Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

นิทานก่อนนอน : นักเรียนไม่รู้จบ

นิทานเรื่อง “นักเรียนไม่รู้จบ” เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งในช่วงปีท้าย ๆ ของการแต่งนิทานลงในนิตยสารขวัญเรือน หากมองเผิน ๆ นิทานเรื่องนี้อาจเป็นเพียงนิทานก่อนนอนที่มีแง่คิดสอนใจเหมือนนิทานทั่วไป แต่หากดูรายละเอียดของนิทานจะพบว่า นิทานเรื่องนี้ มีการสอดแทรกเรื่อง “ชายหญิงเท่าเทียม” ซึ่งในมุมมองของคนที่ทำงานด้านเด็ก ผมมองเด็กทุกคนเป็นมนุษย์เท่า ๆ กัน ซึ่งแต่ละคนอาจมีธรรมชาติและความถนัดที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าแต่ละคนพยายาม ทุกคนก็สามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือความหมายของความเท่าเทียมในมุมมองของผม เป็นความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย ในฐานะที่ทุกคนเป็นมนุษย์ ซึ่งอยู่ร่วมกัน ยอมรับกัน เรียนรู้จากกัน เกื้อกูลกันได้ (ผมเคยเจอคู่มือเล่มหนึ่ง ระบุให้นักแต่งนิทานในหัวข้อ “ชายหญิงเท่าเทียม” ต้องแต่งเรื่องให้มีตัวละครผู้ชายและผู้หญิงจำนวนเท่ากัน ผู้ที่ทำอาชีพหมอหรือตำรวจต้องไม่ใช่ผู้ชายเท่านั้น ถ้ามีหมอผู้ชายในเรื่อง ก็ต้องมีหมอผู้หญิงด้วย ผู้หญิงต้องแข็งแรงเท่ากับผู้ชาย และมีข้อกำหนดอีกหลายอย่าง เพื่อให้ชายและหญิงมีความเท่ากันเป๊ะ ๆ เหมือนการชั่งอาหาร ซึ่งผมมองว่า มันเป็นวิธีคิดที่แข็งกระด้าง และผมจะไม่ยอมแต่งนิทานด้วยเกณฑ์แบบนี้เด็ดขาด) ยังไงลองอ่านนิทานเรื่อง “นักเรียนไม่รู้จบ” กันดูนะครับ ผมหวังว่า เมื่ออ่านแล้ว จะเข้าใจความหมายของการคิดนิทานแนว “หญิงชายเท่าเทียม” ในแบบของผมมากขึ้น

นิทานเรื่อง นักเรียนไม่รู้จบ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงน้อยองค์หนึ่งทรงมีพี่ชายสามพระองค์  เจ้าชายองค์โตทรงเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม  เจ้าชายองค์รองทรงเชี่ยวชาญในวิชาวิทยาศาสตร์ ส่วนเจ้าชายองค์เล็กทรงมีความรอบรู้ในวิชาภาษาศาสตร์  เจ้าชายทั้งสามพระองค์มีความสามารถในวิชาต่าง ๆ คนละด้าน  แต่อนิจจา! เจ้าหญิงองค์น้อยกลับไม่มีความโดดเด่นในวิชาใดเลยแม้แต่วิชาเดียว  

ทุกครั้งที่มีแขกบ้านแขกเมืองมาเยี่ยมพระราชา  พระราชาก็มักจะยิ้มแล้วเล่าถึงเจ้าชายทั้งสามให้แขกฟังอยู่เสมอ  เจ้าหญิงทรงอยากให้พระบิดาภูมิใจในตัวของพระองค์บ้าง  เจ้าหญิงจึงตั้งใจที่จะพัฒนาตนเอง โดยหวังว่าพระบิดาจะชมเชยพระองค์เช่นเดียวกับที่ชื่นชมพี่ชายทั้งสาม

นับจากวันนั้น  เจ้าหญิงจึงตั้งใจเรียนมากขึ้น  รวมทั้งแบ่งเวลาเข้าไปค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ ในห้องสมุดและหมั่นสอบถามเรื่องที่สงสัยจากพระอาจารย์อย่างละเอียด  แต่เมื่อคะแนนสอบออกมา  เจ้าหญิงกลับทำคะแนนได้เพิ่มจากเดิมเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น!

