นิทานก่อนนอนเรื่อง จอมยุทธรสโอชา
กาลครั้งหนึ่ง ณ ดินแดนมังกรอันกว้างใหญ่ ยังมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า ‘เหม่ยชิง’
เหม่ยชิงฝันอยากเป็นเจ้ายุทธภพที่ใครต่อใครต่างยอมสยบยกให้เป็นหนึ่ง แต่ด้วยความที่เหม่ยชิงเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ความแข็งแกร่งทางร่างกายจึงไม่อาจเทียบกับผู้ชายได้ การฝึกวิชาหมัดมวย, กระบี่กระบองหรือการต่อสู้ที่ต้องใช้พละกำลังจึงไม่เหมาะกับเธอเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้ เหม่ยชิงจึงคิดหาวิชาที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด โดยเธอใช้เวลาคิดอยู่นานหลายสัปดาห์ ลงท้าย…เธอก็ตัดสินใจเลือกศึกษาวิชาที่ไม่เคยมีจอมยุทธ์คนใดให้ความสนใจมาก่อน!
หลังจากวันนั้น เหม่ยชิงก็เริ่มฝึกวิชาด้วยการไปช่วยผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านทำอาหารต่าง ๆเมื่อผู้คนซักถาม เหม่ยชิงก็มักตอบไปตามตรงว่า เธอกำลังฝึกวิชาเพื่อเป็นเจ้ายุทธภพในอนาคต
ไม่ว่าใครที่ได้ยินคำตอบของเด็กผู้หญิงตัวน้อยต่างก็พากันหัวเราะในความไร้เดียงสา เพราะการทำอาหารจะเอาชนะวิชาการต่อสู้ต่าง ๆ ได้อย่างไร
เหม่ยชิงรู้ดีว่าสิ่งที่เธอทำอาจดูน่าขันสำหรับคนอื่น แต่กับตัวเธอแล้ว มันเป็นเพียงวิธีเดียวที่เด็กผู้หญิงอย่างเธอจะเอาชนะและเป็นที่ยอมรับของยอดฝีมือทั้งหลายได้ เหม่ยชิงจึงตั้งใจเรียนรู้วิชาทำอาหารจากทุก ๆ บ้าน, ศึกษาวิธีเลือกวัตถุดิบและเคล็ดลับของแต่ละครัวเรือน รวมทั้งออกเดินทางไปเรียนรู้วิชาในต่างถิ่นแล้วนำมาพลิกแพลงจนกลายเป็นเคล็ดลับประจำตัว
เวลาผ่านไปหลายปี จวบจนกระทั่งวันคัดเลือกเจ้ายุทธภพมาถึง จอมยุทธจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมายังลานประลองฝีมือกันโดยถ้วนหน้า จอมยุทธบางคนเก่งวิชาหมัดมวย, บางคนถนัดการใช้กระบี่หรือดาบ, บางคนเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธแปลกตาสารพัด แต่มีเพียงคนเดียวที่มีอาวุธเป็นกระทะ, ตะหลิว, เครื่องครัวและวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ใช่แล้ว จอมยุทธที่มีเครื่องครัวเป็นอาวุธก็คือสาวน้อยเหม่ยชิงนั่นเอง
เมื่อจอมยุทธคนอื่นเห็นสาวน้อยผู้ที่นำของพะรุงพะรังมาร่วมในงานประลองยุทธ์ (ราวกับจะมาทำกับข้าวนอกสถานที่) ทุกคนจึงมองข้าม แล้วหันหน้าเข้าประลองยุทธ์กับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือสูสีกัน ผู้ที่เก่งดาบก็เลือกสู้กับผู้ที่เก่งดาบ ผู้ที่ถนัดกระบี่ก็เลือกสู้กับผู้ที่ถนัดกระบี่ จอมยุทธที่ถนัดในแต่ละด้านพยายามสู้กันเองเพื่อหาคนที่เก่งที่สุดไปสู้กับยอดฝีมือในด้านอื่นต่อไป
