นิทานก่อนนอนเรื่อง “พลังแห่งเวทมนตร์” เป็นนิทานก่อนนอนแนวพ่อมดแม่มดเรื่องใหม่ล่าสุดที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้เด็ก ๆ ในช่วงปีใหม่ 2565 หวังว่านิทานก่อนนอนเรื่องนี้จะทำให้เด็ก ๆ มีความสุขและได้แนวคิดดี ๆ จากการอ่านนิทานนะครับ
นิทานเรื่อง พลังแห่งเวทมนตร์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนแห่งเวทมนตร์ มีนางฟ้ากับแม่มดคู่หนึ่ง เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ชอบใช้คาถาแข่งกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อทั้งคู่โตเป็นผู้ใหญ่ เพื่อนรักทั้งสองก็เริ่มเบื่อหน่ายวิธีการประลองฝีมือในแบบเดิม ๆ ดังนั้น ทั้งคู่จึงตกลงกันว่า พวกเธอจะวัดฝีมือกันเป็นครั้งสุดท้าย โดยให้ลูกของทั้งคู่เป็นตัวแทนใช้ของวิเศษที่แม่สร้างขึ้น เพื่อทดสอบดูว่าคุณแม่ของใครจะมีพลังแห่งเวทมนตร์ที่เหนือกว่ากัน
เมื่อเพื่อนรักทั้งสองตกลงกันเช่นนั้นแล้ว แม่มดจึงรีบไปซุ่มกายร่ายคาถาเพื่อสร้างดินสอสัตว์ประหลาดให้แก่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ โดยแม่มดหวังให้ลูกชายของเธอวาดรูปและเสกสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดน่าชัง เพื่อขู่ให้ลูกสาวของนางฟ้ากลัวและยอมแพ้ไปในที่สุด
ส่วนนางฟ้าผู้มีอิทธิฤทธิ์ก็พยายามเฟ้นหาอาคมที่พิศดารล้ำลึก เพื่อเนรมิตพู่กันสายรุ้ง ให้ลูกสาวของเธอใช้ละเลงสีสันตามเนื้อตัวของลูกชายแม่มด เพื่อทำให้พ่อมดน้อยอับอายและยอมเป็นผู้แพ้ในการประลองครั้งนี้
หลังจากที่คุณแม่ทั้งสองมอบของวิเศษให้แก่ลูกของนางแล้ว แม่มดและนางฟ้าก็บอกให้ลูกของนางเดินทางไปยังเมือง ๆ หนึ่ง ซึ่งมีลานกว้างเหมาะแก่การประลองอำนาจวิเศษเป็นอย่างยิ่ง
ทันทีที่พ่อมดน้อยขี่ไม้กวาดไปถึงที่หมาย ลูกสาวของนางฟ้าซึ่งนั่งเมฆวิเศษมารออยู่ก่อนแล้ว ก็กวักมือเรียกลูกชายของเพื่อนคุณแม่ให้รีบเข้าไปหา จากนั้น แทนที่เธอจะท้าให้พ่อมดน้อยแสดงพลังของของวิเศษออกมา เธอกลับกระซิบถามพ่อมดน้อยด้วยความระแวดระวังว่า “เธอเห็นอย่างที่ฉันเห็นไหม ?”