การตั้งใจเรียนแต่กลับทำคะแนนได้ไม่ดีสมกับความตั้งใจอาจทำให้เด็กทั่วไปท้อถอยและไม่อยากพยายามต่อไปอีก แต่โชคดีที่เจ้าหญิงไม่คิดเช่นนั้น  เพราะพระองค์เชื่อว่าหากพยายามแล้วไม่สำเร็จก็หมายถึงยังใช้ความพยายามไม่มากพอ  ด้วยความคิดเช่นนี้  เจ้าหญิงจึงตั้งใจศึกษาหาความรู้ต่อไป เพื่อพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ 

หลายปีต่อมา  เจ้าชายต่างก็ค่อย ๆ สำเร็จการศึกษาไปทีละพระองค์ โดยเจ้าชายทุกพระองค์ล้วนทำคะแนนสอบครั้งสุดท้ายได้อย่างยอดเยี่ยม  ส่วนเจ้าหญิงนั้น พระองค์ทรงเติบโตขึ้นและทำคะแนนสอบได้ดีขึ้นบ้าง แต่หากเปรียบเทียบกับเจ้าชายทั้งสามแล้ว  ความรู้ความสามารถของเจ้าหญิงก็ยังห่างชั้นจากพี่ชายของพระองค์หลายเท่าตัวนัก

หลังจบการศึกษา  เจ้าชายทั้งสามก็หยุดหาความรู้เพิ่มเติม  เนื่องจากทุกพระองค์มั่นใจในความสามารถที่ตนเองมีอยู่   ผิดกับเจ้าหญิงที่รู้สึกเสมอว่าพระองค์เก่งสู้พี่ชายทั้งสามไม่ได้  เมื่อจบการศึกษาไปแล้ว เจ้าหญิงจึงขวนขวายหาทางเรียนรู้เพิ่มเติมต่อไปอีก 

หลายปีต่อมา  พระราชาทรงมีแขกต่างชาติมาเยี่ยม  แขกผู้นี้แวะมาหารือเกี่ยวกับการนำความรู้วิทยาศาสตร์มาคำนวณเพื่อสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้แก่อาณาจักรของพระราชา พระราชาทรงเห็นว่าเจ้าชายทั้งสามเชี่ยวชาญในด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และภาษาศาสตร์เป็นอย่างดี  พระราชาจึงมอบหมายให้เจ้าชายทั้งสามร่วมต้อนรับแขกคนสำคัญผู้นี้ด้วย

เมื่อแขกต่างชาติมาถึง  เจ้าชายผู้เชี่ยวชาญในด้านภาษาศาสตร์  แต่ไม่ได้ฝึกฝนการใช้ภาษามาหลายปี ก็เกิดอาการติดขัดไม่สามารถสื่อสารกับแขกต่างชาติได้  ครั้นเมื่อแขกต่างชาตินำแบบร่างของเครื่องผ่อนแรงออกมาให้พระราชากับเจ้าชายผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์พิจารณาดู  เจ้าชายทั้งสองก็จำความรู้เก่า ๆ ที่เคยเรียนมาไม่ได้เลย  ทำให้โครงการทั้งหมดติดขัดและอาจต้องยุติลงทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น!

โชคดีเหลือเกินที่ในวันนั้นเจ้าหญิงทรงอยู่ในท้องพระโรงด้วย  เมื่อเจ้าหญิงเห็นเหตุการณ์ พระองค์จึงขอเป็นตัวแทนสนทนากับแขกผู้มาเยือนและขอพิจารณาแบบร่างโดยใช้ความรู้วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ แล้วรายงานให้พระราชากับพี่ชายทั้งสามได้รับรู้

แม้เจ้าหญิงจะไม่ใช่คนที่เก่งกาจกว่าใคร ๆ แต่การเป็นผู้ที่มีใจใฝ่เรียนอย่างไม่รู้จบทำให้พระองค์มีความรู้เพิ่มขึ้นและมีความเชี่ยวชาญในการใช้ความรู้เหล่านั้น

แขกผู้มาเยือนยินดีที่การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนพระราชาก็ทรงยิ้มอย่างมีความสุขและมองเจ้าหญิงด้วยความปลื้มปีติ

ในที่สุด  เจ้าหญิงก็ทำให้พระราชาภูมิใจในตัวของพระองค์ได้สำเร็จ ส่วนเจ้าชายทั้งสามที่ได้เห็นความสามารถของน้องสาวก็เปลี่ยนใจกลับมาเป็น “นักเรียนไม่รู้จบ” อีกครั้ง

หลังจากนั้น ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงก็ช่วยกันใช้ความรู้ความสามารถดูแลอาณาจักรบ้านเกิดของพระองค์จนประชาชนทั้งหลายต่างมีความสุขกันโดยถ้วนหน้า

#นิทานนำบุญ

…………………………………………………

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.