นิทานเรื่อง อีกาเจ้าเล่ห์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเกาะกลางทะเลเกาะหนึ่งเป็นเกาะที่น่าอยู่ไม่แพ้ใคร ทางตอนเหนือของเกาะมีผลไม้ให้เก็บกินได้ตลอดทั้งปี ส่วนทางตอนใต้ก็มีปลาให้จับได้ไม่รู้หมด ผู้คนทางตอนเหนือและตอนใต้ของเกาะจึงแลกเปลี่ยนอาหารกันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเสมอมา
วันหนึ่ง มีอีกาเจ้าเล่ห์บินมาพบเกาะแสนสุขเกาะนี้เข้า เจ้าอีกาอยากได้เกาะแสนสุขมาเป็นที่อยู่ของตน มันจึงวางแผนแย่งเกาะจากผู้คนที่อาศัยอยู่
อีกาเจ้าเล่ห์วางแผนยึดครองเกาะด้วยการชวนพรรคพวกให้ลอบบินเข้าไปในเกาะในคืนเดือนมืด จากนั้น พวกมันก็แอบขโมยเสื้อผ้าของชาวเกาะทางตอนเหนือไปซ่อนไว้ในบ้านของชาวเกาะที่อยู่ทางตอนใต้ แล้วขโมยเสื้อผ้าของชาวเกาะทางตอนใต้ไปซ่อนไว้ในบ้านของชาวเกาะที่อยู่ทางตอนเหนือ
ครั้นเมื่อชาวเกาะตื่นขึ้นมาและเห็นว่าเสื้อผ้าของตนหายไป พวกเขาจึงออกค้นหาจนพบว่าเสื้อผ้าถูกขโมยไปซ่อนไว้ในบ้านของคนอื่น ชาวเกาะทางตอนเหนือต่อว่าชาวเกาะทางตอนใต้อย่างสาดเสียเทเสียด้วยความโมโห ส่วนชาวเกาะทางตอนใต้ก็โกรธจัดถึงขั้นท้าตีท้าต่อยกับชาวเกาะทางตอนเหนืออย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่ออีกาเจ้าเล่ห์เห็นว่าแผนง่าย ๆ ของมันทำให้ชาวเกาะแตกความสามัคคีกันได้ มันก็กระหยิ่มยิ้มย่องแล้วเริ่มแผนขั้นที่สองด้วยการค่อย ๆ บินเข้าไปที่เกาะทีละตัวสองตัว
ไม่นานนัก เกาะทั้งเกาะก็มีแต่อีกาอาศัยอยู่เต็มไปหมด เมื่อชาวเกาะเห็นอีกามากมายเกาะอยู่ตามต้นไม้ ชาวเกาะก็หวั่นใจว่าอาจเกิดเหตุร้าย, โรคระบาด, ภัยธรรมชาติหรือเรื่องอัปมงคลต่าง ๆ (เพราะอีกาเป็นสัญลักษณ์ของลางร้าย) ชาวเกาะจำนวนมากจึงคิดที่จะย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น
ในขณะที่ชาวเกาะยังคงทะเลาะกันและมีบางครอบครัวที่เตรียมอพยพออกจากเกาะ ยังมีเด็กชาวเกาะชายหญิงสองคนที่สังเกตเห็นพิรุธบางอย่างเกี่ยวกับกรณีการขโมยเสื้อผ้าที่เกิดขึ้น!
