Posted in ครอบครัว, นิทาน, เด็ก

วาฬน้อยกับเด็กชาวทะเล

นิทานเรื่อง “วาฬน้อยกับเด็ก ๆ ชาวทะเล” เป็นนิทานที่ผม (นำบุญ นามเป็นบุญ) แต่งในช่วงปีแรก ๆ ของการเป็นนักแต่งนิทานให้นิตยสารขวัญเรือน ตอนนั้น ผมยังเป็นนักแต่งนิทานมือใหม่มาก ทักษะการเขียนและการใช้ภาษาจึงถือว่ายังมีอยู่น้อย แต่ความสดใหม่ของนักเขียนหน้าใหม่ในตอนนั้น (ราว 20 ปีก่อน) ก็น่าจะเป็นเสน่ห์อีกอย่างที่อยากให้คุณ ๆ ได้สัมผัสกัน ผมจึงไม่ได้ปรับแก้ภาษาของนิทานเรื่องนี้ (แต่ปรับชื่อนิทานให้สั้นลงเป็น วาฬน้อยกับเด็กชาวทะเล) หวังว่านิทานเกี่ยวกับทะเล วาฬและการร่วมแรงร่วมใจกันดูแลธรรมชาติเรื่องนี้จะสร้างความสุขและให้แรงบันดาลใจที่ดีแก่เด็ก ๆ นะครับ

นิทานเรื่อง วาฬน้อยกับเด็กชาวทะเล

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีวาฬน้อยตัวหนึ่งพลัดหลงจากฝูงมาเกยตื้นที่ชายหาดของเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลลึก  โชคดีเหลือเกิน ที่มีเด็ก ๆ ชาวทะเลเห็นวาฬน้อยที่น่าสงสารเข้า   เด็ก ๆ จึงรีบวิ่งลุยน้ำเพื่อไปช่วยเจ้าวาฬน้อยให้รอดพ้นจากอันตราย

เด็ก ๆ ชาวทะเลรวม 12 คน ช่วยกันดันตัวของเจ้าวาฬน้อยอย่างเต็มกำลัง โดยตั้งใจที่จะพาเจ้าวาฬน้อยกลับคืนสู่อ้อมกอดของท้องทะเลให้จงได้  แต่ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตมโหฬารของเจ้าวาฬน้อย  ในที่สุด  เด็ก ๆ ชาวทะเลก็ต้องยอมรับว่า พวกเขามีแรงไม่พอที่จะพาเจ้าวาฬน้อยกลับคืนสู่ท้องทะเล

อย่างไรก็ตาม เด็ก ๆ ก็ยังไม่ยอมแพ้  ด้วยพวกเขารู้ดีว่า หากพวกเขาปล่อยให้เจ้าวาฬน้อยนอนเกยหาดอยู่เช่นนี้  อีกไม่นาน…เจ้าวาฬน้อยก็อาจจะถูกแสงแดดแผดเผาเสียจนทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ไหว  ดังนั้น  เด็ก ๆ ทั้งหมดจึงวิ่งขึ้นไปรวมตัวกันบนฝั่ง แล้วรีบปรึกษาหารือกัน เพื่อหาวิธีช่วยชีวิตของเจ้าวาฬน้อย

เด็กคนหนึ่งเสนอความคิดว่า “พวกเราน่าจะเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วยนะ”  เด็กคนอื่น ๆ เห็นด้วย  แต่น่าเสียดาย  เพราะในขณะนั้น  ผู้ใหญ่บนเกาะออกเรือไปหาปลากันหมด  ดังนั้น  วิธีนี้จึงใช้ไม่ได้

เด็กอีกคนหนึ่งจึงเสนอความเห็นบ้างว่า “ถ้าอย่างนั้น เราลองหาช้างมาช่วยดันเจ้าวาฬน้อยกลับทะเลกันดีมั้ย”  เด็กทุก ๆ คนเห็นด้วย  แต่น่าเสียดาย เพราะในเกาะเล็ก ๆ ที่แห้งแล้งเช่นนี้  ไม่มีช้างอาศัยอยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว  ดังนั้น ความคิดนี้จึงตกไป

ในขณะที่ทุก ๆ คนกำลังนิ่งคิดหาวิธีใหม่ ๆ กันอยู่  จู่ ๆ เด็กที่ตัวเล็กกว่าใคร ๆ ก็พูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า “ถ้าเราทำให้น้ำรอบ ๆ ตัวของเจ้าวาฬน้อยสูงขึ้นได้  เจ้าวาฬน้อยก็คงจะไม่ถูกแดดเผา และก็คงจะอยู่สบายขึ้นกว่านี้นะ”

เมื่อเด็กคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดของเจ้าตัวเล็ก  พวกเขาก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมาทันที  เด็ก ๆ ชาวทะเลประชุมแบ่งงานกันครู่หนึ่ง จากนั้น พวกเขาก็พากันตั้งแถวเรียงจากชายฝั่งไปยังชายหาด  แล้วให้คนที่อยู่บนฝั่งส่งหินก้อนใหญ่ต่อกันเป็นทอด ๆ เพื่อให้เด็กที่ชายหาดก่อกำแพงหินรูปโค้งคล้ายผนังของบ่อน้ำสำหรับกักน้ำให้เจ้าวาฬน้อย 

เด็ก 12 คนส่งก้อนหินทีละก้อนให้กันและกันนานนับชั่วโมงอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย และในที่สุด พวกเขาก็สร้างเขื่อนหินรูปโค้งคล้ายรูประฆังคว่ำ ซึ่งทอดตัวยาวยื่นลงไปในทะเลได้สำเร็จด้วยพลังของพวกเขาเอง

เด็ก ๆ ชาวทะเลต่างโห่ร้องด้วยความดีใจที่พวกเขาสามารถช่วยชีวิตเจ้าวาฬน้อยเอาไว้ได้  ส่วนเจ้าวาฬน้อยเอง เมื่อมีน้ำมากพอ มันก็รีบพลิกตัวแล้วว่ายน้ำกลับไปตามหาเพื่อน ๆ ของมันที่อยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งกลางทะเลลึก

ในที่สุด ความสุขสงบก็กลับคืนมาอีกครั้ง  และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน  เด็ก ๆ ชาวทะเลก็ต้องแปลกใจเมื่อพวกเขาเห็นเจ้าวาฬน้อยพร้อมกับเพื่อน ๆ ของมันนับสิบตัว  พากันว่ายน้ำกลับมาที่ชายฝั่งของเกาะที่แห้งแล้งของพวกเขาอีกครั้ง   จากนั้น พวกมันก็พร้อมใจกันพ่นน้ำออกมาจากกลางหลัง เพื่อสร้างสายฝนอันชุ่มฉ่ำแทนคำขอบคุณสำหรับจิตใจอันงดงามของเด็ก ๆ

เด็ก ๆ ทุกคนพากันเล่นน้ำฝนอย่างมีความสุข  และแน่นอนว่า…เจ้าวาฬน้อยกับผองเพื่อนต่างก็มีความสุขด้วยเช่นกัน

#นิทานนำบุญ

………………

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.