พ่อมดน้อยมองไปรอบ ๆ ตัวเพื่อสังเกตสิ่งที่ทำให้ลูกสาวของนางฟ้ามีอาการหวาดหวั่น และทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่า เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่แตกต่างไปจากเมืองอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง คือมันเป็นเมืองที่ไร้สีสัน ทุก ๆ สิ่งล้วนมีแต่สีขาวสีดำ ซึ่งทำให้เมืองทั้งเมืองดูหม่นหมองเป็นที่สุด
ในขณะที่เด็กทั้งสองกำลังแปลกใจต่อสิ่งที่ได้เห็น จู่ ๆ ก็มีเด็กพื้นเมืองคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตรงเข้ามาหาพวกเขา เด็กน้อยบอกเพื่อนแปลกหน้าให้รีบออกไปจากเมืองทันที โดยเขาเล่าให้เด็กทั้งสองฟังว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนมีปีศาจตนหนึ่งบุกเข้ามาในเมือง และด้วยความที่มันชอบกินสีเป็นอาหาร ดังนั้น ในช่วงเวลาเพียงแค่สามวัน สีสันของสิ่งต่าง ๆ ในเมืองแห่งนี้จึงถูกมันดูดกินจนหมด มิหนำซ้ำ มันยังบังคับให้ชาวเมืองออกไปหาสิ่งของที่มีสีสันต่าง ๆ มาให้มันดูดกินอีกจนกว่ามันจะพอใจ ซึ่งหากใครขัดขืน มันก็ขู่ว่ามันจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับคน ๆ นั้น
พ่อมดน้อยกับลูกสาวของนางฟ้าเห็นใจผู้คนในเมืองแห่งนี้มาก พวกเขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่จะปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ถูกรังแกอยู่เช่นนี้ ดังนั้น แทนที่พ่อมดน้อยกับลูกสาวของนางฟ้าจะใช้ของวิเศษประลองฝีมือกัน พวกเขากลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝัน นั่นก็คือ…ทั้งคู่ตัดสินใจร่วมมือกันใช้ของวิเศษที่แม่ให้มาเพื่อจัดการกับเจ้าปีศาจใจร้าย
พ่อมดน้อยใช้ดินสอสัตว์ประหลาดวาดรูปสัตว์ประหลาดที่มีหน้าตาคล้ายกับมังกรยักษ์แล้วสั่งให้เจ้ามังกรยักษ์ของเขาไปจัดการกับเจ้าปีศาจดูดสีให้สิ้นฤทธิ์
ทันทีที่สัตว์ประหลาดของพ่อมดน้อยพบเจ้าปีศาจดูดสี เจ้ามังกรยักษ์ซึ่งตัวโตกว่าปีศาจดูดสีถึงสิบเท่าก็ตรงเข้าไปหาศัตรูของมัน แล้วจัดการตีด้วยหมัด ซัดด้วยศอก ตอกด้วยเข่า จนเจ้าปีศาจดูดสีจำใจต้องยอมแพ้ และสัญญาว่าจะเลิกรังแกผู้คนตลอดไป
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง นางฟ้าองค์น้อยก็ใช้พู่กันสายรุ้งที่แม่ของเธอมอบให้ ตวัดแต้มแต่งสีจนทุกสิ่งทุกอย่างกลับมามีสีสันอีกครั้ง ในที่สุด ความมหัศจรรย์ของดินสอและพู่กันก็ปัดเป่าความหม่นหมองของชาวเมืองให้หายไปจนหมดสิ้น
พ่อมดน้อยกับลูกสาวของนางฟ้าเล่าวีรกรรมที่ทั้งคู่ช่วยกันทำให้คุณแม่สุดที่รักฟัง โดยที่ทั้งคู่ไม่แน่ใจว่าคุณแม่ของพวกเขาจะพอใจกับสิ่งที่พวกเขาทำหรือไม่
แต่หลังจากที่แม่มดและนางฟ้าได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ความรู้สึกที่อยากจะใช้เวทมนตร์ต่อสู้กันก็สูญไปสิ้น ทั้งแม่มดและนางฟ้าไม่สนใจว่าใครจะมีฝีมือเหนือกว่าใครอีกแล้ว
เพราะสิ่งที่ลูก ๆ ของพวกเธอกระทำคือการใช้พลังแห่งเวทมนตร์ได้อย่างวิเศษที่สุด และแล้ว…แม่มดกับนางฟ้าก็พากันก้มลงจูบที่หน้าผากของลูกตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
#นิทานนำบุญ
…………………….
