาคุณปู่ให้กับเขา

แต่โชคดีก็ยังเป็นของคุณปู่และปันปัน  เพราะในช่วงเวลานั้น  พระราชาได้จัดการแข่งขันการยิงธนูระยะไกลขึ้น  พระราชาทรงประกาศว่า  ผู้ที่ชนะ สามารถขอรางวัลอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา   ปันปันรู้ดีว่าเขาต้องการจะขออะไรจากพระราชา  ปันปันจึงรีบสมัครเข้าร่วมแข่งขันอย่างไม่ลังเล

เหล่าขุนนางต่างพากันหัวเราะเยาะเมื่อเห็นเด็กน้อยอย่างปันปันแบกธนูไม้คันใหญ่ยักษ์เข้ามาสมัครร่วมแข่งขัน  ด้วยความที่มีผู้สมัครเข้าแข่งขันอยู่ก่อนแล้วเพียง 3 คน คือชายหนุ่มผู้เกิดในตระกูลสูง  นักรบร่อนเร่ผู้หยาบช้า  และอัศวินจากประเทศตะวันตก  ดังนั้น  พวกขุนนางจึงยินยอมให้ปันปันเข้าร่วมการแข่งขันได้  โดยพวกเขาจัดลำดับให้ปันปันยิงธนูเป็นคนสุดท้าย เพื่อให้ปันปันกลายเป็นตัวขบขันและสร้างสีสันให้กับงาน!

เมื่อเวลาของการแข่งขันมาถึง  เหล่าทหารก็พากันผูกด้ายแดงเข้ากับปลายลูกธนูของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 4 คน  ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนมีโอกาสในการยิงธนูคนละ 1 ครั้ง ซึ่งหากลูกธนูของใครพาด้ายแดงไปได้ไกลที่สุด  บุคคลนั้นก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะของการยิงธนูระยะไกลในครั้งนี้

บุคคลแรกที่ยิงธนูก็คือชายหนุ่มผู้เกิดในตระกูลสูง  ชายหนุ่มคนนี้สามารถยิงธนูไปปักที่ต้นไม้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลถึง 500 ก้าว   ส่วนนักรบร่อนเร่ผู้หยาบช้านั้น  เขาตั้งใจอวดฝีมือด้วยการยิงธนูทะลุผ่านธนูลูกแรก  แล้วปล่อยให้ลูกธนูทะลวงผ่านต้นไม้ไปตกอยู่ในป่าทึบซึ่งห่างออกไปวัดได้ 1000 ก้าว  แต่ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดก็คือฝีมือการยิงธนูขออัศวินจากประเทศตะวันตก  เพราะเขาสามารถยิงธนูข้ามป่าทึบไปตกที่ด้านหลังของภูเขา  ซึ่งเมื่อวัดระยะทางแล้ว  เขาเป็นผู้ที่ยิงธนูได้ไกลที่สุด คือไกลถึง 2000 ก้าวเลยทีเดียว

และแล้ว…โอกาสในการยิงธนูของปันปันก็มาถึง  ผู้คนต่างพากันหัวเราะขบขันเมื่อเห็นเด็กน้อยแบกธนูคันใหญ่ยักษ์เข้ามาตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จุดตั้งต้น  และเมื่อทหารให้สัญญาณในการยิงธนู  ปันปันซึ่งตั้งสมาธิและจรดหัวใจไว้ที่ปลายธนูอยู่แล้ว ก็ค่อย ๆ ทำการเหนี่ยวสายธนูอย่างช้า ๆ  จนคันธนูโค้งเกือบเป็นรูปวงกลม  และเมื่อปันปันปล่อยมือจากสายธนู  คันธนูก็ดีดตัวกลับ  ทำให้ลูกธนูพุงฉับตัดอากาศไปว่องไวราวกับสายลม

ผู้คนต่างพากันตกตะลึงจนพูดไม่ออก  ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า  เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างปันปันจะสามารถยิงธนูได้แรงถึงเพียงนี้  แต่เมื่อทหารลงมือค้นธนูเพื่อวัดระยะ  สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น   เพราะแทนที่ทหารจะพบลูกธนูตกไกลออกไปอย่างที่หลายคนคาดหวัง  ลูกธนูกลับตกอยู่ในพุ่มไม้ห่างจากจุดตั้งต้นเพียงแค่ 10 ก้าวเท่านั้น!  และนี่คือความจริงที่ปันปันไม่อาจปฏิเสธได้

แต่โชคของปันปันก็ยังคงมีอยู่  เพราะในขณะนั้น  พระราชาผู้ทรงความยุติธรรมได้ชมการแข่งขันมาโดยตลอด  พระราชาทรงสงสัยว่า เพราะเหตุใดลูกธนูของเด็กน้อยจึงพุ่งไปได้ไม่ไกลอย่างที่ควรจะเป็น  ดังนั้น ก่อนที่พระองค์จะทำการประกาศตัวผู้ชนะ  พระองค์จึงสั่งให้ทหารลองวัดความยาวของด้ายสีแดงที่ผูกติดอยู่กับปลายลูกธนูของปันปันให้แน่ใจเสียก่อน

เมื่อทหารลงมือวัดความยาวของด้ายสีแดงโดยเริ่มวัดจากจุดตั้งต้น  ผลที่เกิดขึ้นก็คือ…ทหารต้องเดินวนรอบโลก 1 รอบจนกระทั่งกลับมาที่จุดตั้งต้นอีกครั้ง  แล้วเดินต่อไปอีก 10 ก้าว จึงวัดความยาวทั้งหมดได้ครบถ้วน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ลูกธนูของปันปันพุ่งทะยานไปได้ไกลที่สุด  โดยเดินทางไปรอบโลกภายในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว

ในที่สุด  ปันปันก็ได้เป็นผู้ชนะ และเมื่อพระราชาทรงถามว่า ปันปันต้องการอะไรเป็นรางวัลสำหรับชัยชนะในครั้งนี้  ปันปันจึงรีบตอบพระราชาด้วยความมุ่งมั่นว่า สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือเขาอยากขอยืมตัวหมอหลวงให้ช่วยไปรักษาคุณปู่ผู้เป็นที่รักของเขา

พระราชาทรงชื่นชมในความสามารถและความกตัญญูของปันปัน  ดังนั้น  หลังจากที่หมอหลวงทำการรักษาคุณปู่จนหายป่วยแล้ว  พระราชาจึงรับปันปันกับคุณปู่ให้เข้ามาอยู่ในพระราชวัง โดยมอบหมายให้ปู่หลานทั้งสองคอยฝึกฝนพลธนูของกองทัพให้มีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ

และแล้ว..นิทานเรื่องนี้ก็จบลงอย่างมีความสุข

#นิทานนำบุญ

7 thoughts on “เจ้าหนูธนูวิเศษ

      1. ผมนำนิทานไปอ่านให้เพื่อนๆฟังในหลายๆคืนๆ ทุกคนหลับปุ๋ยกันหมดเลยครับ ขอบคุณสำหรับนิทานดีๆ มากๆครับ 😀

        Like

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.