นิทานก่อนนอนเรื่อง “นักประดิษฐ์รุ่นจิ๋ว” เป็นนิทานที่ผมได้แรงบันดาลใจมาจากการเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ ในยุคนั้น การสอนวิทยาศาสตร์ให้สนุกเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน หัวข้อในการเรียนก็ยังไม่หลากหลายมากนัก แต่มีหัวข้อหนึ่งที่ผมสอน (ซึ่งเป็นหลักสูตรจากแคนาดา) มีชื่อว่่า “นักประดิษฐ์รุ่นจิ๋ว” ซึ่งจากหัวข้อของบทเรียนดังกล่าว ก็นำมาสู่การแต่งนิทานเรื่องนี้ครับ
นิทานเรื่อง นักประดิษฐ์รุ่นจิ๋ว
กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กน้อยคนหนึ่งชื่อว่า “คิด” คิดเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่มักจะสอบได้เป็นที่สุดท้ายของชั้นเรียนเสมอ เพื่อน ๆ ในห้องจึงไม่ค่อยสนใจเขาสักเท่าไหร่
อยู่มาวันหนึ่ง คุณครูให้เด็กนักเรียนออกมาเล่าว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” เด็กส่วนใหญ่ต่างอยากเป็นหมอ, คุณครู, นักธุรกิจหรือดารานักร้อง แต่คิดกลับฝันต่างออกไป คือเขาอยากเป็น “นักประดิษฐ์” ผู้สร้างสิ่งที่มีประโยชน์ให้แก่ผู้คนทั้งหลาย
เมื่อเด็ก ๆ ในห้องได้ยินสิ่งที่คิดใฝ่ฝัน เด็กทุกคนก็พากันหัวเราะขบขัน เพราะคนที่จะเป็นนักประดิษฐ์ได้ควรจะเป็นคนเรียนเก่งเท่านั้น ซึ่งคิดไม่ใช่คนเก่งเลยในสายตาของเพื่อน ๆ
แม้คิดจะน้อยใจที่ถูกเพื่อน ๆ หัวเราะเยาะ แต่เขายังโชคดีที่มีคุณครูคอยให้กำลังใจ โดยคุณครูบอกว่า “สิ่งประดิษฐ์คือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาและทำให้ชีวิตของคนเราสะดวกสบายมากกว่าที่เป็นอยู่ นักประดิษฐ์จึงไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือเก่ง แต่ต้องเป็นคนที่สังเกตเก่งคือมองเห็นความไม่สะดวกสบายของผู้คนและคิดสร้างสิ่งของเพื่อแก้ปัญหานั้น ๆ ได้ถ้าคิดตั้งใจจริง หมั่นฝึกสังเกต คิดต้องเป็นนักประดิษฐ์ได้แน่ ๆ ครูเชื่ออย่างนั้น”
คำพูดของคุณครูทำให้คิดมีกำลังใจมากขึ้นเป็นร้อยเท่า เมื่อคิดกลับถึงบ้าน เขาจึงเริ่มสังเกตว่าคนในบ้านมีความไม่สะดวกสบายอะไรในชีวิตบ้างไหม
คิดพยายามสังเกตแล้วสังเกตอีก แต่ดูเหมือนว่าคนในบ้านทุกคนต่างมีความสุขกันดี (เพราะมีเครื่องอำนวยความสะดวกไว้ใช้เต็มไปหมด) ในขณะที่คิดเกือบจะเลิกการสังเกตอยู่แล้ว จู่ ๆ คิดก็ได้ยินเสียงคุณแม่ร้องบอกให้ทุกคนช่วยกันหาไม้เท้าของคุณยายซึ่งคุณยายไม่รู้ว่าลืมไว้ที่ไหนในบ้าน
จริง ๆ แล้ว คุณยายลืมไม้เท้าทิ้งไว้ตรงนู้นตรงนี้แทบทุกวัน บางครั้งก็หาง่าย บางครั้งก็หายาก แม้เรื่องการลืมไม้เท้าจะเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าทุกคนไม่ต้องเสียเวลานาน ๆ ในการหาไม้เท้า ทุกคนก็คงจะ “สะดวกสบาย” มากขึ้น!
