การฝึกความคิดเป็นเรื่องสำคัญ เชื่อหรือไม่ว่าแสตมป์ 4 ดวงนี้สามารถนำมาใช้ฝึกความคิดได้จริง ๆ เพียงแค่สลับที่ของแสตมป์ แล้วแต่งนิทานขึ้นมาใหม่ ก็จะได้นิทานเรื่องใหม่ทันที เรามาดูตัวอย่างจากนิทานที่นำแสตมป์มาผูกเป็นเรื่องกันนะครับ
นิทานแสตมป์ : นิทานกล่อมน้อง
ผมชื่อว่าฮันน์ ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ กับคุณพ่อคุณแม่และน้อง ๆ ของผม
วันหนึ่ง…คุณพ่อคุณแม่ของผมจำเป็นต้องไปเฝ้าคุณยายนานถึงสามวันเพราะคุณยายไม่สบายมาก คุณพ่อกับคุณแม่จึงฝากฝังให้ผมดูแลบ้านและน้อง ๆ ในช่วงเวลาที่ท่านไม่อยู่
วันแรกที่คุณพ่อคุณแม่ไปเฝ้าคุณยาย ผมจัดการงานบ้านต่าง ๆ ได้อย่างสบายไร้ปัญหา แต่เมื่อถึงเวลาที่ผมต้องพาน้อง ๆ ไปเข้านอน น้อง ๆ กลับงอแงและขอให้ผมเล่านิทานก่อนนอนเหมือนที่คุณพ่อคุณแม่เคยทำมาโดยตลอด
จริง ๆ แล้วผมก็ชอบฟังนิทาน แต่ผมจำนิทานที่เคยฟังไม่ได้เลยสักเรื่อง หนำซ้ำ…ในบ้านของผมยังไม่มีหนังสือนิทานเสียอีก การเล่านิทานให้น้องฟังจึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผม
โชคดีที่คุณพ่อเคยสอนผมว่า “ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ให้กลุ้ม เพียงแค่เราใช้ความคิด ปัญหาทั้งหลายก็จะกลายเป็นเรื่องกระจิริด”
เมื่อผมคิดถึงคำสอนของคุณพ่อ ผมจึงพยายามคิด…คิด…แล้วก็คิด ในที่สุด ผมก็คิดได้ว่า ผมมีแสตมป์นิทานเก่าแก่อยู่ชุดหนึ่ง ผมจึงไปหยิบสมุดแสตมป์ออกมาดู จากนั้น ผมก็เริ่มเล่านิทานตามลำดับของภาพในแสตมป์ให้น้องของผมฟัง
นิทานเรื่องที่ 1 :
“แม่มดตนหนึ่ง มั่นใจว่าตนเองสวยกว่าใคร ๆ ในปฐพี แต่เมื่อเธอถามกระจกวิเศษผู้รอบรู้ กระจกวิเศษกลับตอบว่า ผู้หญิงที่สวยที่สุดคือสาวน้อยใจดีซึ่งอาศัยอยู่กับคนแคระทั้งเจ็ด แม่มดทั้งโกรธทั้งริษยา นางจึงปลอมตัวเป็นหญิงชราแล้วเอาผลไม้อาบยาพิษไปให้สาวน้อยกิน เมื่อสาวน้อยหลงกลกินผลไม้อาบยาพิษ เธอจึงเสียชีวิตในทันที โชคดีที่คนแคระรู้จักเจ้าชายผู้มีเวทมนตร์ คนแคระจึงขอให้เจ้าชายมาช่วยชุบชีวิตให้ เมื่อสาวน้อยฟื้นขึ้นมา สาวน้อยจึงได้แต่งงานกับเจ้าชาย แล้วทั้งคู่ก็ได้อยู่ร่วมกันนับจากนั้น”
เมื่อน้อง ๆ ของผมได้ฟังนิทานจนจบ พวกเขาก็หลับไปอย่างมีความสุข ผมดีใจมากที่ผมเล่านิทานกล่อมน้องได้สำเร็จ และในขณะเดียวกัน ผมก็เริ่มมองเห็นว่า ผมอาจนำแสตมป์ชุดนี้มาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งนิทานเรื่องใหม่ ๆ ต่อไปได้อีก