เมื่อไม่มีใครสนใจประลองฝีมือกับเหม่ยชิง สาวน้อยจึงจัดแจงตั้งโต๊ะทำครัว, เตรียมข้าวของและเครื่องปรุงต่าง ๆ จากนั้น จอมยุทธผู้เชี่ยวชาญในการทำอาหารก็เริ่มใช้ความรู้ทั้งหมดที่ได้ร่ำเรียนมา ปรุงอาหารที่เธอคัดสรรมาเป็นอย่างดี
เหม่ยชิงก่อเตาโดยนำไม้ชนิดพิเศษมาทำฟืน ความร้อนที่เกิดจากไม้ชนิดนี้ทำให้เธอควบคุมความร้อนของไฟได้ดังใจปรารถนา ระหว่างที่เหม่ยชิงรอเวลาให้ไฟร้อนได้ที่ เธอก็จัดการหั่นผัก, สับหมู, แล่เนื้อ, หมักไก่ และเตรียมเครื่องปรุงสารพัดชนิดอย่างว่องไวจนตาแทบมองไม่ทัน
ครั้นเมื่อถ่านไม้ร้อนได้ที่แล้ว เหม่ยชิงก็นำกระทะขึ้นตั้งเตา ใส่น้ำมันที่กลั่นจากเมล็ดดอกไม้หอม จนน้ำมันส่งเสียงร้องว่าร้อนจัด เหม่ยชิงก็สาดผัก 7 สีออกจากจานให้พุ่งลงไปในกระทะ ผักสะดุ้งไฟเล็กน้อยแล้วลอยตัวขึ้นสัมผัสกับอากาศด้วยพลังข้อมือของเหม่ยชิงที่ฝึกฝนการทำครัวมาเป็นอย่างดี ทันใดนั้น กลิ่นของผัดผักสายรุ้งก็หอมฟุ้งคลุ้งกระจายไปทั่วทั้งลานประลอง ทำให้จอมยุทธทุกคนท้องร้องจ๊อก ๆ จนไม่มีสมาธิในการประลองฝีมืออีกต่อไป
แม้จอมยุทธหลายคนจะทำเป็นไม่สนใจในกลิ่นหอมของอาหารที่เหม่ยชิงปรุง แต่เมื่อพวกเขาเหลือบมาเห็นความงามของอาหารแต่ละจาน จิตใจของทุกคนก็เริ่มปั่นป่วนกันอีกครั้ง
จอมยุทธบางคนอดใจไม่ได้จึงตัดใจยอมแพ้แล้วรีบมา ขอชิมอาหารที่ดูน่ากินยิ่งนัก ซึ่งทันทีที่อาหารสัมผัสกับปลายลิ้น เขาก็คุกเข่าลงร้องไห้ด้วยความปลื้มปีติ เพราะนอกจากอาหารที่เหม่ยชิงทำจะมีกลิ่นหอม, หน้าตาชวนรับประทานและมีรสชาติแสนอร่อยแล้ว มันยังทำให้คนที่ได้ชิมรู้สึกถึงรสอาหารที่แม่เคยป้อนตอนเด็ก ๆ ด้วย
น้ำตาของจอมยุทธคนนั้นทำให้จอมยุทธทั้งหลายอดใจไม่ไหวจนอยากลองลิ้มชิมอาหารของเหม่ยชิงบ้าง เมื่อจอมยุทธทุกคนมาขอชิมอาหาร เหม่ยชิงจึงจัดการแบ่งปันให้ทุกคนได้ชิมกันอย่างทั่วถึง
รสชาติของอาหารทำให้จอมยุทธแต่ละคนหวนคิดถึง “รสมือแม่” และทำให้พวกเขาตื้นตันจนไม่อยากประลองฝีมือกันอีก
จอมยุทธคนหนึ่งจึงเอ่ยปากขึ้นว่า “วิทยายุทธในการปรุงอาหารของสตรีผู้นี้ยอดเยี่ยมถึงขั้นที่ทำให้พวกเราทุกคนอิ่มเอมใจจนไม่อยากประลองฝีมือกันต่อ ดังนั้น ในปีนี้ข้าพเจ้าคิดว่า พวกเราน่าจะยกตำแหน่งเจ้ายุทธภพให้แก่จอมยุทธผู้มีฝีมือล้ำเลิศผู้นี้กันดีไหม”
จอมยุทธทุกคนมองเหม่ยชิงด้วยแววตาชื่นชม แม้เหม่ยชิงจะไม่มีวิชาการต่อสู้แบบที่ต้องใช้พละกำลัง แต่เธอฉลาดพอที่จะเลือกฝึกวิชาซึ่งเหมาะสมกับตนเอง ทั้งยังเรียนรู้และฝึกฝนได้อย่างแตกฉาน จอมยุทธทุกคนจึงยอมสยบและยกให้เหม่ยชิงเป็นเจ้ายุทธภพ จากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านโดยมีรสชาติของอาหารที่แสนวิเศษอบอวลอยู่ในปากและมีความปีติเอ่อล้นอยู่ในหัวใจ
#นิทานนำบุญ
………………………………….
2 thoughts on “จอมยุทธรสโอชา”