เมื่อนึกถึงคำว่า “สะดวกสบาย” เด็กน้อยก็รู้ในทันทีว่าโอกาสแสดงฝีมือของเขาได้มาถึงแล้ว
คิดตัดสินใจเริ่มต้นงานของเขาด้วยการนำข้าวของมาวางกอง ๆ ไว้ เขามองดูเชือก, หนังยาง, เทปกาว, ขวดน้ำ, โทรศัพท์มือถือเก่า ๆ, กล่องกระดาษ ฯลฯ ซึ่งเป็นของเหลือใช้เท่าที่มีอยู่ในบ้าน จากนั้น เขาก็พยายามคิดสร้างสิ่งประดิษฐ์จากสิ่งของเหล่านี้
เด็กน้อยคิด คิด…แล้วก็คิด เขาใช้เวลาคิดอยู่พักใหญ่ ในที่สุด เขาก็คิดออก
คิดลงมือสร้างสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกในชีวิตของเขา ด้วยการนำเอาโทรศัพท์มือถือไปประกบกับไม้เท้าของคุณยายแล้วใช้เทปกาวพันจนแน่น ครั้นเมื่อคุณยายลืมไม้เท้าอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น แทนที่คิดจะเดินตามหาไม้เท้าอย่างที่คนอื่นทำ เขากลับโทรศัพท์ไปยังหมายเลขของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คิดก็รู้ในทันทีว่าไม้เท้าของคุณยายอยู่ที่ไหน
การใช้ความคิดสร้างสิ่งประดิษฐ์อย่างง่าย ๆ ของคิดทำให้ทุกคนต่างทึ่งไปตาม ๆ กัน เมื่อคิดนำเรื่องไปเล่าให้คุณครูฟัง คุณครูจึงขอให้คิดเขียนกระบวนการออกมาเป็นลำดับขั้นตอน แล้วคุณครูก็ส่งโครงงานที่ลูกศิษย์คิด เข้าร่วมประกวดในการแข่งขันนักประดิษฐ์รุ่นจิ๋วระดับประเทศ!
สองเดือนผ่านไป คณะกรรมการในงานประกวดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องสิ่งประดิษฐ์ได้ส่งจดหมายแจ้งผลให้ทางโรงเรียนทราบว่า คิดซึ่งเป็นตัวแทนของโรงเรียนไม่ได้รับรางวัลที่ 1, ที่ 2 หรือที่ 3 จากการประกวด ทั้งยังไม่ได้รางวัลชมเชยใด ๆ อีกด้วย
แต่ทางคณะกรรมการมีความเห็นว่า สิ่งประดิษฐ์ของคิดแสดงให้เห็นถึงความช่างสังเกตและความคิดสร้างสรรค์ในการนำสิ่งของใกล้ตัวมาใช้ทำเป็นสิ่งประดิษฐ์ได้อย่างน่าทึ่ง ทางคณะกรรมการจึงขอมอบรางวัลขวัญใจกรรมการให้แก่คิด และมอบสิทธิ์ให้เขาเข้าร่วมฝึกฝนความคิดกับกลุ่มนักประดิษฐ์มืออาชีพเป็นกรณีพิเศษ
เมื่อทุกคนในโรงเรียนได้ทราบข่าว ทุก ๆ คนก็ดีใจและปรบมือให้คิดจนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งโรงเรียน เพื่อน ๆ ที่เคยมองว่าคิดไม่เก่งก็เริ่มตระหนักว่า ความเก่งมิได้วัดจากคะแนนสอบเท่านั้น คนที่เรียนไม่เก่ง อาจมีความเก่งในด้านอื่น ๆ ซ่อนอยู่ก็เป็นได้
คิดดีใจมากที่เขาได้รับโอกาสในการพัฒนาตัวเองอย่างที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ส่วนคุณครูก็ดีใจไม่แพ้กันที่ลูกศิษย์ตัวน้อยได้ก้าวเข้าใกล้ความฝันมากขึ้น….อีกหนึ่งก้าว
#นิทานนำบุญ