คืนวันที่สอง ผมทดลองนำแสตมป์ชุดเดิมมาสลับสับที่กัน จากนั้น ผมก็คิด…คิด…แล้วก็คิด จนกระทั่งผมคิดนิทานแปลก ๆ ออกมาได้เรื่องหนึ่ง
นิทานเรื่องที่ 2 :
“นานมาแล้ว มีหญิงสาวคนหนึ่งถูกแม่มดหลอกให้กินผลไม้มายา วันรุ่งขึ้น…หญิงสาวก็คลอดลูกออกมาถึงเจ็ดคน ซึ่งลูกทุกคนมีหน้าตาแก่เกินวัยและมีนิสัยแสนขี้เกียจ หญิงสาวต้องเลี้ยงดูลูก ๆ โดยที่ลูก ๆ ไม่เคยช่วยเหลือเธอเลย ในที่สุด หญิงสาวก็เหนื่อยจนเสียชีวิต เมื่อแม่ ตายจากไป ลูกทั้งเจ็ดจึงรู้สึกสำนึกผิด พวกเขาไปขอให้นักเวทย์ช่วยชุบชีวิตให้แม่ จากนั้น พวกเขาก็ให้แม่แต่งตัวสวย ๆ อยู่แต่ในบ้าน ส่วนพวกเขาก็อาสาทำงานเลี้ยงดูแม่เพื่อให้แม่มีความสุข
เมื่อน้อง ๆ ของผมได้ฟังนิทานเรื่องใหม่จนจบ พวกเขาก็หลับปุ๋ยไปอีก ผมเริ่มมีความมั่นใจในวิธีการแต่งนิทานของผมมากขึ้น แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่า ผมจะคิดและเล่านิทานในคืนวันที่สามซึ่งเป็นวันสุดท้ายได้สำเร็จหรือไม่?
ในคืนวันที่สาม ผมพยายามนั่งเรียงแสตมป์และคิดแต่งนิทานอยู่นานมาก ๆ ซึ่งก่อนที่จะถึงเวลาพาน้องเข้านอนเพียงครู่เดียว ผมก็คิดนิทานเรื่องใหม่ได้
นิทานเรื่องที่ 3 :
“นานมาแล้ว มีเจ้าชายองค์หนึ่งทรงอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่มีน้ำใจงาม พระองค์จึงไปยังป่าช้าแล้วใช้เวทมนตร์เปลี่ยนร่างให้เป็นหญิงสาว หลังจากนั้น พระองค์ก็เข้าไปทำงานในร้านอาหารแล้วแกล้งทำทีน่าสงสาร แต่ก็ไม่มีผู้หญิงคนใดเห็นใจพระองค์เลย ยกเว้นก็แต่หญิงชราคนหนึ่งที่มีน้ำใจมอบผลไม้ให้ เจ้าชายทรงเห็นว่าหญิงชราทั้งแก่ทั้งเหี่ยว พระองค์จึงไม่คิดแต่งงานด้วย อนิจจา…เจ้าชายทรงไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้วหญิงชราเป็นเจ้าหญิงผมแดงแสนสวยที่ปลอมตัวมาเพื่อตามหารักแท้ ด้วยเหตุนี้ เจ้าชายจึงพลาดไม่ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงผู้มีน้ำใจไปอย่างน่าเสียดาย ”
เมื่อผมเล่านิทานเรื่องที่สามจบ น้อง ๆ ของผมก็หลับฝันหวานไปอีก “การใช้ความคิดช่วยทำให้ปัญหากลายเป็นเรื่องกระจิริดได้จริง ๆ “
เช้าวันต่อมา คุณพ่อคุณแม่ของผมกลับมาถึงบ้านพร้อมกับนำข่าวดีมาบอกให้ผมรู้ว่า คุณยายของผมหายป่วยแล้ว ผมดีใจมากที่คุณยายกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมอีกครั้ง นอกจากนี้ ผมก็ภูมิใจที่ตัวเองสามารถดูแลบ้านและน้อง ๆ ได้ดีสมกับที่คุณพ่อคุณแม่ได้ฝากฝังเอาไว้
#รักหนูนะ