เด็กทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน, อายุเท่ากัน, เรียนหนังสือโรงเรียนเดียวกัน โดยเด็กผู้ชายมีบ้านอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ ส่วนเด็กผู้หญิงอาศัยอยู่ทางตอนใต้ ในวันที่เกิดเหตุ เสื้อผ้าของเด็กผู้ชายถูกขโมยไปไว้ที่บ้านของเด็กผู้หญิง ส่วนเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงก็ถูกขโมยไปไว้ในบ้านของเด็กผู้ชาย เด็กทั้งสองคนไม่ได้ขโมยเสื้อผ้าของกันและกัน พวกเขาจึงเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดน่าจะเป็นฝีมือของใครสักคนที่ประสงค์ร้ายต่อชาวเกาะแสนสุข
ครั้นเมื่อเด็กทั้งสองเห็นอีกาเข้ามาอยู่ที่เกาะเป็นจำนวนมาก ทั้งคู่ก็ยิ่งรู้สึกผิดสังเกต เด็กทั้งสองคนจึงหารือกันแล้วแกล้งไปนอนเล่นที่ใต้ต้นไม้พร้อมกับทำทีเหมือนหลับ แต่จริง ๆ แล้ว พวกเขาตั้งใจที่จะแอบฟังว่าพวกอีกาคุยอะไรกันบ้าง
อีกาทั้งหลายไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองคนสงสัยในตัวพวกมัน อีกาจึงเผลอพูดคุยกันถึงแผนการต่าง ๆ ที่พวกมันได้ทำเอาไว้
หลังจากที่เด็กทั้งสองคนมั่นใจว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของอีกาเจ้าเล่ห์ พวกเขาจึงนำข้อมูลที่ได้ไปปรึกษาคุณครูใหญ่ซึ่งเป็นคุณครูผู้เฒ่าที่ทุกคนเคารพนับถือ
คุณครูใหญ่ฟังเรื่องที่เด็กทั้งสองคนเล่าแล้วเห็นว่ามีความเป็นไปได้ คุณครูผู้ชราแต่มีปัญญาเฉลียวฉลาดจึงวางแผนจัดพิธีอำลาเกาะแสนสุขด้วยการนำอาหารเซ่นไหว้ซึ่งเลือกเฉพาะอาหารที่อีกาชอบไปไว้ในถ้ำ แล้วจัดพิธีให้ชาวเกาะทั้งหมดมาไหว้อำลาเจ้าป่าเจ้าเขาผู้คุ้มครองเกาะโดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้น ก็ให้ทุกคนแยกย้ายพายเรือออกจากเกาะทันที
หลังจากที่ชาวเกาะออกเรือไปจนหมด อีกาเจ้าเล่ห์ซึ่งดีใจที่แผนของมันสำเร็จได้อย่างง่ายดายก็เรียกให้พรรคพวกของมันเข้าไปฉลองกันในถ้ำซึ่งมีอาหารที่พวกมันชอบอยู่เต็มไปหมด พวกอีกาฉลองกันเพลินจนลืมระวังตัว ทำให้ไม่รู้ว่าชาวเกาะทั้งหมดได้ย้อนกลับมาที่เกาะอีกครั้งตามแผนที่คุณครูผู้เฒ่าได้วางเอาไว้
ชาวเกาะส่วนหนึ่งช่วยกันนำตาข่ายมาขึงปิดที่ปากถ้ำโดยไม่ให้พวกอีการู้ ส่วนชาวเกาะที่เหลือก็เงี่ยหูฟังการพูดคุยกันของพวกอีกา จนทุกคนได้รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นแผนการอันร้ายกาจของเหล่าอีกาเจ้าเล่ห์
ชาวเกาะทั้งหลายรู้สึกอายที่ตนเองปล่อยให้ความโกรธบังตาจนถูกอีกาหลอกเข้าเต็มเปา ชาวเกาะทางตอนเหนือจึงขอโทษชาวเกาะทางตอนใต้ ส่วนชาวเกาะทางตอนใต้ก็ขอโทษชาวเกาะทางตอนเหนือ เมื่อต่างฝ่ายต่างขอโทษและให้อภัยกัน มิตรภาพจึงกลับคืนมาอีกครั้ง
ในที่สุด ชาวเกาะทั้งหมดก็ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญซึ่งทำให้พวกเขาหนักแน่นไม่หลงกลการยุแยงของใคร ๆ อีก เด็กชาวเกาะทั้งสองคนต่างภูมิใจที่พวกเขามีส่วนปกป้องเกาะบ้านเกิดเอาไว้ได้ ส่วนอีกาเจ้าเล่ห์และพรรคพวกที่ถูกขังอยู่ในถ้ำก็ถูกคุณครูผู้เฒ่าทำโทษด้วยการจับเขกหัวและคุณครูผู้เฒ่าก็อบรมบ่มนิสัยจนพวกมันไม่กล้าคิดร้ายกับใคร ๆ อีกเลย
#นิทานนำบุญ
……………………
